ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 23 คลุ้มคลั่ง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 23 คลุ้มคลั่ง Ink Stone_Fantasy

 

พญามารอาภรณ์ดำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แววตาเยียบเย็น ได้เห็นร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยมีท่าทีกระวนกระวายถึงเพียงนั้น ถ้าหากสังหารเจ้าเด็กโง่เง่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นได้สำเร็จ ท่านโหวหั่วเลี่ยจะต้องโมโหจนเป็นบ้าอย่างแน่นอน

“ทำลายน้ำยาพิษได้อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง ยอดฝีมือที่แอบคุ้มกันอิงซานเสวี่ยอิงอยู่อย่างลับๆ ช่างมีพลังยุทธ์กล้าแกร่งอย่างแท้จริง ทั้งยังยับยั้งน้ำยาพิษนี้ได้พอดีอีกด้วยอย่างนั้นหรือ” ในใจของพญามารอาภรณ์ดำมีความคิดผ่านไปมามากมาย “ยังคงทำตามแผนการเดิมดีกว่า”

“อาต้า ลงมือ”

“ขอรับ”

มารชุดดำผู้เป็นเจ้านายออกคำสั่งลงไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง

เขามองไปยังบริเวณไกลๆ อย่างเยียบเย็น ถึงแม้ว่าเขาจะให้กานก้านเสวียทำการลอบสังหาร ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยฝากความหวังเอาไว้กับกานก้านเสวียเลย ตัวเขาเองจึงได้เตรียมไม้ตายสุดท้ายเอาไว้

“ให้ข้าได้ดูหน่อยสิว่าที่แท้แล้วเป็นผู้ใดกันที่คอยแอบคุ้มกันเขาอยู่ในมุมมืด” พญามารอาภรณ์ดำลอบหัวเราะเสียงเย็น “ทั่วทั้งเมืองอัคคีโชติ ร่างจริงของท่านโหวหั่วเลี่ยมาไม่ทัน ผู้ใดจะสามารถต้านทานมารรับใช้ของข้าได้เล่า”

……

และบนรถม้าที่อยู่กลางอากาศ ร่างกายอันตื่นตระหนกของอิงซานเลี่ยฮู่ก็สั่นสะท้านน้อยๆ เถียนอี้จือที่ติดตามอารักขาอยู่ข้างๆ ก็ส่งสารให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างกระวนกระวายว่า “คุณชาย น้ำยาพิษนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ถ้าหากผู้คุ้มกันลับต้านไม่อยู่ ข้าก็จะเก็บตัวท่านเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ใ ทำการหนีเอาชีวิตรอดขั้นสุดท้ายในทันที สามารถหนีได้นานแค่ไหนก็หนีให้นานที่สุด หวังว่าจะต้านได้ถึงตอนที่ยอดฝีมือที่แม่เฒ่าอิงซานเชิญมาเดินทางมาถึง อีกประเดี๋ยวท่านก็อย่าขัดขืนก็แล้วกัน…”

ถึงแม้ว่าจะถ่ายเสียงไป แต่เถียนอี้จือก็มองไปยังบริเวณไกลๆ อย่างหวาดหวั่นไปพร้อมๆ กัน

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น

เหล่าผู้คุ้มกันลับและเหล่าองครักษ์จำนวนมากที่อยู่ในที่นั้นต่างก็เกิดการตระหนักรู้อย่างหนึ่งขึ้นมา ความรู้สึกที่อยากจะเสี่ยงชีวิตต่อสู้เพื่อคุณชายของตน! พวกเขาต่างก็มีคนที่ตนเองใส่ใจ ที่พวกเขาเผชิญหน้ากับความตายก็มิได้ปรารถนาจะทำกันสักเท่าใดนัก แต่ในเมื่อเลือกที่จะสวามิภักดิ์กับท่านโหวหั่วเลี่ยแล้ว ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน โดยปกติแล้วต่างก็ยากนักที่จะเผชิญกับภยันตราย เสพสุขกับทรัพยากรต่างๆ นานาที่คอยช่วยเหลือมาตลอด

เช่นนั้นแล้วยามที่อันตรายมาถึง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องยืนหยัดขี้นมา! ผู้ที่บังอาจหนีเอาตัวรอด เมื่อจบเรื่องแล้วตระกูลอิงซานย่อมไม่มีทางละเว้นพวกเขาอย่างแน่นอน

ถึงขนาดที่บรรยากาศโดยรอบล้วนโศกสลดและบ้าคลั่ง แต่ละคนต่างก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองดูน้ำยาพิษกระแสเสียงสีเขียวอ่อนที่ลอยมาจากในขลุ่ยสีดำอย่างรวดเร็วนั้น

