ตอนที่ 1084 - หายนะของราชาเขต

The Divine Nine Dragon Cauldron

เทพไม้คือเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตหยินมู่ได้
  ใบหน้าแข็งทื่อของหยินมู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่น้ำเสียงของเขามีชีวิตชีวาขึ้น
  “เจ้าเป็นสหายของชาวเผ่าไม้เป็นหน้าที่ข้าที่ต้องช่วยเหลือเจ้า ศัตรูเจ้าอาจจะยังไปไม่ไกล เจ้าควรมาหลบภัยในที่ของพวกเราสักระยะ”
  หยินมู่แนะนำ
  ซือหยูไม่ปฏิเสธเขาใช้พลังฎีกาสวรรค์ไปมากเมื่อครู่ เขาเหนื่อยล้าเต็มทน
  …
  หลังจากใช้เวลาสามวันอยู่กับหุบเขาอันงดงามและเงียบสงบของชาวเผ่าไม้มาสามวันซือหยูฟื้นพลังเต็มที่แล้ว
  “ฎีกาสวรรค์ของข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว”
  หลังจากทำซ้ำจนมั่นใจซือหยูรู้สึกยินดีถ้าเขาต่อสู้กับพลังขอบเขตต่อไป ฎีกาสวรรค์ของเขาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
  การค้นพบอันน่าตกใจได้ทำให้ซือหยูมีความคิดหลายอย่างบางทีการฝึกฎีกาสวรรค์ในอนาคตอาจจะไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด
  หลังจากไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดซือหยูหยิบเอาตำราแห่งชีวิตเล่มสีดำและสร้อยหยกความทรงจำออกมา อย่างแรกคือตำราหยินของม่อจือเต๋า ขณะที่ในสร้อยหยกนั้นมีเนื้อหาของบันทึกตำราหยางม่อจือเต๋า หนึ่งหยิน หนึ่งหยาง สิ่งนี้คือการบรรลุและประสบการณ์ที่ม่อจือเต๋าเคยพบเจอในอดีต ซือหยูมีเวลาศึกษามันแล้ว
  “เสี่ยวไป่หากมีใครมา บอกว่าข้าบ่มเพาะอยู่”
  ซือหยูพูดกับหุ่นเชิดสีเงินที่ยืนด้านหลังเขามันพยักหน้าและบินขึ้นสูงเพื่อตรวจดูทุกทิศทาง
  หุ่นเชิดสีเงินนี้คือหุ่นเชิดที่มีหัวใจหุ่นเชิดอยู่  ทีแรกหุ่นเชิดนี้มีคุณสมบัติระดับจ้าวเทวะ แต่เมื่อมีพลังของหัวใจหุ่นเชิด มันก็มีพลังของอสูรเนรมิตรขั้นสาม กลายเป็นกำลังสำคัญของซือหยู
  ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นก็คือหัวใจหุ่นเชิดนั้นสามารถบ่มเพาะพลังได้มันสามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น
  ซือหยูทำจิตใจให้โล่งและเรียกเอาน้ำผึ้งร้อยบุพผาออกมาตาซ้ายเปล่งแสงสีม่วง เข้าสู่การเร่งเวลาห้าร้อยเท่า
  ตำราหยินและหยางของม่อจือเต๋ากำลังถูกพลิกออกมา
  ตลอดชีวิตประสบการณ์ มุมมองของชีวิต และการบรรลุของเขาในวิถีเทพ ทั้งหมดเริ่มเปิดสู่สายตาของซือหยู
  ซือหยูทั้งทึ่งสับสน บรรลุ ยินดี และโศกเศร้าไปพร้อมกัน ทุกสีหน้าแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา สะท้อนความรู้สึกที่อยู่ลึกภายใน
  สิ่งที่ซือหยูไม่รู้ก็คือภาพเทพผมดำที่สวมผ้าคลุมยิ่งใหญ่ได้มายืนอยู่ที่ด้านหลังของเขาอย่างไร้เสียงอีกครั้งเงาเทพกำลังมองบางอย่างจากระยะไกล ดวงตาของเขาลึกล้ำเกินคาดเดา
  การปรากฏตัวของภาพเขียนเทพทำให้หยินมู่ตื่นตัว
  เกิดความรู้สึกมากมายบนใบหน้าที่มักจะแข็งทื่อของเขา
  “ภาพเขียนเทพ!สัญญาณของการบรรลุฎีกาสวรรค์แปลงฟ้า! แต่ทำไมข้าถึงไม่คุ้นหน้าเทพผู้นี้เลย?”
