ตอนที่ 24 ยอดฝีมือลับ Ink Stone_Fantasy
มารรับใช้เฉาชิ่งร่วมมือกับมารเฒ่าเหนียนจิ่วพุ่งตรงเข้ามาสังหาร พยายามสุดกำลัง ก็เพราะขณะลอบจัดเตรียมยอดฝีมืออย่างลับๆ พวกเขาก็ได้เห็นภาพของน้ำยาพิษที่ถูกผลักให้ห่างออกไปเมื่อครู่กันถ้วนหน้า
“หลบๆ ซ่อนๆ ก็แข็งแกร่งมิได้สักเท่าไหร่หรอก” พวกเขาทั้งสองก็ไม่หวั่นเกรง คนหนึ่งเป็นมารรับใช้ ส่วนอีกคนมีร่างแยกหกร่าง กลัวอะไรเล่า ขอเพียงสามารถสังหารคุณชายเสวี่ยอิงได้สำเร็จ ร่างแยกจะตายไปสักหลายร่างก็เป็นเรื่องเล็ก
“ตู้มมม…”
อากาศทั่วบริเวณล้านลี้โดยรอบล้วนบิดเบี้ยวไป มารรับใช้เฉาชิ่งและมารเฒ่าเหนียนจิ่วต่างก็สัมผัสรับรู้รอบด้านด้วยความตกตะลึง อากาศรอบด้านวุ่นวายไปหมด ก่อนหน้านี้ขังพอจะเห็นคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นได้อย่างเลือนราง แต่ตอนนี้ หลังจากอากาศสับสนวุ่นวายแล้ว ร่างกายของพวกเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายไป จนมองไม่เห็นคุณชายเสวี่ยอิงอีกต่อไปแล้ว
ตำแหน่งของร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วล้วนสับเปลี่ยนไปมา เคล็ดการร่วมโจมตีระหว่างกันและกันย่อมทลายลงเป็นธรรมดา
“ฟึ่บๆๆ…” รอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือร่างทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่ว เขาเบิกตาโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ข้า ข้าตายไปเช่นนี้เองน่ะหรือ ศัตรูเล่า ศัตรูเล่า”
ฟิ้ว
ร่างทั้งหกแตกสลายเป็นผุยผงไปอย่างสิ้นเชิง จนสิ้นใจ มารเฒ่าเหนียนจิ่วก็หาศัตรูไม่พบ
หากกล่าวว่ากระบวนท่าด้านบริเวณของตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมการเหนี่ยวนำน้ำยาพิษอย่างละเอียด เช่นนั้นตอนนี้ก็เป็นการปะทุอานุภาพด้านบริเวณออกมาอย่างสิ้นเชิง! ตามปกติแล้วล้วนแต่ฝึกฝนอยู่ภายในเจดีย์เทพอากาศ นี่เป็นครั้งแรกที่ปะทุออกมาอย่างสิ้นเชิงเพื่อสังหารศัตรู
มิติทั้งสองแห่งสับสนอลหม่านไปหมด ขณะเดียวกันก็ส่งผลกับร่างกายร่างหนึ่ง มิติแห่งหนึ่งก็หมายจะเคลื่อนย้ายร่างกายครึ่งบนไปทางเหนือ ส่วนมิติอีกแห่งหนึ่งก็หมายจะเคลื่อนย้ายร่างกายครึ่งล่างไปทางใต้ ผลของการสำแดงออกมาพร้อมกันก็คือ…ฟึ่บ ร่างกายถูกอากาศอันบิดเบี้ยวเชือดเฉือน เมื่อครู่เพียงพริบตาเดียว ร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วแต่ละร่างก็ล้วนประสบกับการเชือดเฉือนนับพันครั้งแล้วสลายหายไปทันที!
