พอหลินหว่านลงจากตึกแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาฮั่วเทียนอวี่ “ตอนนี้คุณว่างไหม? ออกมาหน่อยสิคะ ฉันมีธุระนิดหน่อยอยากจะคุยกับคุณ”
“ได้ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้” ฮั่วเทียนอวี่ตอบรับทันที
ก่อนที่หลินหว่านจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง เธอไปเบิกเงินจากธนาคารมาก้อนใหญ่ จากนั้นขับรถไปหาฮั่วเทียนอวี่
พอหลินหว่านมาถึงสถานที่นัดหมาย ฮั่วเทียนอวี่นั่งรออยู่ที่นั่นนานแล้ว
“ดูสิวันนี้ผมรักษาเวลาใช่รึเปล่า” ฮั่วเทียนอวี่พูดกับหลินหว่านด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ ดีมากเลย” หลินหว่านพูดพลางนั่งลง
“จะดื่มอะไรหน่อยไหม วันนี้ผมเลี้ยงเอง” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“ไม่ต้องหรอก เรามาคุยกันก่อนเถอะ” หลินหว่านพูด
“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก คิดว่าเซียวจิ่งสือคงถูกคุณช่วยออกมาแล้วกระมัง”
“เป็นยังไง? คุณหาตัวเซียวจิ่งสือเจอแล้ว ผมไม่ได้หลอกคุณใช่ไหมเล่า?” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“ใช่ค่ะ ฉันหาเขาเจอแล้ว” หลินหว่านพูดกับฮั่วเทียนอวี่ไปพลาง ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างไปพลาง
“เป็นไรไป ดูท่าทางคุณเหมือนมีความในใจอยู่นะ หาตัวเซียวจิ่งสือพบแล้ว คุณยังไม่ดีใจอีกรึไง?” ฮั่วเทียนอวี่เห็นท่าทีของหลินหว่านไม่ปกติอยู่บ้าง และยังรู้สึกว่าเธอมีความในใจอีก ดังนั้นจึงลองถามดู
“มันแน่อยู่แล้วว่าฉันดีใจ ฉันยังจะคิดเรื่องอะไรอีกเล่า ก็เรื่องบริษัทพวกนั้นไง” หลินหว่านหัวเราะ เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ใครก็ดูออกว่าหลินหว่านแค่พูดกลบเกลื่อน
แต่ในเมื่อฮั่วเทียนอวี่ถามไม่ได้ความอะไร เขาก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะถามต่อไป ในเมื่อคนเขาไม่อยากจะพูด ถามต่อไปก็คงไม่ค่อยดีนัก
ถ้าเธอคิดจะบอกอะไรกับเขา ก็ย่อมจะพูดออกมาเอง ถ้าเธอไม่คิดจะพูด จะถามยังไงก็คงไม่ได้คำตอบ
“ใช่แล้ว นี่ให้คุณค่ะ” หลินหว่านพูดพลางหยิบถุงใบหนึ่งจากเก้าอี้ด้านข้างเอามาให้ฮั่วเทียนอวี่
ฮั่วเทียนอวี่มองถุงด้วยท่าทางประหลาดใจมาก “นี่มันอะไรน่ะ?”
“นี่ก็คือเงินก้อนหนึ่งที่ฉันให้คุณ เรื่องของเซียวจิ่งสือคราวนี้คุณช่วยเราให้ทำสำเร็จโดยราบรื่น ฉันหวังว่าคุณจะกลับไปยังสถานที่ที่คุณควรจะไปนะ” หลินหว่านพูด
“กลับไปที่ที่ผมควรไป? แต่ตอนนี้ผมยังมีเรื่องบางอย่างยังทำไม่เสร็จ” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“คุณยังมีเรื่องอะไรทำไม่เสร็จกัน? บริษัทคุณก็อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว” หลินหว่านพูด
“เพราะผมรักคนคนหนึ่ง นานมาแล้วผมพบว่าเธอดีมากเลย อันที่จริงเธอนุ่มนวลต่อคนที่เธอชอบมากเลย แต่กลับเย็นชาต่อผมมาตลอด”
“เธอเป็นคนประเภทที่ยอมทุ่มเทเพื่อคนที่เธอรักโดยไม่สนใจตัวเอง ตอนนี้ผมอยากจะตามจีบเธออย่างเป็นทางการ” ฮั่วเทียนอวี่พูดพลางจ้องหลินหว่าน
“คุณคิดจะตามจีบใครฉันไม่สน แต่ตอนนี้คุณต้องกลับไปที่ของคุณแล้ว” หลินหว่านพูดกับเขาอย่างเย็นชา ถ้าไม่เห็นแก่ข่าวที่เขาให้มา ช่วยให้เธอหาตัวเซียวจิ่งสือพบ เธอคงไม่เปลืองน้ำลายกับเขาให้มากความหรอก
“แต่ตอนนี้คุณให้ผมกลับไป ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนนี่ อีกอย่างผมมีความคิดนี้แล้ว ต่อให้กลับไปก็ไม่ยอมหรอก” ฮั่วเทียนอวี่พูดดึงดัน
“ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่รู้ว่าคุณมีนิสัยเป็นแบบนี้นะ? คุณนี่ทำอะไรดื้อหัวชนฝาซะจริง” หลินหว่านพูด
“นั่นก็เพราะตอนนี้ผมคิดมานานมากแล้วว่าผมจะตามจีบเธอ ถึงแม้ว่าเธออาจเคยชินแล้วที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น พึ่งพาคนอื่น แต่ผมยังอยากจะลองดูสักตั้ง” ฮั่วเทียนอวี่พูดอย่างครุ่นคิด
“คนเขามีคนที่ชอบแล้ว คุณยังจะมัวฝันหวานอยู่ที่นี่ ในความคิดฉัน คุณปล่อยเธอไปซะเถอะ ควรจะทำอะไรที่ตัวเองชอบนะ” หลินหว่านพูดกับฮั่วเทียนอวี่
“แม้ว่าเมื่อก่อนเธอมีคนรักแล้ว แต่ก็ห้ามผมตามจีบเธอไม่ได้หรอก”
“ฉันเชื่อคุณจริงๆ เลย ผู้ชายอย่างคุณนี่มันหน้าด้านหน้าทนซะจริง” หลินหว่านเบะปาก พูดอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้
หลินหว่านกำลังถกเรื่องคนที่เขาจะตามจีบ แต่จู่ๆ เธอกลับนึกถึงเซียวจิ่งสือโดยไม่รู้ตัว นึกถึงตอนที่เธอกับเซียวจิ่งสือกว่าจะมารักชอบกัน ตอนนั้น เธอติดเซียวจิ่งสือแจ เหมือนกับโลกทั้งใบมีแต่เขาเพียงคนเดียว หัวใจไม่อาจมีผู้ชายคนที่สองได้อีก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ถึงแม้เธอจะหาตัวเซียวจิ่งสือได้อย่างยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงว่าตอนเธอร้อนรนค้นหาตัวเขา เป็นห่วงกังวลความปลอดภัยเขานั้น กลับได้เห็นเขากับผู้หญิงอื่นนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เรื่องนี้ผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจยอมรับได้ทันที และไม่อาจยอมรับได้ด้วย
ถึงแม้หลินหว่านจะเป็นคนเข้มแข็งยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่จะอย่างไรสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็คือ หลินหว่านเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มีเวลาที่เธอรู้สึกต้องการความช่วยเหลือ และหวาดกลัว ช่วงเวลานี้เซียวจิ่งสือไม่อยู่ข้างกาย ไม่เพียงเรื่องของบริษัทที่เธอต้องจัดการ ยังต้องคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของเซียวจิ่งสืออยู่ทุกเวลานาทีด้วย
เธอเองระหว่างนี้ก็พยายามอย่างหนัก ความยากลำบากที่ได้รับจะมีใครเข้าใจเธอนะ? ตอนนี้เธอเครียดสุดๆ แต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้
“ทำไมคุณถึงกล่าวหาว่าผมเป็นผู้ชายหน้าด้านหน้าทน อย่างผมนี่เรียกว่ามุ่งมั่นเพื่อความรัก คุณเข้าใจหรือเปล่า?” ฮั่วเทียนอวี่อธิบายอย่างโมโห
“คุณเข้าใจความรู้สึกของผมหน่อยได้ไหม คุณอาจไม่ได้ผ่านประสบการณ์แบบผมในช่วงเวลานี้ คุณเลยไม่เข้าใจจิตใจของผมกระมัง” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“เฮ้ๆ คุณรู้จักให้เกียรติกันหน่อยไม่ได้รึไง คุณได้ฟังหรือเปล่าหือ?” เมื่อครู่หลินหว่านนึกถึงเรื่องเซียวจิ่งสือขึ้นมา จึงมัวแต่ใจลอย ฮั่วเทียนอวี่เห็นสายตาของหลินหว่าน เหมือนจะนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น จึงยกมือขึ้นโบกต่อหน้าเธอ เพื่อเรียกสติหลินหว่านกลับคืนมา
“คุณมาโบกอะไรต่อหน้าฉัน คุณพูดอะไรบ้างฉันก็ได้ยินหมดแล้ว พูดต่อไปสิ” หลินหว่านพูด ยังไม่ยอมรับง่ายๆ ว่าตัวเองคิดเรื่องอื่นอยู่ อาการเหม่อลอยไม่ใช่เป็นนิสัยของหลินหว่าน