  หยินมู่สงสัย
  ในสภาวะเร่งเวลาซือหยูได้เรียนรู้มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม แต่ก็เป็นเพียงครึ่งวันในโลกภายนอก
  ด้วยพลังของน้ำผึ้งร้อยบุพผาที่ทำให้ซือหยูบรรลุได้เร็วกว่าเดิมสิบเท่าซือหยูได้เข้า ใจฎีกาสวรรค์ของม่อจือเต๋าไปเกินครึ่ง
  เมื่ออ่านจบแววตาของเขามีประกายแสงของเทพ และเขาก็ยังคงคิดอยู่กับเรื่องฎีกาสวรรค์ของม่อจือเต๋า
  “สมกับเป็นยอดอัจฉริยะตลอดกาลในวิถีเทพและผู้ไร้เทียมทานต่อเหล่าเซียนข้ากับกู้ไทซูเทียบกับเขาไม่ได้เลย เขาทรงพลังเกินเซียนไปแล้ว เขาเป็นรองแค่เหล่าเทพเท่านั้น”
  จากตำราของม่อจือเต๋าซือหยูพบว่าในอดีต ม่อจือเต๋าอยู่ห่างจากการเป็นเทพแค่ก้าวเดียว แต่พลังทางกายภาพได้ฉุดรั้งเขาเอาไว้ ด้วยอายุขัยอันสั้นเพียงร้อยปี เขาได้หมดลมหายใจอย่างสงบในที่สุด
  เขาเสี่ยงมาที่แดนมณีเพื่อที่จะหาโอกาสแต่เขาโศกเศร้าอยู่เสมอเมื่อพบว่าตนล้มเหลวในท้ายสุด เขามิอาจยื้อชีวิตของตนเองเอาไว้ได้
  ก่อนที่เขาจะแตกดับเขาได้ตั้งใจไปที่สวนตำราในความมุ่งมั่นจะทิ้งมรดกของตนเอาไว้แก่คนรุ่นหลัง เพื่อจิวโจวในอนาคต
  “น่าเสียดายเหลือเกิน”   ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ หากไร้ซึ่งขีดกำจัดทางกาย เขาคงจะกลายเป็นเทพไปแล้ว
  วิถีเทพของม่อจือเต๋าได้มอบแนวทางแก่ซือหยูหลายประการเช่นเดียวกับการยืนยันสิ่งที่เขาคาดคิดหลายเรื่องในวิถีเทพ
  หลังจากปิดตำรารอยพิมพ์ที่ยังอยู่เหนือศีรษะของซือหยูลอยขึ้นช้า ๆ และปล่อยคลื่นพลังอันน่าตกใจออกมา
  วิบัติตำรากำลังจะมาถึงแล้ว
  หากว่าตามทฤษฎีวิบัติทั้งห้าในแดนมณีถูกซือหยูที่เป็นจ้าวหอคอยชำระล้างไปแล้ว แต่เหลือเพียงวิบัติเดียวที่เขาจงใจไม่ชำระล้างก็คือวิบัติตำราของตัวเอง มันคือโอกาสสำหรับเขา
  เมื่อคลื่นพลังสลายไปเหนือศีรษะของซือหยูได้เกิดแสงสว่างจ้า ประดูศิลาสีขาวดำก่อตัวขึ้น
  ด้านหนึ่งเป็นดำด้านหนึ่งเป็นขาว ประตูนี้มีด้านตรงข้ามกัน ดำแทนหยิน ขาวแทนหยางทั้งหยินและหยางหมุนวนต่อกัน
  นี่คือวิถีเทพของม่อจือเต๋าการไม่ยอมอ่อนข้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามก้าวข้ามผ่านหยินหยาง ควบคุมการถือกำเนิดแม้จะเป็นเพียงแค่มนุษย์