“มาเถิด”

“ลุยเลย”

“ลูกสาวที่รัก ข้ามิอาจอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้แล้วนะ” เหล่าผู้คุ้มกันลับเหล่านี้ ไล่สังหารมารเฒ่าเหนียนจิ่วไปพลาง สังเกตน้ำยาพิษไปพลาง แต่ในที่สุดน้ำยาพิษก็ปรากฏขึ้นที่ข้างกายกานก้านเสวียผู้นั้น ทำให้กานก้านเสวียจบชีวิตลงในทันที

“นี่…นี่มัน…”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”

ทุกคนในที่นั้นต่างก็ปิติยินดีอย่างแทบคลั่งราวกับหนีจากขอบเหวแห่งความตายได้พ้น ทั้งยังมีความไม่อยากจะเชื่ออยู่ด้วย

ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยก็มองดูภาพเหตุการณ์นั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกัน เพราะว่าห้วงมิติบิดเบี้ยวอันประณีตที่ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมก็เป็นเพียงแค่บริเวณที่มีน้ำยาพิษอยู่เท่านั้น มิได้แผ่กระจายมาทางร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยทางนี้เลย ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยจึงมิได้ค้นพบเลยว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกข้า ในมุมมืดยังมียอดฝีมือคอยคุ้มกันเจ้าอยู่ด้วย! ตระกูลอิงซานของข้าช่างมียอดฝีมือมากมายก่ายกองเสียจริง” อิงซานเลี่ยฮู่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ใช่แล้ว ยังมียอดฝีมือผู้ลึกลับอยู่ด้วย” เถียนอี้จือก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน

“พวกเรายังมียอดฝีมืออยู่ด้วย” ผู้คุ้มกันลับและเหล่าองครักษ์ที่อยู่ในที่นั้นต่างก็มีขวัญกำลังใจดีขึ้นเป็นอย่างมาก

ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่ก็เผยสีหน้ายินดีเช่นกัน “ช่างเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจเสียจริง ไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ใดกันแน่”

หมดหนทาง

ผู้ที่เกิดมาได้เพียงแค่ห้าล้านปี ก็สำแดงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่แปดของวังปฐมเทพออกมาได้แล้วอย่างนั้นหรือ ถึงอย่างไรเคล็ดวิชาเขตพลังที่สำแดงนั้นก็เป็นเคล็ดวิชาระดับชั้นที่แปดแล้ว นี่มันเกินกว่าที่จะจัดอยู่ในประเภท ‘ผู้มีพรสวรรค์’ โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าหากเปิดเผยออกไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กังวลว่าจะไปดึงดูดความสนใจของบรรดาตาเฒ่าที่น่าหวั่นเกรงในดินแดนจิตโลกาบางคนมา ถึงอย่างไร ‘การกลับชาติมาเกิด’นั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สงสัยว่าน่าจะมิได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เคยทำมาก่อน

ดังนั้นก็ยังคงระมัดระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า

เคล็ดวิชาการบิดรูปห้วงอากาศนี้ก็เหมือนกับเป็นถนนสายหนึ่งที่เดิมทีเหยียดตรง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็บิดถนนนี้ไปเชื่อมต่อกับถนนอีกเส้นหนึ่ง น้ำยาพิษผ่านมาบนถนน ก็ย่อมต้องไหลตามถนนที่บิดเบี้ยว เข้าไปยังถนนอีกเส้นหนึ่งอยู่แล้ว

เหตุผลอย่างเดียวกัน

ห้วงอากาศโดยรอบถูกตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมจนบิดเบี้ยวสับสน ก็ย่อมไปจากที่แห่งนี้ไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ดูคล้ายคลึงกับการเคลื่อนที่ในพริบตา แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับแตกต่างจากการเคลื่อนที่ในพริบตาอย่างสิ้นเชิง! การเคลื่อนที่ในพริบตานั้นอาศัยการส่งถ่ายระลอกคลื่นมิติ แต่นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทั้งหมดของห้วงมิติอย่างสิ้นเชิง เคล็ดวิชาเช่นนี้ร้ายกาจอย่างที่สุด เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนักรู้เพิ่งเข้าสู่สำนัก นี่ก็คือเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวน

แน่นอนว่าก็เป็นความล้ำลึกที่เขาสั่งสมด้วยตัวเอง ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์และวิถีอากาศต่างก็ไปถึงขั้นอลวนหมดแล้ว และยังมีสายตาที่ดีอยู่ จึงได้ตระหนักรู้เคล็ดวิชานี้มาจากบน ‘ด้ามหอก’ ของอาวุธลับล้ำค่าหอกยาวที่ไม่สมบูรณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากเป็นผู้อื่น แม้กระทั่งเป็นยอดฝีมือทางสายห้วงอากาศที่อาศัยการบำเพีญสายโลหิตจนสามารถเป็นขั้นอลวนได้แล้วมาพบกับหอกเล่มนี้เข้า การจะตระหนักรู้เคล็ดวิชานี้ก็คงยากเสียยิ่งกว่ายาก!

แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อย เขานับถือผู้ที่หลอมหอกเล่มนี้ขึ้นมามากยิ่งกว่า

“สิ่งที่ข้าตระหนักรู้เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง แม้กระทั่งหอกก็ยังมิใช่อาวุธลับล้ำค่าที่สมบูรณ์เลยเสียด้วยซ้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “ไม่รู้เลยว่าเจ้านายที่แท้จริงของหอกเล่มนี้คือผู้ใดกันแน่”

……

พูดไปก็ยืดยาว ความเคลื่อนไหวภายในจิตใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น

เหล่าองครักษ์ทั้งหมดที่รายล้อมอยู่รวมทั้งร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็กำลังตื่นเต้นยินดี และในขณะนี้เอง…

“ปัง”

ศาลาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลลุกไหม้ขึ้นมาในทันใด สิ่งมีชีวิตในร่างมนุษย์สายหนึ่งแปลงร่างเป็นลำแสงแล้วพุ่งเข้ามาสังหาร ก่อนหน้านี้มันเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้ก็ย่อมมิอาจสังเกตพบได้ แต่ในขณะนี้กลิ่นอายกลับระเบิดออกมาจนหมด ทันใดนั้นความแข็งแกร่งของกลิ่นอาย… กลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ ถึงขนาดที่แข็งแกร่งกว่าผู้คุ้มกันลับร้อยคน แข็งแกร่งกว่ามารเฒ่าเหนียนจิ่วที่สำแดงเคล็ดการร่วมโจมตีเสียอีก

มันมีสองขาที่ข้อต่อพลิกกลับด้าน มีแขนอันยาวเหยียดราวกับลิงป่าสองข้าง ตลอดร่างมีเกล็ดเกราะปกคลุม และมีตาเดี่ยวสีเขียวเข้มข้างหนึ่ง

“เหนียนจิ่ว ร่วมมือกับมารรับใช้สังหารคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นเสีย หลังจากที่เสร็จเรื่องแล้วข้าจะเอาอีกสิบสองล้านแก้วผลึกจักรวาลที่เหลือให้เจ้าเอง” เสียงหนึ่งส่งสารมายังมารเฒ่าเหนียนจิ่ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” มารเฒ่าเหนียนจิ่วปิติยินดียิ่ง นี่เขาเพิ่งรู้ว่าที่แท้แล้วเบื้องหลังกานก้านเสวียก็คือพญามารผู้นี้

“ท่านประมุขวัง ท่านจงวางใจได้อย่างเต็มที่” มารเฒ่าเหนียนจิ่วลำพองใจล้นฟ้า เป็นถึงมือสังหารผู้เลื่องชื่อแห่งทะเลสาบมารทมิฬ เขาก็ย่อมรู้จักพญามารในทะเลสาบมารทมิฬผู้นี้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าสถานะของแต่ละคนจะห่างชั้นกันเป็นอย่างมาก แต่เขามีเคล็ดวิชาร่างแยก ก็มิได้เกรงกลัวเลย

“แย่แล้ว”

ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกลับมองดูสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์ที่บุกสังหารเข้ามาด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง

“มารรับใช้เฉาชิ่งหรือ” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยตระหนักขึ้นมาได้แล้ว

“ปัง!”

ภายใต้ความดุร้ายของมารรับใช้ตนนี้ พลังการโจมตีซึ่งหน้ายังเหนือกว่ามารเฒ่าเหนียนจิ่วเสียอีก เขากับมารเฒ่าเหนียนจิ่วร่วมมือกัน ดูเหมือนว่าเพียงพริบตาเดียวก็จะสามารถทำลายการต้านทานของค่ายกลรบที่ผู้คุ้มกันลับสร้างขึ้นได้แล้ว เหล่าผู้คุ้มกันลับแตกพ่ายกระจัดกระจาย ไร้ซึ่งความสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะเป็นมารเฒ่าเหนียนจิ่ว หรือว่ามารรับใช้เฉาชิ่ง ก็มิได้ไล่สังหารผู้คุ้มกันลับเหล่านั้นเลย เป้าหมายของพวกเขามีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น…นั่นก็คือคุณชายเสวี่ยอิง!