ณ ที่อีกแห่งหนึ่ง
ร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งก็ประสบกับการเชือดเฉือนนับพันครั้ง ทว่าในฐานะที่เป็นระดับขั้นอลวน หุ่นเชิดเลือดเนื้อ ระดับขั้นของเขาต่ำมาก กายหยาบกลับแข็งแกร่งนัก พละกำลังก็เหิมเกริม แม้นี่จะเป็นกระบวนท่าระดับชั้นที่แปดของตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นลูกไม้ด้านบริเวณ อากาศบิดเบี้ยวก็ยังมิอาจทำร้ายร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งได้
“ออกไป!” มารรับใช้เฉาชิ่งเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา เขามองไม่เห็นศัตรูเลย
“ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่บนรถวางหอกยาวไว้บนตัก นิ้วมือของมือขวากลับชี้ออกไปเล็กน้อย
เห็นๆ กันอยู่ว่านั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะห่างไกลจากมารรับใช้เฉาชิ่งมาก
แต่ปลายนิ้วนี้…
กลับปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วกลางหน้าผากของมารรับใช้เฉาชิ่งทันควัน เห็นได้ชัดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงบิดเบือนอากาศ ทำให้บริเวณที่นิ้วโจมตีเชื่อมต่อกับบริเวณศีรษะของมารรับใช้เฉาชิ่ง
“ฟึ่บ!”
ปลายนิ้วจิ้มลงกลางหว่างคิ้วของมารรับใช้
มารรับใช้เฉาชิ่งรับพลังดัชนีอันน่าหวาดหวั่นนี้เข้าไปจังๆ ไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ เขาเบิกตาโพลง จากนั้นร่างกายก็แหลกสลายไปอย่างสิ้นเชิงอย่างไร้สุ้มเสียง แตกสลายตั้งแต่ระดับอณูกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เมื่อชี้ออกไป มารรับใช้เฉาชิ่งก็แยกออกและแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับมิได้ขยับเลยแม้แต่น้อย
กระบวนท่าที่สิบของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ‘ธุลีสลาย’
อย่างด้ามหอกของสมบัติลับนั้น ตนต้องไปรับรู้ก่อน ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้กระบวนท่าด้านบริเวณของวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดได้อย่างยากลำบาก ต้องใช้ด้ามหอกสำแดงออกมาอานุภาพจึงสามารถบรรลุถึงชั้นที่แปดได้ ส่วนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นไม่เหมือนกัน นี่คือศาสตร์ลับที่ละเอียดมาก ตนถึงขั้นสามารถรับรู้สายเลือดอากาศภายในกายได้ ดังนั้นจึงฝึกกระบวนท่าที่มีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่แปด…กระบวนท่าที่เก้าและสิบได้สำเร็จ
กระบวนท่าที่สิบ ‘ธุลีสลาย’ มีชื่อเสียงด้านความน่าหวาดหวั่น ทว่ากระบวนท่าเรียบง่ายเกินไปจนสามารถถูกแก้ไขได้ง่ายๆ เมื่อเทียบกันแล้วกระบวนท่าที่เก้าพิสดารยากทำลายกว่ามาก ทว่าอานุภาพอ่อนแอเกินไป
ถึงกระนั้น
อาศัยบริเวณทำให้ศัตรูทำไม่ได้แม้แต่จะต้านทาน จนต้องรับอานุภาพของธุลีสลายเข้าไปเต็มๆ บริเวณกับ ‘ธุลีสลาย’ ทั้งสองอย่างประสานเข้าด้วยกันจึงเรียกได้ว่าเหมาะสม กระบวนท่าที่ประสานกันนี้เพียงพอจะเรียกได้ว่าชั้นที่แปดระดับยอดแล้ว! เพียงโจมตีครั้งเดียว มารรับใช้เฉาชิ่งก็ร่างกายสลายไปเสียแล้ว
……
“อะไรนะ”
อากาศรอบด้านสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง เหล่าผู้คุ้มกันลับในที่นั้นต่างก็รู้สึกว่ารอบด้านวุ่นวายยิ่งนัก พวกเขาถึงขั้นมองเห็นตึกรามบ้านช่องทั้งหลายถูกเคลื่อนย้ายไปหมด แล้วล่องลอยอยู่กลางอากาศไกลออกไป
ฟิ้ว
ละอองธุลีทั้งหมดร่วงลงมา
ตึกรามบ้านช่องในบริเวณล้านลี้ซึ่งเดิมทีถูกเคลื่อนย้ายไปล่องลอยอยู่กลางอากาศ แล้วกลับสู่ตำแหน่งเดิมของพวกมัน