  ซือหยูตั้งใจจะใช้ฎีกาสวรรค์ของม่อจือเต๋าเพื่อผสานทุกสิ่งที่เขาเรียนรู้มาให้เป็นหนึ่งเดียว
  ซือหยูบรรลุฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ขั้นสุดยอดการบรรลุในวิถีของเพลิง และหลากหลายวิชาบ่มเพาะ รวมถึงวิชาเก้ามังกรอสูร ฝ่ามือเทพสุริยา และพลังสายโลหิตที่เขาได้มาจากหม้อเก้ามังกร นั่นคือพลังดวงวิญญาณ มิติ และเวลา
  การบรรลุของเขาคือวิถีเทพอันซับซ้อนวิถีหยินหยางของม่อจือเต๋าถูกเตรียมพร้อมกับสิ่งนี้
  น่าเสียดายที่เขาไม่ได้กลายเป็นเทพแบบสมบูรณ์เพื่อสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่เขาจึงตายไปเสียก่อน  ซือหยูหายใจเข้าลึกมองประตูหยินหยางเขาเรียกฎีกาสวรรค์ของตนออกมา มันคือเนตรสวรรค์และหัตถ์สวรรค์ เขายังเรียกพลังเวลาในตาซ้ายออกมาด้วย
  เนตรสวรรค์และพลังเวลาถูกยิงไปที่ประตูหยินพร้อมกันประตูหยินเปิดรับพลังทั้งสองเอาไว้
  แต่ประตูหยางที่อีกด้านก็เปิดออกอย่างรวดเร็วมันปล่อยเนตรสวรรค์ที่แตกสลายออกมา เช่นเดียวกับพลังเวลาที่แตกสลาย
  การผสานพลังล้มเหลว!
  ซือหยูตัวสั่นอย่างแรงโลหิตไหลมาจากตาซ้าย
  นี่คือผลของประตูหยินหยาง
  หยินหยางนั้นเป็นขั้วตรงข้ามต่อกันมันคือกุญแจของสมดุลสรรพสิ่ง เมื่อประตูหยินหยางได้รับพลังทั้งสองไป มันจะหลอมรวมหยินหยางเข้าด้วยกัน ถ้าหากการหลอมรวมล้มเหลว มันจะถูกขับออกมาจากประตูหยาง  “พลังเวลาอ่อนแอเกินไปเนตรสวรรค์เองก็แข็งแกร่งเกินไปเหมือนกัน”
  ซือหยูวิเคราะห์เหตุผลของความล้มเหลวอย่างรวดเร็วและพยายามอีกครั้ง
  เขาล้มเหลวอยู่อีกครั้งพลังถูกคายออกมาจากประตูหยาง
  “พลังเวลายังอ่อนเกินไป…”
  “อีกนิดเดียว…”
  “ยังขาดอีกเสี้ยวเดียว…”
  สิ่งนี้กินระยะเวลายาวนานอีกทั้งยังต้องใช้ความอดทนและความมุ่งมั่นอย่างสูง
  เขาใช้เวลาข้ามคืน
  พลังเวลาและเนตรสวรรค์พุ่งเข้าสู่ประตูหลังจากการรอคอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ประตูหยางก็ได้เปิดออกช้า ๆ
  จากภายในเนตรขนาดยักษ์สีม่วงเต็มดวงได้ปรากฏขึ้นมา!
