บทที่ 1152 เดิมพันหนึ่งพันล้าน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ทันทีที่เย่เทียนสุ่ยได้ข่าวเรื่องการประลองในครั้งนี้เขาก็รีบเปิดให้มีการเดิมพันขึ้นทันที และคาดหวังว่าจะสามารถหาเงินได้จากการเดิมพันครั้งนี้สูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวนเลยทีเดียว..
  แต่หลังจากที่มีข่าวลือออกไปว่าตระกูลหลงจะยื่นมือเข้าช่วยตระกูลซันกับตระกูลเฉิน ก็ยิ่งมีคนเดิมพันว่าจะตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายแพ้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเย่เทียนสุ่ยต้องสั่งให้เพิ่มเงินเดิมพันฝั่งตระกูลหลิงชนะเป็นหนึ่งต่อสิบห้าแทน เพื่อหวังดึงดูดให้คนมาพนันฝั่งตระกูลหลิงมากขึ้น..
  หนำซ้ำตัวเขาเองยังเดิมพันให้ตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะเพื่อดึงดูดคนอื่นๆให้มาลงตามด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนมาขอเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะ ด้วยจำนวนเงินถึงหนึ่งพันล้าน เย่เทียนสุ่ยจึงต้องการออกไปดูให้หน้าคนผู้นั้นด้วยตัวเอง..   เย่เทียนสุ่ยทำหน้าตาถมึงทึงพร้อมกับลุกขึ้นยืนและร้องตะโกนสั่งเสียงดัง “หมอนั่นยังอยู่หรือไม่”
  ผู้จัดการคลับถึงกับยืนขาสั่นเมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของเย่เทียนสุ่ยจึงรีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
  “ยะ..อยู่ครับ!”
  “ข้าจะออกไปดูหน้ามันหน่อย!”
  แม้เย่เทียนสุ่ยจะอ้วนมากเพียงใดแต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ช่างรวดเร็วยิ่งนัก เพียงประเดี๋ยวเดียวก็มาถึงที่ห้องโถงชั้นสองของคลับเฮ้าส์ ซึ่งตกแต่งด้วยสีทองหรูหราอร่ามตา..
  และคลับเฮ้าส์แห่งนี้ก็คือบ่อนคาสิโนใต้ดินของเย่เทียนสุ่ยนั่นเองและนักพนันที่จะเข้าบ่อนของเย่เทียนสุ่ยได้ ก็ต้องมีเงินมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านเลยทีเดียว..
  “สหายมือเติบคนใหนกันที่จะเดิมพันว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะการประลองด้วยจำนวนเงินถึงหนึ่งพันล้าน ช่วยลุกขึ้นยืนให้ข้าเห็นหน้าหน่อยจะได้หรือไม่”
  ทันทีที่ร่างอ้วนของเย่เทียนสุ่ยเดินเข้าประตูมาก็ร้องตะโกนถามออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที..
  “พวกข้าเอง!”
  “หลิงอี๋!หลิงชี!”
  และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็คือคนที่หลิงหยุนส่งมานั่นเอง..
  เย่เทียนสุ่ยกัดฟันกรอดแต่ก็ฝืนพูดออกไปยิ้มๆ “ในเมื่อเป็นพวกเจ้าสองคน ข้าก็จะไม่ขอพูดอะไรมาก แต่จะขอถามพวกเจ้าเพียงแค่สองข้อเท่านั้น!”
  “ข้อแรก..ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าสองคนเข้ามาในคลับของข้าได้อย่างไร”
  หลิงอี๋ยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“คุณชายเย่.. บ่อนของท่านมีกฏว่าผู้ใดมีเงินหนึ่งร้อยล้าน จึงจะสามารถเข้ามาเล่นได้ไม่ใช่รึ การที่พวกข้าจะเข้ามาที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร..”   เย่เทียนสุ่ยยิ้มและถามต่อว่า –คนตระกูลหลิง.. เจ้ามั่นใจมากว่าตระกูลหลิงจะสามารถชนะการประลองได้งั้นรึ-
  แต่ครั้งนี้เย่เทียนสุ่ยใช้วิธีพูดผ่านกระแสจิตและหลิงอี๋ก็ตอบกลับไปด้วยวิธีเดียวกัน –คุณชายเย่.. แม้แต่ท่านเองยังเดิมพันเช่นนั้น ย่อมต้องมั่นใจว่าตระกูลหลิงของข้าจะชนะ ในเมื่อแม้แต่ท่านเองยังมั่นใจเช่นนั้น มีเหตุผลใดที่พวกเราจะไม่เชื่อมั่นเช่นนั้นด้วยเล่า-
  เย่เทียนสุ่ยได้ฟังคำตอบ..ร่างอ้วนๆของเขาถึงกับสั่นเทิ้ม และแทบอยากจะพุ่งเข้าไปสังหารหลิงอี๋ทันที!
