หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 947 กลั่นของเหลวหลิงเสินสำเร็จ
ซ่า ซ่า**!**
คลื่นน้ำสีมรกตหนาแน่นพวยพุ่งขึ้นจากทะเลสาบขนาดมหึมา หากมองอย่างใกล้ชิดก็จะเห็นว่ามีเศษผลึกใสกำจายอยู่ในทะเลสาบด้วย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดจากคลื่นหลิงที่ถูกบีบอัดจนถึงระดับน่ากลัว
ทะเลสาบแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากคลื่นหลิงของจอมพลสี่หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว แม้แต่มหาสมุทรข้างนอกก็เกิดจากทะเลสาบนี้ด้วยเช่นกัน
โดยทั่วไปแล้วแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ไม่กล้าที่จะดูดซับพลังงานที่มีความหนาแน่นสูงนี่เลย นั่นเป็นเพราะคลื่นหลิงที่ได้รับการขัดเกลาโดยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทรงพลังเกินไป จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะโจมตีและกัดกร่อนคลื่นพลังงานในร่างกายของพวกเขา ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่าจะได้รับ
แต่ตอนนี้แก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายังขนพองสยองเกล้ากลับพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่หยุดยั้งและถูกดูดซับโดยขวดแก้วรูปร่างแปลกต่างๆ…
มู่เฉินยืนอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองทหารหินพร้อมกับขวดดินเผาโบราณลอยอยู่ตรงหน้า เสาน้ำขนาดใหญ่หลายร้อยจั้งถูกดูดเข้ามาในขวดที่ดูเหมือนเล็กแต่จริงๆ ลึกไร้ก้นราวกับวาฬสูบน้ำเลยทีเดียว
ความเร็วในการดูดของขวดดินเผาโบราณสูงเกินกว่าวัตถุอื่นๆ ตามประสิทธิภาพความเร็วในการดูดของขวดหยกที่สำนักสูงสุดอื่นๆ ได้รับ ไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบของความเร็วของขวดดินเผาของมู่เฉิน
ดังนั้นเมื่อทุกคนเบนสายตามาเห็นเสาน้ำมหึมาที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ดวงตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แก่นคลื่นหลิงในทะเลสาบแห่งนี้มีจำกัด ตอนนี้คนจำนวนมากแย่งกันสูบน้ำไม่หยุด คงอีกไม่นานทะเลสาบก็จะแห้งขอด
ในเวลานั้นของเหลวหลิงเสินที่กลั่นโดยมู่เฉินจะสมบูรณ์แบบกว่าที่เหลือแน่นอน
มิหนำซ้ำของเหลวหลิงเสินยังเชื่อมโยงเกี่ยวกับประมุขว่าจะสามารถบรรลุขุมพลังขั้นใหม่ได้หรือไม่ นั่นเพราะไม่ว่าพวกเขาจะสู้กันอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภาพรวม สิ่งเดียวที่สามารถทำลายความสมดุลได้ก็คือการเขย่ารากฐานของกองทัพสูงสุด…
เห็นได้ชัดว่าประมุขแต่ละสำนักเป็นเสาหลักแท้จริง
หากประมุขหมู่ตึกเทวะสามารถบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ พวกมู่เฉินก็รู้ชัดเจนว่าสถานการณ์ภาพรวมของภูมิภาคทางเหนือจะเปลี่ยนแปลง ตอนแรกพวกเขายังสงสัยว่าแค่ขั้นเดียวจะแตกต่างมากขนาดไหนเชียว เพราะเหมือนตอนนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นปลายมากกว่าประมุขทั้งเจ็ดคนยังไม่มั่นใจที่จะพูดว่าตนเองสามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนอื่นได้
แต่ถ้าเขาสามารถบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ ก็จะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างสิ้นเชิง เพราะนี่ได้รับการพิสูจน์โดยหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ ซึ่งต้องใช้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนถึงเจ็ดคนเพื่อยับยั้ง
ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเพียงพอที่จะทำลายความสมดุลทั้งหมดของภูมิภาคทางเหนือ
เสียงน้ำไหลดังกึกก้องบนเกาะหินที่เงียบสงบ สายตาทุกคู่กะพริบวูบไหว ความคิดต่างๆ นานาวนเวียนในใจ
เมื่อถึงจุดนี้ สงครามการล่าก็ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว แต่อันตรายที่แท้จริงกลับกำลังจะเริ่มต้น…
นั่นเป็นเพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์สุดท้ายได้
ขณะความคิดไหลเวียนอยู่ในหัวใจ ครึ่งวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว เวลาที่ไหลผ่านทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าน้ำในทะเลสาบลดลงเรื่อยๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์กำลังจะหมดไป
ในเวลาเดียวกันกับน้ำในทะเลสาบลดน้อยลง คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็กำจายระลอกบนท้องฟ้า ต้นกำเนิดของคลื่นเหล่านี้มาจากขวดรูปทรงแปลกๆ เหล่านั้น
“ของเหลวหลิงเสินกลั่นเรียบร้อยแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงปีติยินดีก็ดังกึกก้อง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองขวดของหมู่ตึกเทวะ ตอนแรกขวดซึ่งโน้มเอียงก็ค่อยๆ ตัดการสูบน้ำในทะเลสาบลง แสงสีทองบางจางแผ่ซ่านที่ปากขวด แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังเป็นสีทองอร่าม
ระลอกคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมออกมา ทำให้แม้แต่หัตถ์ทั้งสี่ยังต้องแอบเดาะลิ้นจากแรงกดดันที่สัมผัสได้
ฮึ่ม!