ภายในบริเวณล้านลี้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งถูกอากาศอันบิดเบี้ยวปกคลุมเอาไว้ล้วนกลับสู่ตำแหน่งเดิมของตน แต่ละคนพากันมองดูรอบกายด้วยความตกใจ
“เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจนัก” พวกเถียนอี้จือมองรอบด้านด้วยความตื่นเต้น เขาพูดเสียงสูงว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือคุณชายบ้านข้าขอรับ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” ยามนี้สาวใช้เหยียนอวี๋ก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน
ส่วนอิงซานเลี่ยฮู่ก็นั่งลงบนรถเกี้ยวเต็มก้น เขาลูบศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เขาผวาจนแข้งขาอ่อนไปหมด เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างกาย “บุตรข้าวางใจเถิด ตระกูลอิงซานของเรามีทรัพยากรมากมายนัก จะต้องจัดหายอดฝีมือที่ร้ายกาจมาคุ้มครองเจ้าได้อย่างแน่นอน มือสังหารเหล่านั้นไหนเลยจะมาลอบทำร้ายได้” อิงซานเลี่ยฮู่มีพลังอ่อนแอ สายตาก็ย่ำแย่ เขาไม่รู้ถึงความหวาดหวั่นของศัตรูในครั้งนี้เอาเสียเลย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดเสียงสูงเช่นกัน
แม้เมื่อครู่นิ้วของเขาจะลงแรงจิ้มออกไปเล็กน้อย แต่ในเวลานั้น เขาก็บิดเบือนอากาศรอบด้าน ต่อให้จ้องเขาเขม็ง อย่างมากก็คงจะเห็นว่าร่างของเขานั่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางมองเห็นตำแหน่งนิ้วมือของเขาได้เลย เพราะอากาศตรงนั้นบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
ในเมื่อลงมือ ก็ย่อมต้องไม่ทิ้งพิรุธเอาไว้แม้แต่น้อย
******
นายท่านมารร้ายชุดดำที่มองดูอยู่ห่างๆ มองเห็นอากาศอันบิดเบี้ยวอยู่ไกลออกไป รอจนอากาศกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว มารเฒ่าเหนียนจิ่วและมารรับใช้เฉาชิ่งก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
ทำให้ยอดฝีมือที่ปะทุพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดออกมาหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาถึงสองคนเช่นนี้ได้ จะต้องมีพลังระดับใดกัน
“ต่อให้ท่านโหวหั่วเลี่ยลงมือ ก็ไม่มีทางรวดเร็วถึงเพียงนี้” สีหน้าของนายท่านมารร้ายชุดดำเย็นเยียบ เพราะถึงอย่างไรอากาศก็ถูกกดดันเสียจนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จะสังหารศัตรูก็ต้องทะยานเข้าไปสังหาร มารเฒ่าเหนียนจิ่วนั้นมีถึงหกร่างแยก ร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงพริบตาเดียวก็สังหารพวกเขาจนสิ้นได้แล้วหรือนี่
“อากาศรอบด้านถูกกดดัน กาลมิติถูกทำให้สับสน ผู้ใดสามารถสังหารเหนียนจิ่วและมารรับใช้ได้ในพริบตากันหนอ”
“ตระกูลอิงซานมียอดฝีมือเช่นนี้หรือไม่”
นายท่านมารร้ายชุดดำครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตระกูลอิงซานก็มีเพียง ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ ซึ่งมีพลังลึกล้ำเกินหยั่งผู้นั้นเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่แม่เฒ่าอิงซานมีสถานะระดับใดกัน จะต้องประจำการอยู่ที่เมืองอิงซานอย่างแน่นอน เมืองอิงซาน…ใหญ่โตกว่าเมืองอัคคีโชติมากนัก และยังสำคัญกว่ามากด้วย ระยะทางห่างไกลถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่มีกลวิธีส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น จึงไม่มีทางเร่งมามาปกป้องอิงซานเสวี่ยอิงได้ทันเวลา
“ผู้ใดกัน”
“หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ในเมืองอัคคีโชติ เห็นว่าเจ้าหนูเสวี่ยอิงผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่ง ดังนั้นจึงได้ออกอหน้าคุ้มกันอย่างนั้นหรือ” นายท่านมารร้ายชุดดำได้แต่นึกถึงข้อนี้เท่านั้น
“นับว่าเขาเคราะห์ดี” นายท่านมารร้ายชุดดำหมุนกายจากไป
……
รถเกี้ยวยังคงอยู่กลางอากาศ มังกรแปดตัวก็ออกจะไม่สงบอยู่บ้าง
เหล่าผู้คุ้มกันลับกว่าร้อยนาย เถียนอี้จือและองครักษ์เก้านาย สาวใช้เหยียนอวี๋ รวมทั้งบรรดาบ่าวรับใช้และองครักษ์ข้างกายอิงซานเลี่ยฮู่ แต่ละคนล้วนรู้สึกตกตะลึง เพียงพริบตาก็มิอาจกลับคืนสู่ความสงบได้
“คุณชาย เมื่อครู่ข้ามองเห็นตึกรามบ้านช่องทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปล่องลอยอยู่กลางอากาศน่ะเจ้าค่ะ” สาวใช้เหยียนอวี๋ตื่นเต้นอยู่บ้าง “แค่กะพริบตา ทั้งหมดก็กลับมาแล้ว”
“ไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโสท่านใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง “ช่างร้ายกาจจริงๆ”
“ผู้อาวุโสท่านนี้สามารถช่วยเหลือคุณชายได้ บางทีอาจจะมีความหลังกับตระกูลอิงซานก็เป็นได้ ทว่าคุณชายก็ต้องจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ด้วยนะขอรับ” เถียนอี้จือพุดยิ้มๆ เขาอิจฉาคุณชายของตนขึ้นมาแล้ว ที่อาศัยเรื่องนี้เขาก็สามารถผูกสัมพันธ์กับยอดฝีมือท่านนั้นได้
ฟิ้ว
กลางอากาศ ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยรวมตัวกันแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ท่านโหวหั่วเลี่ยมองเห็นว่าทุกสิ่งดีหมดแล้ว และเห็นว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง จากนั้นก็สอบถามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ในชั่วขณะที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น
“ฟิ้ว”
เงาร่างสองสายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
คนหนึ่งก็คือตาเฒ่านัยน์ตาเขียว ส่วนอีกคนก็คือแม่เฒ่าอิงซาน
“บรรพชนดั้งเดิม โหวฝูเฉิน” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยเร่งขึ้นไปข้างหน้า
“มาช้าเกินไปแล้ว” แม่เฒ่าอิงซานมองเห็นสถานการณ์รอบด้านก็พูดยิ้มๆ “ทว่ายังดีที่ไม่เกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าต้านทานมารรับใช้เฉาชิ่งผู้นั้นได้อย่างไรกัน”
ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน คงจะเป็นยอดฝีมือบางคนที่เดินทางผ่านเมืองอัคคีโชติมาพอดีกระมัง”
แม่เฒ่าอิงซานมองออกไปกลางอากาศ
อากาศค่อยๆ บิดเบี้ยวแล้วมีภาพเหตุการณก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้น เพียงแต่ไม่นานก็ถูกรบกวนเข้าเสียแล้ว
“มือสังหารยังทำให้กาลมิติสับสนอีก” แม่เฒ่าอิงซานมองไปทางตาเฒ่านัยน์ตาเขียวด้านข้าง “ฝูเฉิน ต้องขอให้ท่านช่วยตรวจสอบดูแล้วล่ะ”
“ได้สิ”
ตาเฒ่านัยน์ตาเขียวพยักหน้า นัยน์ตาทั้งสองของเขามีประกายสีเขียวพลุ่งพล่านออกมา ทันใดนั้นกลางอากาศไกลออกไปก็มีภาพก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้น ทำให้ภาพการต่อสู้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบปรากฏขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง เพียงแต่ขณะที่อากาศบิดเบี้ยวและสับสนวุ่นวายนั้น พวกเขาก็เพียงแค่มองเห็นบริเวณที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้จงใจปกปิดเท่านั้น
