บทที่ 946 ประมุขหมู่ตึกเทวะที่หุนหันพลันแล่น

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 946 ประมุขหมู่ตึกเทวะที่หุนหันพลันแล่น

เหนือทะเลสาบ

การแย่งชิงก้อนแสงสามก้อนสิ้นสุดลงในเวลาเพียงสิบกว่านาที แต่ความเร่าร้อนที่เกิดกลับทำให้เปลือกตาของมู่เฉินที่เฝ้ามองจากด้านข้างกระตุกขึ้น

นั่นเป็นเพราะจอมยุทธ์ทั้งหมดเคลื่อนไหวแย่งชิงก้อนแสงที่เหลือ การเผชิญหน้านั่นทำให้มิติแตกสลาย ถ้าไม่ใช่ว่าเกาะลอยเหนือธรรมชาตินี้ไม่ธรรมดาละก็คงได้ยุบตัวลงเป็นผุยผงสมบูรณ์ไปแล้ว

ผลการฉกฉวยที่บ้าคลั่งก็คือก้อนแสงทั้งสามตกอยู่ในมือของหมู่ตึกเทวะ จวนยมโลกและยอดเขาหมื่นเทพ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะพลังของสำนักอื่นๆ อ่อนด้อย แต่เป็นเพียงการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้พึ่งโชคมาก ซึ่งพวกเขาโชคไม่ดีเท่านั้นเอง

เมื่อได้รับก้อนแสงมาจอมยุทธ์ของหมู่ตึกเทวะ จวนยมโลกและยอดเขาหมื่นเทพก็หยิบออกมา ขวดผลึกแก้วแวววาวสามขวดปรากฏขึ้น

ขวดเหล่านี้ถูกสลักด้วยอักขระโบราณและเป็นอาวุธพบสวรรค์ที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้…

ทันทีที่ได้รับขวดไป พวกเขาก็เปิดใช้ทันที ภายใต้สายตาแดงก่ำของผู้เฝ้ามอง ขวดก็สั่นสะเทือน มีประกายแสงคลี่กระจายออกมาจากพวกมันและเริ่มปล่อยแรงดูด น้ำในทะเลสาบถูกดูดเข้าในขวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แสงสีทองกะพริบที่ปากขวด คลื่นหลิงทรงพลังกำลังก่อตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ฉากนี้เป็นน่ายินดีสำหรับทั้งสามสำนัก ขวดเหล่านี้พิเศษจริงๆ พวกมันมีพลังมากกว่าอุปกรณ์กลั่นอื่นๆ

หัตถ์ทั้งสี่แห่งหมู่ตึกเทวะรู้สึกโล่งอกในใจ แต่ก็ยังเขม่นมองไปที่มู่เฉิน แววไม่เต็มใจอัดแน่น นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายมีขวดขนาดใหญ่ราวกับไห ดังนั้นความเร็วในการกลั่นก็สูงกว่าของพวกเขาด้วย

“ไอ้เวรนั่น!” หัตถ์ทั้งสี่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธที่มู่เฉินได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป

แต่ในเวลานี้พวกเขาไม่คิดที่จะเคลื่อนไหว เนื่องจากกองทหารหินรอบร่างมู่เฉินไม่ธรรมดา นอกจากนี้เขายังได้รับการคุ้มครองจากจอมพลทั้งสาม แม้พวกเขาจะพุ่งเข้าโรมรันเต็มแรงก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงควรใช้ขวดผลึกแก้วนี้ดูดน้ำในทะเลสาบให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อดูว่าจะสามารถกลั่นของเหลวที่หนาแน่นนี้ได้หรือไม่

ซ่า!

ทะเลสาบที่วุ่นวายเงียบลง ทุกคนเก็บจิตสังหารไปชั่วคราว ทุกสำนักครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของตนและใช้ของที่ได้มาพยายามดูดซับน้ำในทะเลสาบให้ได้มากที่สุด ดังนั้นการต่อสู้จึงหยุดลง มีเพียงเสียงน้ำกระเซ็นดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง…

ทว่าขณะที่การต่อสู้ในเกาะหินเงียบลง

ด้านนอกเกาะกลับมีคลื่นหลิงพวยพุ่งไปทั่ว มิติแตกสลายภายใต้ผลกระทบอันน่ากลัวของคลื่นพลังงาน

คลื่นกระแทกนี้เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งเจ็ดกับหุ่นวิญญาณจอมพลสี่

ตู้ม!

ผลึกแก้วหินทะลุเส้นขอบฟ้านำพาความพินาศพุ่งไปยังมั่นถัวหลัว

มั่นถัวหลัวมองการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ตั้งแต่เมื่อสักครู่หุ่นเงาที่ทำเพียงตั้งแนวป้องกันก็เริ่มเป็นฝ่ายโจมตี ซึ่งการโจมตีนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แม้แต่คนที่มีพลังอย่างนางยังรู้สึกหวาดกลัว

ครืน!