ขณะที่ความปั่นป่วนปรากฏขึ้นในฝั่งหมู่ตึกเทวะ เสียงแห่งความสุขก็ดังกึกก้องจากอีกหลายทิศทาง แสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นไปยึดครองขอบฟ้า แต่ไม่ได้อยู่ในทิศทางเดียวกับของหมู่ตึกเทวะ
ขวดหยกที่จวนยมโลกและยอดเขาหมื่นเทพได้รับมา ก็กลั่นของเหลวหลิงเสินในปริมาณที่เหมาะสมได้แล้ว
หลังจากพวกเขาก็มีแสงสีทองกระจายเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย เห็นได้ชัดว่าวัตถุชิ้นอื่นๆ ก็กลั่นของเหลวหลิงเสินจบสิ้นแล้วเหมือนกัน แต่ความแวววาวนั้นด้อยกว่าเมื่อเทียบกับของเหลวหลิงเสินที่ได้จากขวดหยกทั้งสาม
“ในที่สุดก็สำเร็จ”
หัตถ์ทั้งสี่แห่งหมู่ตึกเทวะใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็ถอนหายใจโล่งอก หลังจากความพยายามขมขื่นมากมาย ในที่สุดพวกเขาก็ทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้รับของเหลวหลิงเสินไว้ในครอบครอง
“ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรจากไอ้เด็กเหลือขอนั่นอีกเรอะ…หึ ไอ้เด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแฟ่นดินต่ำ ดูท่าเขาจะล้มเหลวในการกลั่นของเหลวหลิงเสินที่สมบูรณ์แบบแล้ว!” หัตถ์ใต้หันไปมองทางมู่เฉิน นั่นเป็นเพราะตอนนี้เหลือเพียงฝั่งมู่เฉินที่ยังไม่มีสัญญาณของการกลั่นของเหลวหลิงเสินสำเร็จ
“เป็นข่าวดีถ้าเขาล้มเหลว เมื่อท่านประมุขประสบความสำเร็จในการพัฒนาขุมพลัง อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเป็นสำนักแรกของภูมิภาคทางเหนือที่ถูกล้างบางแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกมันจะเป็นหมาไร้บ้าน!” หัตถ์อีกสามคนแสดงสีหน้าเยือกเย็น
ทุกสำนักมองไปในทิศทางของมู่เฉิน เนื่องจากขวดดินเผาโบราณในมือมู่เฉินทรงพลังมากที่สุดและได้ดูดซับแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์มากมาย แต่จากการพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนว่าการซึมซับพลังงานมากเกินไป กลับทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น
ไม่ไกลนักจอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็มองดูด้วยความกระวนกระวายใจในสายตา นั่นเพราะของเหลวหลิงเสินสำคัญสำหรับสำนักของพวกเขาใหญ่หลวงนัก
เผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ยังคงนิ่งเงียบ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ขวดดินเผาเบื้องหน้า มันยังคงดูดซับคลื่นหลิงจากทะเลสาบไม่จบ
ทว่าตอนนี้ น้ำในทะเลสาบกำลังจะหมดไป น้ำหยดสุดท้ายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะเข้าไปในขวดดินเผานั้น…
เมื่อน้ำหยดสุดท้ายในทะเลสาบถูกดูดกลืนหมด ขวดดินเผาก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
หัตถ์ทั้งสี่แห่งหมู่ตึกเทวะเผยความยินดีในสายตาเมื่อเห็นภาพนี้ เด็กโง่นั่นล้มเหลวจริงๆ ใช่ไหม?!
“ครืน!”