“มารรับใช้เฉาชิ่งหรือ ช่างไม่เสียดายเลย ไม่เสียดายเลยจริงๆ” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“ไสหัวไป”

มารรับใช้คำรามเสียงต่ำพลางกางกรงเล็บออกมา ห้วงอากาศก็ลุกไหม้ขึ้นมาในทันใด ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยก็แหลกสลายไปในทันที ขณะที่แหลกสลาย นัยน์ตาของร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยยังมีแววไม่ยอมจำนนและโกรธแค้น และความขอโทษขอโพยต่อ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ที่นั่งอยู่บนรถม้าอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต้านทานผู้นั้นอีกด้วย

“เสวี่ยอิงเอ๋ย เป็นเพราะข้าหั่วเลี่ยไร้ความสามารถเอง” ท่านโหวหั่วเลี่ยเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง

ฟิ้ว ฟิ้ว

มารรับใช้เฉาชิ่งและร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วบุกสังหารเข้ามาพร้อมกัน

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่บนรถม้า ในมือกุมหอกยาวอย่างสงบนิ่งเช่นเดิม “มารรับใช้หรือ อ้างอิงจากบันทึกในตำรา รูปลักษณ์เช่นนี้คงจะเป็นมารรับใช้ ‘เฉาชิ่ง’ กระมัง”

ทางด้านการสร้างหุ่นเชิดของดินแดนจิตโลกาก็สูงส่งลึกล้ำกว่าเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

มารรับใช้เฉาชิ่งก็คือหุ่นเชิดที่มีชีวิตเลือดเนื้อตนหนึ่งมีจิตใจจงรักภักดี เกิดเป็นหุ่นเชิด เจ้านายอยากให้มันตาย ก็ต้องยอมตายอย่างสุดความสามารถ มารรับใช้เฉาชิ่ง… ก็นับว่าค่อนข้างต่ำต้อยในบรรดาหุ่นเชิดมีชีวิตเลือดเนื้อระดับขั้นอลวน ได้มีการสร้างขึ้นมาอย่างดาษดื่นไปทั่วแล้ว ก็มีเทพจักรวาลที่แกร่งกล้าบางคนสร้างขึ้นเองแล้วนำมาขายข้างนอก

มารรับใช้เฉาชิ่ง ในยามปกติจะมีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของวังปฐมเทพ แต่ถ้าหากสั่งสมโดยการเผาร่างกายตนเอง ก็สามารถสำแดงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่เจ็ดของวังปฐมเทพออกมาได้! แต่ทุกครั้งที่สำแดงพลังปราณก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจบเรื่องแล้วก็จำเป็นต้องให้อาหารเป็นวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่จำนวนหนึ่งเพื่อฟื้นฟูพลังยุทธ์ มันถึงขนาดที่สามารถทำการโจมตีด้วยการระเบิดตนเองได้ พลังคุกคามก็ยังสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้อีกหลายเท่า

เพราะถึงอย่างไรก็เป็นมารรับใช้ ก็ยังขาดแคลนทางด้านระดับขั้นอยู่บ้าง พวกมันเชี่ยวชาญทางด้านการใช้กำลังล้วนๆ มากกว่า ภายใต้การร่วมมือกันของมารรับใช้เฉาชิ่งและมารเฒ่าเหนียนจิ่วจึงจะสามารถทำลายการต้านทานของผู้คุ้มกันลับได้ภายในครั้งเดียว

“คุณชาย ท่านหนีไปก่อนเถิด ข้าจะต้านรับพวกเขาเอาไว้เอง” เถียนอี้จือและองครักษ์ติดตามเก้าคนที่อยู่ด้านหลังสร้างค่ายกลรบขึ้นมาก่อนแล้ว

“ลูกพ่อ ลูกพ่อ หนีเร็วเข้าสิ ข้า ข้าจะสู้กับเขาเอง” อิงซานเลี่ยฮู่จ้องจนตาแทบถลน

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองท่านพ่อที่อยู่ข้างกายอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง

เขามิได้มีความรู้สึกอันดีต่อท่านพ่อผู้นี้มาโดยตลอด แต่ในขณะนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนความคิดไปแล้วจริงๆ!