แสงสีทองพลุ่งพลานในดวงตาของมั่นถัวหลัวขณะที่เหวี่ยงฝ่ามือออกมา ฝ่ามือดูอ่อนบางไร้ซึ่งพลังแต่เมื่อกระแทกลงไปก็ทำลายมิติแตกร้าว ก่อนจะปะทะกับผลึกแก้วหิน

เมื่อคลื่นกระแทกพัดออก มั่นถัวหลัวก็ถอยกลับไปหนึ่งก้าว ริ้วผลึกแก้วหินแตกออกจากกันกลายเป็นประกายไฟแล้วจางหายไป

ขณะที่มั่นถัวหลัวสกัดการโจมตีนั้นได้ ประมุขทั้งหกคนก็งัดกระบวนท่าออกมาเพื่อทำลายการโจมตีที่เข้ามาเช่นกัน ทุกคนมีสีหน้าท่าทางมืดครึ้ม เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ว่าการโจมตีของหุ่นวิญญาณรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ยืนอยู่ท่ามกลางจอมยุทธ์ทั้งเจ็ดคน ในดวงตาหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ก็เหมือนมีแสงวูบไหว ก่อนที่จะก้มศีรษะลงเหลือบมองไปที่เกาะหิน จากนั้นปล่อยเสียงคำราม คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงระเบิดออกมาจากร่าง ก่อนที่จะก่อตัวเป็นผลึกวงรัศมีน่าตกตะลึงนับไม่ถ้วน

ทั้งเจ็ดคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อเห็นหุ่นวิญญาณที่มีคลื่นหลิงพุ่งสูงจนน่ากลัว

“ดูเหมือนพวกเขาจะเจอของเหลวหลิงเสินแล้ว!” ดวงตาของประมุขหมู่ตึกเทวะกะพริบวูบไหว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ของหุ่นวิญญาณชัดว่าเกี่ยวข้องกับด้านในเกาะหินลอย

สายตาของคนอื่นก็สั่นสะเทือน จากนั้นความดีใจก็พล่านในแววตา แต่ไม่นานความยินดีก็กลายเป็นข้อสงสัยเนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าใครได้รับของเหลวหลิงเสินไป

ฟิ้ว!

ขณะที่พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ หุ่นวิญญาณก็พุ่งลงไปที่เกาะหิน

“มันจะเข้าไปปกป้องของเหลวหลิงเสิน! หยุดมัน!”

มั่นถัวหลัวตะโกนทันทีที่เห็น ก่อนที่นางจะกระแทกฝ่ามือ คลื่นหลิงครางกระหึ่มขณะที่ลมและฝนรวมตัวกัน ฝนหนาวเย็นสามารถทะลุผ่านมิติ ส่วนลมพายุฉีกขาดฟ้าดินออกจากกันได้ พลังอำนาจของฝ่ามือนี้ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง

ตู้ม!

ฝ่ามือมั่นถัวหลัวส่งหุ่นเงาถอยหลังกลับทันที เวลาเดียวกันจอมยุทธ์ที่เหลือก็ร่วมมือกันปลดปล่อยการโจมตี กระบวนท่ารุนแรงพุ่งประชิดหุ่นเงาอย่างรวดเร็ว สกัดไม่ให้มันเข้าไปในเกาะหินเพื่อปกป้องของเหลวหลิงเสิน

ครั้นถูกดักไว้อย่างแน่นหนาโดยจอมยุทธ์ทั้งเจ็ด หุ่นเงาก็ปลดปล่อยเสียงคำราม คลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวกระจายออกมา กวาดล้างให้ทั้งเจ็ดไม่มีทางเลือกนอกจากระวัง

“แค่หุ่นเงายังคิดจะขัดขวางพวกเรารึ?!”

แต่ทันใดนั้นเสียงร้องเย็นเยือกก็แผดออก จากนั้นมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ก็ต้องตะลึงไปเมื่อเห็นประมุขหมู่ตึกเทวะทะยานตัวลงมาปรากฏต่อหน้าหุ่นเงาก่อนที่จะซัดฝ่ามือออกไป

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ทุกคนอึ้งไป แต่ละคนเผยสีหน้าประหลาดใจ ตอนที่พวกเขาปะทะกับหุ่นเงานั่น พวกเขาก็รู้ชัดเจนถึงความแข็งแกร่ง หากพวกเขาต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะยับยั้งมันได้ ดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หุ่นวิญญาณจอมพลสี่ แต่เลือกร่วมมือกัน…

แต่ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ประมุขหมู่ตึกเทวะถึงคิดสู้ตายขนาดนี้…

ครืน!