แต่ขณะที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองในใจ เสียงดังกึกก้องก็ระเบิดในมิตินี้ หัวใจของทุกคนโลดขึ้น พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางมู่เฉิน ก็เห็นขวดดินเผาโบราณที่นิ่งเงียบเป็นเวลานานก็เกิดเกลียวสายฟ้าทองคำพุ่งออกมาฉีกขาดฟ้าดิน ราวกับมังกรทองปลดปล่อยความกดดันทรงพลังอย่างยิ่งออกมา
สายฟ้าทองคำพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แสงสีทองรวมตัวกันอย่างป่าเถื่อนที่ปากขวดดินเผา หมอกสีทองกระเพื่อมก่อตัวเป็นรูปร่างทารกสีทองโดยมีแรงสั่นสะเทือนบางจางเปล่งออกมา
ตึง!
อัตราการเต้นแผ่วเบามาก แต่เมื่อเสียงเบาดังสะท้อนออกมา ทั้งมิติก็เหมือนจะสั่นสะเทือน
ทุกคนตะลึงกับภาพนี้ จากนั้นความอิจฉาก็พล่านในสายตา กระทั่งคนปัญญาอ่อนยังบอกได้ว่าของเหลวหลิงเสินที่มู่เฉินกลั่นออกมาได้ไม่ธรรมดา
รอยยิ้มบนใบหน้าของหัตถ์ทั้งสี่แข็งค้างจากนั้นสีหน้าก็เขียวคล้ำ ดวงตาของพวกเขาจ้องมองไปที่มู่เฉินราวกับปรารถนาที่จะฉีกร่างมู่เฉินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฟิ้ว!
จอมพลทั้งสามของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เหินตัวผ่านกองทหารหิน ปรากฏตัวรอบร่างมู่เฉิน คลื่นหลิงทรงพลังกำจายออกมาเพื่อปกป้องชายหนุ่มเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าของเหลวหลิงเสินนี้ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเข้ามาปกป้องมู่เฉินเพราะกลัวว่าจะมีคนไม่สามารถระงับความอิจฉาของตนเองไว้ได้จนลงมือแย่งชิง
ฟู่!
มู่เฉินก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาเหยียดมือออกคว้าขวดดินเผาโบราณ หลังจากความพยายามอันขมขื่น ในที่สุดเขาก็กลั่นของเหลวหลิงเสินสำเร็จ
ปัง!
เมื่อขวดเข้ามาในมือของเขา กองทหารหินรอบมู่เฉินก็พังทลายกลายเป็นประกายแสงจางหายไป เห็นได้ชัดว่ากระดานเทพปฏิยุทธ์ถึงขีดจำกัด ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว
มู่เฉินก้มหน้าลงมองไปที่กระดานหินว่างเปล่าที่ไม่มีรูปปั้นอีกต่อไป ทำให้เขาถอนหายใจด้วยเสียดาย
“ฮ่าๆ มู่เฉิน เจ้าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในครั้งนี้ ท่านประมุขจะต้องมอบรางวัลให้แน่นอน ถึงตอนนั้นอาจไม่ใช่แค่กระดานเทพปฏิยุทธ์แล้ว” ซุยนอนพูดด้วยรอยยิ้มขณะหรี่ตาลง
มู่เฉินยิ้มกับคำพูดของอีกฝ่าย เขาไม่ได้ใส่ใจกับรางวัลมากนักเนื่องจากมั่นถัวหลัวให้การปกป้องเขามากมายนับตั้งแต่มาอยู่ในภูมิภาคทางเหนือ ซ้ำนางยังช่วยชี้แนะเขาอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงพยายามเต็มที่เพื่อชิงชัยของเหลวหลิงเสินมา ตัวเขาไม่ได้คาดหวังรางวัลเหมือนผู้บัญชาการคนอื่นมากนัก
“ไปเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่ มอบของนี้ให้กับท่านประมุขกัน!”
จอมพลทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นกำมือ ตราหยกก็ปรากฏในมือ พวกเขาบดขยี้ทันที นี่เป็นการส่งสัญญาณให้แก่มั่นถัวหลัวเพื่อบอกว่าพวกเขาทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
ในเวลาเดียวกันสำนักอื่นๆ ก็ดึงของที่ใช้ติดต่อออกมา แสงระเบิดพร่างพราวในทันที
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาบดขยี้ ปราการรอบเกาะก็สั่นไหว รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้น
“เตรียมตัวไป!” ซุยนอนเรียกสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์มารวมตัวกันก่อนจะออกคำสั่ง
มู่เฉินเงยหน้ามองรอยแตกที่ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะหายใจลึก มือกำขวดดินเผาแน่น แม้ว่าจะได้รับของเหลวหลิงเสินแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามั่นถัวหลัวจะสามารถใช้สิ่งนี้ในการบรรลุขุมพลังได้หรือไม่
ในที่สุดสงครามการล่าก็มาถึงตอนสำคัญที่สุดแล้ว