  เนตรสวรรค์เคยมีสีทองแต่เมื่อได้หลอมรวมผ่านประตูหยินหยาง มันได้มีพลังเวลาเพิ่มขึ้นมา เนตรสวรรค์ได้กลายเป็นสีม่วงเข้ม
  แสงสีม่วงส่องสว่างไปทั่วโลกในระยะหลายแสนลี้เมื่อเนตรเบิกออกทุกหนแห่งได้ตกอยู่ใต้อำนาจของพลังเวลา
  ในอดีตทุกอย่างที่ซือหยูทำได้ในการใช้พลังเวลาก็คือการใช้กับตัวเองและศัตรูที่เผชิญหน้า แต่ในเวลานี้ เขาใช้มันได้กับพื้นที่ในระยะหลายแสนลี้!
  เมื่อมีการเสริมพลังจากเนตรสวรรค์อำนาจของพลังเวลาได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล! เวลาที่สามรถหยุดศัตรูได้เพิ่มจากสามลมหายใจเป็นสิบลมหายใจ!
  การเติบโตครั้งนี้ทำให้ซือหยูยินดีมาก
  การผสานระหว่างวิถีเทพและพลังสายโลหิตจากหม้อเก้ามังกรได้ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมามากมายมิใช่เพียงสองเท่า แต่เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว!
  “ดี!”   ซือหยูเช็ดเลือดที่หยดลงมาจากตาซ้ายด้วยความดีใจบนใบหน้าซูบโซ
  ซือหยูตัดสินใจตีเหล็กตอนร้อนผสานวิถีเทพเข้ากับหลายวิถีแห่งพลังที่เขามี
  เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังรุกล้ำไปในเส้นทางที่มีน้อยคนนักจะกล้าเดิน
  หนึ่งเดือนผ่านไป
  สองเดือนผ่านไป
  และสามเดือนผ่านไป
  ……
  เวลาผ่านไปครึ่งปีซือหยูกำลังบ่เมพาะพลังอย่างไม่หยุดหย่อน เขาไม่เคยได้รับประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
  ดินแดนจิวโจวเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจในระยะเวลาหกเดือนนี้เช่นกัน
  ในเวลานี้แดนมณียังไม่ได้หายไปจากทวีป ข่าวลือแพร่กระจายไปยังทุกหนแห่ง จิวโจวระส่ำระสายซ้ำแล้วซ้ำเล่า  การแตกดับของจักรพรรดิกลืนอสูรได้ทำให้การเกิดใหม่ของยอดอัจฉริยะเปล่งประกายชัดเจนทั่วทั้งทวีป!
  ซือหยูเซี่ยนยอดฝีมือนิรนามได้สร้างชื่อเสียงในจิวโจวเพียงชั่วข้ามคืนที่สังหารจักรพรรดิกลืนอสูร บุรุษแห่งยุคที่ขึ้นชื่อในความโหดร้ายป่าเถื่อนด้วยพลังสูงสุดของตัวเอง!
  การตายของเขาทำให้นามซือหยูเซี่ยนโด่งดังขึ้นมา
  ในยุคสมัยนี้นอกจากจางอู๋ชวงก็ไม่มีใครอื่นที่จะมาครองตำแหน่งอันดับสองในใต้หล้าของเขา
  ถ้าหากข่าวนี้ยังไม่มากพอที่จะสั่นคลอนยอดฝีมือในทวีปก็ยังมีอีกความลับอันน่าตกใจที่ทำให้นามของเขาแพร่หลายไปทั่วจิวโจว!
  หลายปีก่อนบุรุษวิถีอสูรที่ไล่ล่าสังหารจักรพรรดิโลหิตและเชือดเฉือนองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าหาใช่ใครอื่นแต่เป็นศิษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักนอกของตำหนักโลหิต ซือหยูเซี่ยนที่มีนามแท้จริงว่าซือหยู!