ขณะที่พวกเขามีสีหน้าประหลาดใจ ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ซัดฝ่ามือออกไปแล้ว แสงห้าสีระเบิดออกจากฝ่ามือเขา ความโชติช่วงสาดส่องไปทั่วฟ้าดิน คลื่นพลังทรงประสิทธิภาพอย่างมาก

โฮก!

หุ่นวิญญาณจอมพลสี่แผดเสียงคำรามพร้อมกับแสงแผ่ซ่านออกมาจากในดวงตา ก่อนที่จะซัดฝ่ามือออกไป ช่วงเวลาที่ฝ่ามือกวาดออก ผลึกรัศมีก็รวมตัวกันที่เบื้องหลัง

เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง ที่จริงตอนนี้พวกเขาสามารถร่วมมือกันปราบหุ่นเงา แต่…เนื่องจากความคิดบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจจึงไม่มีใครเคลื่อนไหวเลย

ทุกคนล้วนเป็นคู่แข่งกัน ประมุขหมู่ตึกเทวะทรงพลังมาก หากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากหุ่นเงาเพื่อทำให้เขาอ่อนแอลง ก็เป็นข่าวดีสำหรับทุกคน

ปัง!

ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันอย่างหนักหน่วง คลื่นกระแทกน่ากลัวกระจายออก มิติทรุดตัวลงภายในรัศมีแสนกว่าจั้ง มากจนกระทั่งมหาสมุทรเบื้องล่างยังเหมือนแยกออกเป็นสองส่วน

คลื่นกระแทกกวาดหายนะ หุ่นวิญญาณจอมพลสี่ก็กระเด็นกลับไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏบนแขนราวกับว่ากำลังจะแตก เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บหนัก

อีกด้านหนึ่งประมุขหมู่ตึกเทวะก็ไม่ได้ดีกว่ากัน รอยเลือดปรากฏที่มุมริมฝีปาก ร่างของเขากระเด็นออกมาราวกับกระสุนปืนใหญ่พุ่งลงสู่ทะเลเบื้องล่าง ไม่มีใครรู้ว่าเขาจมลงไปในทะเลลึกเพียงใด

เมื่อประมุขคนอื่นๆ บนท้องฟ้าเห็นฉากนี้มุมปากก็กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมประมุขหมู่ตึกเทวะที่มีนิสัยสงบและไหวพริบดีเสมอจะหุนหันพลันแล่น แม้ว่าเขาจะทำให้หุ่นเงาเสียหายได้ แต่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์ใดๆ ในการแย่งชิงสมบัติต่อไปเลย

“คึๆ ดูเหมือนว่าประมุขหมู่ตึกเทวะจะเสียสติกับของเหลวหลิงเสินไปแล้ว” วั้นตู๋เสอปล่อยเสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมา เขารู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นนัก

คนที่เหลือก็มีริ้วคลื่นสั่นไหวในดวงตา

“พอแล้ว ไม่ต้องสนใจเขา เราต้องล้อมกรอบหุ่นเงานี้ต่อไปเพื่อซื้อเวลาให้พอสำหรับคนที่อยู่บนเกาะ” มั่นถัวหลัวกล่าวเสียงเบา

คนอื่นๆ ก็พยักหน้า ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาไปกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของประมุขหมู่ตึกเทวะ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นคู่แข่งกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะเห็นอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ดังนั้นทั้งหกคนจึงร่วมมือกันเพื่อยับยั้งหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ หลังจากได้เห็นพลังที่ส่งประมุขหมู่ตึกเทวะออกไปเสียหน้าหงายในฝ่ามือเดียว พวกเขาก็ระมัดระวังมากขึ้น ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้หุ่นเงาปะทะกันตรงๆ…

ไม่มีใครใส่ใจประมุขหมู่ตึกเทวะที่ไม่ปรากฏตัวออกมา ชายคนนั้นคงประสบกับอาการบาดเจ็บหนักและต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรเพื่อกู้คืนพลัง ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถแย่งชิงได้เต็มที่เมื่อของเหลวหลิงเสินปรากฏขึ้น

ครืน!

คลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้นเหนือเกาะหิน เนื่องจากหุ่นเงาไม่สามารถไปไหนได้ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของประมุขทั้งหก มันทำได้เพียงคงการป้องกันไว้ แต่ตัดสินจากสภาพความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มั่นถัวหลัวและคนอื่นรู้ว่าของเหลวหลิงเสินเริ่มถูกครอบครองแล้ว…

ในขณะที่พวกเขากำลังกลุ้มรุมหุ่นเงา ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นรัศมีสีดำที่แผ่ออกจากมหาสมุทรมรกตเบื้องล่าง

ราวกับว่ามีเทพมารกำลังตื่นจากนิทราใต้มหาสมุทรนั่น