  “คุณชายเย่..ผู้นำตระกูลหลิงได้ฝากคำพูดมาถึงท่านหนึ่งประโยคด้วยว่า..”
  “ขอบคุณที่ครั้งนี้ท่านจะได้มอบเงินให้ตระกูลหลิงเป็นจำนวนถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวน!แล้วท่านผู้นำตระกูลก็หัวเราะ..”
  ……
  เย่เทียนสุ่ยถึงกับสบถออกมาด้วยความโมโห..“หึ.. ข้าฝากคำพูดกลับไปให้หลิงหยุนด้วย บอกมันว่าในคืนพรุ่งนี้หากเผชิญหน้ากับตระกูลซันและตระกูลเฉินแล้ว ก็อย่าได้หวาดกลัวจนเสียสติก็แล้วกัน!”
  หลิงอี๋ฟังแล้วถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและเดินตรงเข้าไปหาเย่เทียนสุ่ย แต่หลิงชีกลับห้ามไว้ “หัวหน้า.. ท่านลืมคำสั่งของผูนำตระกูลแล้วรึ”
  หลิงอี๋ยังจำคำสั่งของหลิงหยุนก่อนมาได้อย่างแม่นยำเขาจึงข่มความโกรธพร้อมกับตอบเย่ชิงสุ่ยไปว่า
  “ข้าจะรายงานท่านผู้นำตระกูลทุกคำพูดของท่านเลยทีเดียว!”
  จากนั้นหลิงอี๋กับหลิงชีก็เดินออกไปจากคลับส่วนตัวของเย่เทียนสุ่ยทันทีและเมื่อขึ้นรถไปได้ทั้งคู่ก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..
  ……
  ณศูนย์บัญชาการใหญ่องค์กรนักฆ่า สาขาปักกิ่ง..   ในเย็นวันนี้เฉินจิ้งเฉวียนเฉินไห่เผิง ซันเจิ้นหวู่ ซันเทียนหลัว และนินจาทั้งห้า รวมทั้งยอดฝีมือจากตระกูลไป๋หลี่ ต่างก็เดินทางไปดูสนามประลองที่หลิงหยุนเตรียมไว้..
  หลังจากที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินได้รับแผนที่มาพวกเขาก็พากันมาที่นี่ตั้งแต่วันแรก และทำการสำรวจสถานที่แห่งนี้นานถึงสองวันสองคืน ทั้งสองตระกูลพาคนมาสำรวจบริเวณนั้นอย่างละเอียด เรียกได้ว่าแทบพลิกแผ่นดินตรวจสอบกันเลยทีเดียว เพราะไม่มั่นใจว่าตระกูลหลิงจะเล่นตุกติกอะไรบ้าง
  แต่ผ่านไปสองวันสองคืนก็ยังไม่มีผู้ใดสำรวจพบสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อย..
  จนกระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนการประลองเฉินจิ้งเฉวียน และซันเจิ้นหวู่ จึงได้นำยอดฝีมือของฝ่ายตนเองมาสำรวจสนามประลองด้วยตัวเองอีกครั้ง..
  “อาวุโสเฉิน..ท่านพบสิ่งใดผิดปกติหรือไม่”
  หลังจากที่สำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วซันเจิ้นหวู่จึงร้องถามเฉินจิ้งเฉวียนเพื่อความมั่นใจ
  เฉินจิ้งเฉวียนส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “ข้าไม่พบสิ่งใดผิดปกติเลยแม้แต่น้อย ไม่พบแม้กระทั่งรอยฝ่ามือ หรือว่าฝ่าเท้าของคนตระกูลหลิง!”