เขาจะไปเข้าใจความคิดของอิงซานเลี่ยฮู่ได้อย่างไรกัน ในยามนี้อิงซานเลี่ยฮู่ก็โมโหจนแทบคลั่งแล้วจริงๆ เขาเป็นบุตรชายคนรองของท่านโหวหั่วเลี่ย เวลาที่ท่านโหวหั่วเลี่ยมีเขานั้นพลังยุทธ์ยังอ่อนแอเป็นอย่างมาก เขา อิงซานเลี่ยฮู่มีสายโลหิตอันอ่อนแอ และเคยพยายามฝึกฝนอย่างหนักมาก่อนแล้ว แต่ในท้ายที่สุดก็ยังยากที่จะยกระดับได้ เขาจึงสิ้นหวังเสียแล้ว ดังนั้นจึงจมดิ่งอยู่กับการเสพสุขหาความสำราญ

ท่านโหวหั่วเลี่ยวางแผนจัดงานสมรสให้กับเขา เขาก็ได้แต่ยอมรับด้วยเสียงหัวเราะแหะๆ เท่านั้น  ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ ผู้เป็นภรรยาของเขาผู้นั้นเริ่มแทรกแซงแล้วค่อยๆ ควบคุมทรัพย์สมบัติต่างๆ ภายใต้ชื่อเขาไปทีละเล็กละน้อย เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่า แต่เขาก็ได้แต่ยอมรับด้วยเสียงหัวเราะแหะๆ เช่นกัน

เขาคร้านจะไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งต่างๆ เอาแต่หาความสำราญเพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงมากมาย มีลูกกว่าสามร้อยคน เขาก็ไม่เคยจะไปยุ่งวุ่นวายเลยเช่นเดียวกัน ก็มีเพียงลูกที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่ง พรสวรรค์สูงส่งเท่านั้นที่เขาจะไปดูบ้างเล็กน้อย ในใจของเขาก็หวังว่าจะมีลูกของตนสักคนที่สามารถโดดเด่นจับตาขึ้นมาได้

ผ่านมานานปีถึงเพียงนี้แล้ว…

ถึงแม้ว่าเขา อิงซานเลี่ยฮู่จะเอาแต่เมาหัวราน้ำอยู่ข้างนอก แต่เขาก็เข้าใจดีว่าในใจของสมาชิกตระกูลอ๋องโหวจำนวนมากมายต่างก็ดูแคลนเขา! เพราะว่าเขาอ่อนแอเกินไป เป็นเพียงแค่เทพแท้คนหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากมิใช่บุตรชายของท่านโหวหั่วเลี่ย เกรงว่าคงจะเป็นได้เพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง

ถูกดูแคลนมาโดยตลอด

ในที่สุดก็ถึงวันที่อิงซานเสวี่ยอิงบุตรชายของเขาถือกำเนิด พอเกิดมาแล้วก็ปั่นป่วนไปทั่วทุกสารทิศ! ท่านโหวหั่วเลี่ย หรือแม้กระทั่งแม่เฒ่าอิงซานต่างก็ให้ความสำคัญ

ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งเมืองอัคคีโชติต่างพากันพรั่นพรึง ตั้งแต่นั้นมาเมื่อได้เห็นเขา อิงซานเลี่ยฮู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าไม่เคารพ ความรู้สึกที่ได้รับการเคารพเช่นนี้ อิงซานเลี่ยฮู่ชมชอบเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้เขาจะรู้สึกได้ว่าบุตรชายไม่ชอบเขาเอาเสียเลย ถึงขนาดที่เคยไม่มอบแก้วผลึกจักรวาลให้เขามาแล้ว แต่เขาก็มิได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

“ข้าอิงซานเลี่ยฮู่มีบุตรชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าอิงซานเสวี่ยอิง! ข้าตายได้ แต่บุตรชายข้าจะตายมิได้” อิงซานเลี่ยฮู่แทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่นั่น

มองดูมารเฒ่าเหนียนจิ่วและมารรับใช้เฉาชิ่งที่พุ่งเข้ามาสังหารจากที่ไกลๆ ราวกับลำแสงก็มิปาน

ตงป๋อเสวี่ยอิงสายตาเยียบเย็น

“ปัง…”

ห้วงอากาศในอาณาบริเวณล้านลี้โดยรอบพลันระเบิดและบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยภาพของการทำลายล้าง ห้วงอากาศที่บิดเบี้ยวนี้ย่อมห่อหุ้มผู้คนทั้งหมดในที่นี้เอาไว้ และห่อหุ้มมารรับใช้เฉาชิ่งกับร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วเอาไว้ด้วยเช่นกัน

………………………………………………