ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
หลายวันมานี้ ผู้คนในดินแดนไลอ้อนต่างวุ่นวายอยู่กับการเตรียมรับมือสงคราม มีบ้างบางส่วนที่รู้สึกวิตก บางส่วนกระทั่งเลือกอพยพไปยังจักรวรรดิเมฆา หวังจะหลีกหนีจากภัยสงคราม
เซียวอวี๋ไม่ได้ห้ามปรามคนเหล่านั้น เขากลับจัดการแสดงสร้างความบันเทิงต่างๆภายในเมืองไลอ้อนทุกวัน อย่างเช่น ละคร และการแสดงความสามารถพิเศษต่างๆ
วิธีจัดการเช่นนี้สามารถทำให้ผู้คนสงบลงได้บ้าง บางส่วนคิดว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายดังที่คิด ลอร์ดของพวกเขาเตรียมการรับมือกับสงครามนี้อยู่ก่อนแล้ว
เซียวอวี๋ยังได้สั่งให้ทหารกระจายข่าวลือว่าเมื่อครั้งที่สามจ้าวมนตราพักอยู่ที่เมืองไลอ้อน พวกเขาได้ทิ้งไพ่ตายไว้เป็นการตอบแทน ซึ่งไพ่ตายใบนี้สามารถต่อกรกับกองทัพศาสนจักรได้แน่นอน
เรื่องที่สามจ้าวมนตราเคยพักอยู่ภายในเมืองไลอ้อนนั้นเป็นที่ทราบกันดี และด้วยเพราะเรื่องของเอกวินน์ จ้าวมนตราทั้งสามและดินแดนไลอ้อนจึงมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น
และด้วยเรื่องนี้เองที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในดินแดนไลอ้อนของพวกเขา เมื่อรวมกับเรื่องนโยบายปูนบำเหน็จแก่ผู้มีความดีความชอบของเซียวอวี๋แล้ว ประชาชนมากมายจึงเลือกเข้าร่วมการก่อสร้างกำแพง หรือสมัครเป็นทหารอาสากองหนุนเพื่อมีส่วนร่วมในการปกป้องดินแดนของพวกเขา
ตอนนี้ หากนับรวมประชากรของรัฐเว่ยเดิมเข้ามาด้วยแล้ว ดินแดนไลอ้อนจะมีประชากรทั้งหมดสูงถึงสามสิบล้านคน และต่อให้ไม่นับรวมประชากรจากพื้นที่รัฐเว่ย เพียงดินแดนไลอ้อนเดิมก็มีประชากรเกินกว่าสิบล้านคนแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนมาจากทั่วทุกสารทิศตามแรงดึงดูดจากนโยบายละเว้นภาษีของเซียวอวี๋
เวลานี้ฝ่ายเซียวอวี๋นับว่ามีเปรียบด้านจุดยุทธ์ศาสตร์ กองทัพดินแดนไลอ้อนสามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้รับมือกับกองทัพสิบล้านคนของศาสนจักร
กองทัพสิบล้านคน แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ศาสนจักรจะส่งทหารทั้งสิบล้านคนบุกตีเมืองไลอ้อนได้พร้อมกัน
ในช่วงเวลานี้ เซียวอวี๋ได้เจรจากับกองกำลังกลุ่มต่างๆผ่านทางสการ์เล็ตและช่องทางอื่นๆเพื่อเตรียมรับมือกับศาสนจักร
หากเป็นในอดีตคงไม่มีกองกำลังไหนต้องการต่อกรกับศาสนจักรแบบซึ่งหน้า ทั้งยังแอบภาวนาให้ศัตรูของศาสนจักรพินาศย่อยยับไป หากแต่ในเวลานี้ เมื่อพวกเขาพบว่าศาสนจักรกำลังขยายอิทธิพลอย่างไม่ลืมหูลืมตา พวกเขาต่างก็เริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว
ขุมกำลังฝ่ายต่างๆเริ่มจับดาบขึ้นสู้กับศาสนจักร บ้างก็เพื่อแย่งชิงดินแดนกับศาสนจักร บ้างก็เพื่อปกป้องตัวเอง และเมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพของศาสนจักรจึงถูกบีบให้แบ่งกำลังออกไปรับมือ มิเช่นนั้น ดินแดนที่ศาสนจักรเพิ่งตีชิงมาคงถูกช่วงชิงไปจนหมด
เป็นเพราะศาสนจักรขยายอำนาจอย่างหิวกระหายเกินไป ดินแดนของพวกเขาใหญ่ขึ้นก็จริง แต่ดินแดนที่เพิ่งยึดครองย่อมไม่สวามิภักดิ์ต่อพวกเขาทั้งหมด เนื่องเพราะทุกที่ที่ศาสนจักรยึดครอง พวกเขาจะบังคับให้ประชาชนทั้งหมดหันมาเป็นสาวกของพวกเขา ผู้ที่ต่อต้านขัดขืนจะถูกจับมัดไม้บนเสาก่อนจะเผาทั้งเป็น