  เฉินจิ้งเฉวียนหันไปมองทางนินจาทั้งห้าพร้อมกับเอ่ยถามโทคุงาวะ ฮิโรชิซึ่งเป็นถึงนินจาขั้นเงาระดับสาม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องอาวุธลับ และค่ายกลเป็นอย่างดี และหากแม้แต่โทคุงาวะ ฮิโรชิยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ก็ย่อมจะวางใจได้!
  หลังจากที่เหล่านินจาได้ทำการสำรวจจนทั่วบริเวณแล้วโทคุงาวะ ฮิโรชิจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
  “ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้และรอบๆ ไม่มีความผิดปกติใดๆ คืนพรุ่งนี้พวกเราจะสังหารคนตระกูลหลิงให้หมด!”
  ………  เช้าของวันที่31 สิงหาคม..
  ในที่สุดวันประลองระหว่างตระกูลหลิงตระกูลซัน และตระกูลเฉินก็มาถึง!
  อากาศในเช้าวันนี้ไม่สู้ดีนัก..มีฝนตกบางเบาทำให้อากาศยามเช้าในฤดูใบไม้ร่วงค่อนข้างหนาวเย็นกว่าเดิม แต่ในช่วงบ่ายเมฆหมอกต่างก็สลายไป และท้องฟ้าก็เริ่มเปิด ทำให้ท้องฟ้าทั่วทั้งปักกิ่งไร้เมฆหมอก และเป็นสีฟ้าสดใส..
  ตลอดทั้งวันหลิงหยุนไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมใดๆภายในตระกูลหลิงเลยตั้งแต่เช้าตรู่ หลิงหยุนก็เอาแต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างต้นหลิวเทวะวิญญาณในสวนชั้นที่หก เพื่อฝึกฝนวิชาอยู่ตามลำพังตลอดทั้งวัน!
  จนกระทั่งหกโมงเย็น..หลิงหยุนจึงลืมตาขึ้น และลูกนัยน์ตาของเขาก็ได้ปรากฏประกายสีดำและสีขาวขึ้นมาพร้อมกับวูบหนึ่ง และมันก็คือเนตรหยินหยาง!
  หลิงหยุนลุกขึ้นยืนและจัดการถอนหลิวเทวะวิญญาณเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลของตนเองทันที!
  เวลานี้..จิตหยั่งรู้ และหยดเสินหยวนของหลิงหยุนอยู่ในระดับสมบูรณ์สูงสุด และภายในใจของเขานั้นก็มุ่งมั่น และพร้อมอย่างยิ่งสำหรับการประลองในคืนนี้!
  และเพียงแค่พริบตาเดียวหลิงหยุนก็ใช้วิชาเงาลวงตาไปปรากฏตัวอยู่ในสวนชั้นที่สาม เขาจัดการอาบน้ำอาบท่าโดยมีเกาเฉินเฉินคอยดูแล และจัดการเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดภูษาเกราะที่ทำจากผ้าแพรราชาไหมดำ!
  และเวลานี้หลิงหยุนก็พร้อมที่จะออกไปประลองแล้ว..
  “หลิงหยุน..นายจะทานข้าวก่อนมั๊ย”
  แม้เกาเฉินเฉินจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันแต่เธอเองก็ยังคงวิตกกังวล และอดที่จะเป็นห่วงหลิงหยุนไม่ได้!
  “ไม่ล่ะ..เวลานี้ภายในร่างกายของผมมีพลังชีวิตอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด ทำให้ไม่รู้สึกหิว!”   หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้ และปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  “เฉินเฉิน..คุณไม่ต้องกังวลใจไป แม้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญของผม แต่ตระกูลหลิงจะต้องชนะอย่างแน่นอน!”
  เกาเฉินเฉินเอนกายซบอกหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พยายามอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ คืนนี้ฉันจะรอนายกลับมา!”
  หลิงหยุนจุมพิตหน้าผากเกาเฉินเฉินแล้วออกจากบ้านไปทันที และไปปรากฏตัวอีกครั้งในสวนชั้นที่เก้าซึ่งเป็นที่อยู่ของหลิงลี่..