“คิดไม่ถึงว่าผมจะพูดความในใจกับคุณ ยังจะทำให้คุณหวนระลึกถึงความหลังได้? หลินหว่านก็เป็นคนมากน้ำใจเหมือนกันนี่” ฮั่วเทียนอวี่ยิ้มเยาะหลินหว่าน
“คุณอย่าพูดมั่วสิ คุณไม่ใช่หนอนในท้องฉันซะหน่อย คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคำพูดของคุณทำให้ฉันระลึกถึงความหลัง” หลินหว่านพูด
“ทำไมผมจะมองไม่ออกล่ะ เรื่องความรักผมก็ผ่านลมผ่านฝนมา เป็นคนมีความหลังเหมือนกันนะ” ฮั่วเทียนอวี่โอดครวญ
“เอาล่ะ ฉันไม่มีเวลาจะพูดมากกับคุณอยู่ที่นี่ ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะตามจีบหรือไม่ตามจีบใคร มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด ตอนนี้ฉันแค่อยากให้คุณได้กลับไปยังที่ที่ควรไป ไม่ว่าอย่างไร คุณกลับบริษัทไม่ได้แล้ว คิดให้ดีว่าทำอย่างไรจึงจะดีที่สุดสำหรับคุณ?” หลินหว่านพูด
“คุณบอกว่ากลับไม่ได้ก็กลับไม่ได้งั้นรึ ผมช่วยให้คุณช่วยเซียวจิ่งสือออกมา คุณจะไม่ช่วยให้ผมสมปรารถนารึไง?” ฮั่วเทียนอวี่เริ่มลำเลิกบุญคุณที่ช่วยหลินหว่าน
“หรือว่าคุณไม่อยากรู้ว่าคนที่ผมพูดถึงเป็นใคร? คนคนนี้ที่จริงคุณก็รู้จักดีมากเลยนะ”
“ใครล่ะ? คนที่ฉันรู้จักซะด้วย คุณคงไม่ไปชอบคนในบริษัทเข้ากระมัง?” หลินหว่านพูดอย่างประหลาดใจ เรื่องที่เขาพูดนี้กลับดึงความสนใจของหลินหว่านได้อย่างแรง
“คนที่ผมพูดถึงนั่นคุณอยากรู้จักไหม? ถ้าคุณอยากรู้ผมจะบอกคุณ” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“คุณอยากบอกก็พูดมาเร็วหน่อย ฉันไม่อยากอยู่นี่นานนัก ฉันไม่ชอบคนวกวนอ้อมค้อมที่สุดเลย” หลินหว่านพูด
“คนคนนั้นชื่อ…แต่เราตกลงกันแล้วนะ ถ้าผมพูดออกมาแล้วคุณจะไม่โกรธ” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“เธอกับฉันเกี่ยวอะไรกันเล่า? คุณรีบพูดเถอะ พูดออกมาก็แล้วกัน” หลินหว่านเริ่มรำคาญอยู่บ้างแล้ว
“คนคนนั้นก็คือหลินหว่าน” ฮั่วเทียนอวี่พูด
“คุณพูดอะไรกันน่ะ? เรื่องของคุณเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า?” หลินหว่านขมวดคิ้วพูด รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกหลอก ให้ตั้งใจฟังแบบนั้น
“ผมไม่ได้พูดผิดนะ คนคนนั้นก็คือคุณ ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมตามจีบคุณ” ฮั่วเทียนอวี่พูดแบบไม่กลัวตาย และไม่รู้ว่าเขาไปได้ความกล้ามาจากไหน
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้คุยกัน ฉันพูดกับคุณไปชัดเจนมากแล้ว คุณเอาเงินก้อนนี้ไป แล้วระหว่างพวกเราก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
“ถ้าหากคุณทำตัวดีๆ เมื่อก่อนเรื่องที่คุณทำไว้นั่น ฉันจะไม่เอาผิดอีก” หลินหว่านพูด สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
“ทำไมคุณถึงได้เย็นชาขนาดนี้นะ?” ฮั่วเทียนอวี่มองเธอ คิดในใจว่าเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่แท้ๆ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วล่ะ?
หลินหว่านพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
“คุณ!” ฮั่วเทียนอวี่ยังร้องเรียกเธอจากด้านหลัง แต่เห็นหลินหว่านไม่มีทีท่าอะไรเลย อีกทั้งภายในร้านนี่ก็เงียบสงบมาก เขาจึงไม่กล้าร้องเรียกอีก
ขณะที่ฮั่วเทียนอวี่พูดกับตัวเองว่าจะทำอย่างไรดีนั้น อี้อวิ๋นฉังก็โผล่มาพอดี
“ทำไมคุณอยู่นี่ได้?”
“ฉันก็อยากบอกคุณว่า ที่หลินหว่านไม่อยากอยู่กับคุณ ก็เพราะคุณไม่มีเงินไม่มีอำนาจไงล่ะ” อี้อวิ๋นฉังพูด