การบีบคั้นเช่นนี้พลันก่อปัญหาใหญ่ตามมาเป็นลูกโซ่ ผู้คนตามที่ต่างๆพลันก่อการลุกฮือซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อขุมกำลังอื่นเข้ายึดครองพื้นที่เหล่านั้นได้ ประชาชนทื้องถิ่นก็จะโห่ร้องต้อนรับอย่างยินดี อาจกล่าวได้ว่า ชื่อชั้นของสาสนจักรเวลานี้ไม่อาจใช้ล้างสมองผู้คนอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้อีกต่อไป ตรงกันข้าม การต่อต้านต่อศาสนจักรยิ่งมายิ่งเพิ่มสูง
อันที่จริง หากศาสนจักรค่อยๆย่อยกลืนพื้นที่แต่ละแห่งอย่างช้าๆไม่เร่งรีบแล้ว บางทีพวกเขาก็อาจจะล้างสมองผู้คนมาเข้าร่วมได้อย่างราบรื่น แต่เพราะพวกเขาหวาดกลัวต่อเซียวอวี๋และเร่งขยับขยายอำนาจเร็วเกินไป ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม การรีบร้อนตัดสินใจกำจัดเซียวอวี๋โดยเร็วของสันตะปาปานี้ไม่น่าแปลกใจสักเท่าใด เพราะหากมอบเวลาให้เซียวอวี๋มากกว่านี้ ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาไม่ได้ว่าเซียวอวี๋จะนำพาดินแดนของเขาไปถึงขั้นใด และอาจบางทีเมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้คิดกำจัดเซียวอวี๋ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เซียวอวี๋คาดการณ์เอาไว้ว่าศาสนจักรคงส่งกองทัพมาได้อย่างมากก็ห้าหกล้านคน และหากว่าเขาสามารถมีชัยเหนือศาสนจักรได้ในศึกครั้งนี้ พื้นที่ที่ศาสนจักรเข้ายึดครองก่อนหน้าก็จะได้รับผลกระทบจากการเข้าตีของขุมกำลังอื่นๆทันที ศาสนจักรจะถูกฝูงหมาป่ารุมทึ้งจนล้มครืน
เวลานี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนนัก หลายฝ่ายจึงทำเพียงมองดูอยู่ด้านข้าง แต่หากกองทัพดินแดนไลอ้อนเอาชนะกองทัพของศาสนจักรได้สำเร็จ ขุมกำลังเหล่านั้นคงคิดเข้ามาขอแบ่งปันถ้วยน้ำแกง
เป็นเพราะเซียวอวี๋คาดการณ์ในเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้ว เขาจึงให้ก่อกำแพงสูง เตรียมการตั้งรับอย่างมั่นคง
“ลา ลา ลา…..ลา ลาลา ลา…” ขณะที่เบื้องล่างสาละวนวุ่นวายอยู่กับงาน เซียวอวี๋กลับฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์อยู่ในสำนักงานเมืองที่สร้างขึ้นเมือง ข้งกายซัคคิวบัสสาวยืนรอรับใช้อยู่ด้านข้าง นางทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดสารของเซียวอวี๋ หยินไค่เอ๋อร์ที่ถูกจับสวมปลอกคอฝึกสัตว์ก็กลายเป็นทาสของเซียวอวี๋โดยสมบูรณ์ หน้าที่ของนางช่วงนี้คือการบีบนวดเฟ้นขาให้เซียวอวี๋
น้องสาวของสการ์เล็ต มิเชลเองก็อยู่คอยข้างกายของเขา มือคอยส่งป้อนอาหารและผลไม้อยู่ไม่ขาด
วันเวลาของเซียวอวี๋ผ่านไปอย่างสุขสมไร้กังวลใด
“เข้าใจแล้วว่าทำไมเหล่ากษัตริย์ในอดีตจึงชอบฟุ้งเฟ้อ ชีวิตอันสุขสมบูรณ์เช่นนี้ช่างกัดกินจิตปณิธานของผู้คนจริงๆ” เซียวอวี๋จิบไวน์ที่มิเชลป้อนให้พลางหลับตาดื่มด่ำรสชาติ
แม้จะเป็นหลุมฝังศพของวีรบุรุษผู้กล้า แต่รสชาติชีวิตเช่นนี้ก็ไม่เลวเลย
ชีวิตเช่นนี้สามารถดื่มด่ำได้ช่วงหนึ่ง แต่มิอาจดื่มด่ำได้ตลอดไป มิเช่นนั้นคงเสียผู้เสียคงแล้ว
ในวันนี้ ขณะที่เซียวอวี๋กำลังเดินทอดกายอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนกำแพง เขาก็พลันเห็นอัศวินกริฟฟ่อนนายหนึ่งบินจากขอบฟ้ามาทางเขา เมื่ออัศวินนายนั้นมาถึงเบื้องหน้าของเซียวอวี๋ เขาก็รีบกล่าวทันที “เรียนนายท่าน กองทัพของศาสนจักรได้เข้ายึดครองพื้นที่รัฐเว่ยแล้ว เวลานี้พวกเขากำลังเร่งเคลื่อนกำลังมายังแนวป้องกันนี้ขอรับ”
“ช่างน่าตายนัก มาไวเสียจริง….แจ้งให้ทั้งหมดเตรียมตัวทำสงคราม!” เซียวอวี๋สั่งการ เขานำเอาเก้าอี้หินจากแหวนมิติออกมานั่ง
สงครามใกล้เข้ามาแล้ว ….