“เป็นกระบวนท่าด้านบริเวณที่ร้ายกาจนัก” ตาเฒ่านัยน์ตาเขียวอุทาน “มารร้ายเหนียนจิ่วผู้นั้นและมารรับใช้เฉาชิ่งล้วนแต่แหลกสลายไปในพริบตา หากมารรับใช้เฉาชิ่งปะทุพลังออกมาทั้งหมดก็มีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ด นอกจากนี้ร่างกายก็แข็งแกร่ง จะแหลกสลายไปในพริบตาได้…เรื่องนี้ยากมากทีเดียว”
“ข้าทำไม่ได้หรอก” ท่านโหวหั่วเลี่ยกล่าว
วิธีการต่อสู้ของเขาเหิมเกริมกว่า แต่มารรับใช้ก็มิได้โง่งม ย่อมสกัดกั้นและหนีเอาชีวิตรอด
“ผู้ที่ลงมือน่าจะมีพลังระดับชั้นที่เก้า” แม่เฒ่าอิงซานพุดยิ้มๆ “ที่น่าแปลกก็คือ ลงมือช่วยเหลือเจ้าหนุ่มเสวี่ยอิง แต่กลับมิได้บอกกล่าวยายเฒ่าอย่างข้าสักคำเลย หรือว่ามิได้เห็นแก่หน้าข้าเลย”
หากเห็นแก่หน้านาง ก็ควรจะบอกนางสักคำ
“บางทีอาจซ่อนตัวอยู่ในเมืองอัคคีโชติก็เป็นได้ หรืออาจจะผ่านมาพอดีก็ได้” แม่เฒ่าอิงซาส่ายศีรษะพูดยิ้มๆ “ไม่ว่าอย่างไร ยอดฝีมือผู้นี้ก็มิได้มีจิตคิดร้าย พวกเรายังต้องขอบคุณเขาเสียอีก”
“ใช่” ท่านโหวหั่วเลี่ยพยักหน้า
เพียงชั่วครู่ แม่เฒ่าอิงซานและท่านโหวหั่วเลี่ยล้วนคิดไม่ออกว่าเป็นผู้ใด อย่างน้อยในรัฐเมฆทักษิณาก็เหมือนจะไม่มีผู้ที่สอดคล้องกัน ถึงอย่างไรดินแดนจิตโลกาก็กว้างใหญ่ไพศาล มีรัฐต่างๆ มากมาย และยังมีรัฐทั้งหกซึ่งมีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆอีกด้วย! ยอดฝีมือลับที่ร่อนเร่พเนจรไปทั่วดินแดนจิตโลกาก็ยิ่งมากมายเข้าไปใหญ่ คนที่แม่เฒ่าอิงซานไม่คุ้นเคยก็มีถมไป
“เจ้าหนูน้อยเสวี่ยอิง” แม่เฒ่าอิงซามองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “เขาสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ อย่างน้อยก็ยังมีใจรักผู้มีพรสวรรค์ ในภายหน้าเจ้าอาจจะพบเขาเข้าก็ได้ ต้องผูกสัมพันธ์เอาไว้ให้ดีล่ะ”
เพราะถึงอย่างไรตามที่พวกเขาคาดการณ์ อย่างน้อยก็ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง
ทั้งรัฐเมฆทักษิณา จวบจนบัดนี้มีผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องเพียงยี่สิบเอ็ดคนเท่านั้น! ซึ่งไม่มีผู้ใดมีกระบวนท่าบิดเบือนอากาศที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“มิได้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ระดับจิตของเจ้านับว่าไม่เลว” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยชมเชยตงป๋อเสวี่ยอิง
แม่เฒ่าอิงซานพูดพลางครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วผู้แกร่งกล้าเร้นลับผู้นี้คือใครกัน ก่อนอื่นภายในรัฐเมฆทักษิณาก็ถูกนางกำจัดทิ้งไปก่อนแล้ว น่าจะเป็นยอดฝีมือนอกรัฐเมฆทักษิณา นับได้ว่านางพอจะคุ้นเคยกับทั้งสี่รัฐมารทมิฬอยู่บ้าง มารร้ายในทะเลสาบมารทมิฬนางก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง ในบรรดาขั้นอลวน ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็มีอยู่สองคน ส่วน ส่วนภายในโลกอันกว้างใหญ่นอกสี่รัฐมารทมิฬ ก็มียอดฝีมือมากมายก่ายกองแล้ว
“นับว่าเป็นโอกาส เสวี่ยอิงมีพรสวรรค์ด้านอากาศ ยอดฝีมือท่านนี้ก็เชี่ยวชาญทางด้านอากาศเช่นเดียวกัน ในเมื่อลงมือผูกวาสนาต่อกันแล้ว ไม่แน่ว่าในภายหน้าอาจจะมีวาสนาได้พบกันอีกก็เป็นได้” แม่เฒ่าอิงซานยิ้ม จากนั้นสีหน้าของนางก็เยือกเย็นลง นางกำลังครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วมือสังหารในครั้งนี้เป็นผู้ใดที่จัดเตรียมมากันแน่
ผู้ใดกันที่คิดหมายเอาชีวิต ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ลูกหลานที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลอิงซานของนาง!
………………………………