  เพียงพริบตาเดียวที่เขาปรากฏตัวตัวตนศิษย์สำนักของเขาก็หายไป แทนที่ด้วยการเป็นบุคคลที่ยืนเสมอไหล่ของอสูรเนรมิตรทั้งมวล
  ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้กลาเยป็นเรื่องที่ยอดฝีมือแห่งจิวโจวพูดคุยกันอย่างสนุกปากบ้างก็พูดว่าเขาคือบุตรนอกสมรสของเซียนที่แอบมอบพลังสูงสุดให้กับเขา
  บ้างก็บอกว่าเขาคือผู้คุ้มครองที่ม่อเทียนฉวนใช้ความงามล่อลวงเข้ามาเพื่อช่วยนางต่อต้านเขตกลาง
  บางคนถึงกับกล่าวว่าเขามาจากภูเขาภูติในดินแดนหวงห้ามจิวโจวเพราะว่ามันคือที่เดียวที่จะมียอดฝีมือระดับเขาออกมาได้
  นามของซือหยูดังถึงทั่วโลกเขาได้แทนที่กู้ไทซู กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนพรสวรรค์
  เหตุผลเดียวที่เขามิใช่นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขตกลางคือเขตกลางนั้นยังมีผู้ถูกลิขิตให้ครองใต้หล้าอยู่อีกคน…ชายผู้นั้นคือจางอู๋ชวง
  ซือหยูได้รับเกียรติอันหาได้ยากให้เป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทุกเขต เว้นแต่เพียงเขตกลาง เขาไม่มีโอกาสเลย จางอู๋ชวงผู้เกิดมาเป็นใหญ่มิอาจถูกบดบังรัศมี
  แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็๕ือคนจิวโจวได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียนมณี!เทพคุ้มครองที่ปกปักษ์พวกเขามากว่าหมื่นปี สุดท้ายกลับกลายเป็นอสูร มนุษย์นับพันล้านคนแห่งจิวโจวมิอาจรับความจริงได้
  แม้ว่าข่าวจะมาจากสำนักอสูรสวรรค์ที่อยู่เหนือสุดของทวีปตระกูลบูรพาจากทิศบูรพา หรือเขตกลาง มันก็ยังไม่พอที่จะให้ผู้คนเชื่อคำกล่าวอ้างนั้น
  ผู้คนไม่เชื่อเลยจนกระทั่งเมืองมหาสัตว์อสูรในตอนใต้ล่มสลายในข้ามคืน! มนุษย์ในจิวโจวจึงคิดได้!
  เมืองมหาสัตว์อสูรคือหนึ่งในเก้าเขตที่มีราชาเขตคุ้มครองอยู่
  เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าเหล่าผู้กุมอำนาจทางตอนใต้นั้นคือสัตว์อสูรระดับเซียนและอีกนับสิบที่กำลังจะเข้าสู่การเป็นเซียน
  แม้กระนั้นเขตอันยิ่งใหญ่ที่ปกครองสัตว์อสูรนับพันล้านชีวิตได้กลายเป็นป่าช้าในเวลาเพียงครึ่งปีนับจากซือหยูบ่มเพาะพลัง
  ครึ่งปีก่อนสตรีผมขาวที่ความงดงามและความเยือกเย็นได้ปรากฏตัวที่สำนักมหาสัตว์อสูรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ครึ่งชั่วยามต่อมา นางได้ลงจากภูเขาไป
  ด้านในสำนักไม่มีสัญญาณชีพของสิ่งใดให้เห็นอีกเลย ศิษย์นอก ผู้เฒ่าสำนัก และสัตว์อสูรทุกตัวถูกควักหัวใจออกไป ดวงวิญญาณถูกทำลาย
  เจ้าสำนักที่เป็นเซียนนั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหวบนบัลลังก์ด้วยตาเบิกกว้างแต่ก็ไม่พบหัวใจที่อก แม้แต่วิญญาณก็เลือนหาย ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย  ตราแห่งชีวิตที่บรรจุไว้ในส่วนลึกของสำนักล้วนแตกสลายจนหมด!