  และในเวลานั้น..หลิงลี่ หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เหล่ากุ่ย และสมาชิกตระกูลหลิงคนอื่นๆ ต่างก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นจนหมดแล้ว ทุกคนต่างก็ยืนคอยหลิงหยุนด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย..
  แม้กระทั่งหลิงซวี่ซึ่งหลิงหยุนไม่ค่อยจะได้เห็นหน้านักก็มาปรากฏตัวในคืนนี้ด้วยเช่นกัน!   เรียกได้ว่านอกเหนือจากหลิงเจิ้นแล้ว..สายเลือดตระกูลหลิงทุกคน ล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่ทั้งสิ้น แม้กระทั่งคนนอกอย่างจินเหยียว และโม่วู๋เตาก็เช่นกัน..
  “ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ลุงสอง..”
  หลิงหยุนเอ่ยทักทายทุกคนด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่งอย่างที่สุด..
  หลิงลี่เอ่ยถามออกมาด้วยความกังวลใจ“หลิงหยุน.. การประลองในครั้งนี้ เจ้าจะไม่ให้พวกเราไปด้วยจริงๆงั้นรึ”
  หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับโบกมือปฏิเสธและตอบไปว่า “ท่านปู่.. ทำทุกอย่างตามแผนที่คุยกันไว้!”
  หลิงหยุนนั้นได้วางแผนและเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมายอีก..
  “หลิงหยุน..เจ้าระมัดระวังตัวด้วย!”
  หลิงเสี่ยวก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่หลิงหยุน ความรู้สึกมากมายของหลิงเสี่ยวได้แสดงออกมาทางแววตา และผ่านคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียว!
  หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อจากหลิงเสี่ยวเขายิ้มให้และตอบกลับไปว่า “ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไป ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่ข้าวางไว้แน่!”
  เวลานี้หลิงเย่วจินเหยียว และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลหลิง ต่างก็กรูเข้าไปล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ มีเพียงโม่วู๋เตาเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ห่างๆ พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
  “หลิงหยุน..ข้าเชียร์เจ้าสุดใจเลยนะ! สู้ๆ” ไอลีนโนเวล
  ดูเหมือนโม่วู๋เตาจะไม่มีความกังวลใจเลยแม้แต่น้อยนั่นเพราะเขาเชื่อมั่นในตัวหลิงหยุนยิ่งนัก!
  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมา“ข้าต้องไปแล้ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินออกจากสวนชั้นที่เก้าโดยมีเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงเดินตามมาและเวลานี้เอ็ดเวิร์ด เพียร์ซ จอยซ์ พอล และเจสเตอร์ที่อยู่ในชุดผ้าแพรไหมดำ ต่างก็พากันเดินออกมาจากคุกใต้ดินตระกูลหลิงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา..
  พอลกับเจสเตอร์ลากร่างของเฉินเซินกับไห่ซานออกมาด้วย..
  “เฉินเซิน..ข้าบอกกับเจ้าแล้วว่าถึงวันฤกษ์งามยามดีเมื่อใด ก็จะปล่อยเจ้ากลับบ้าน ตอนนี้ได้เวลาปล่อยตัวเจ้าแล้ว!”
  หลิงหยุนจ้องมองเฉินเซินด้วยรอยยิ้มเย็นชาเวลานี้.. ต่อให้เฉินเซินจะโง่เขลาสักเพียงใด ก็ต้องรู้ว่าจะไม่เป็นอย่างที่ตนคาดหวัง มันจึงได้แต่ดิ้นรน และร้องตะโกนไปตลอดทาง..
  “นำตัวพวกมันออกไปได้แล้ว!”
  หลิงหยุนคร้านที่จะใส่ใจและทั้งหมดก็เดินตรงไปที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิง เมื่อไปถึงก็พบว่าเกาเทียนหลงจอดรถคอยอยู่ที่ลานจอดรถด้านในแล้ว  เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินมาเกาเทียนหลงก็เดินไปเปิดกระโปรงท้ายรถ พร้อมกับลากร่างที่ถูกทรมานจนไม่เหลือสภาพความเป็นคนของเฉินเจี้ยนกุ่ยออกมา แล้วหันไปบอกกับหลิงหยุนว่า
  “ท่านปู่บอกว่าคนผู้นี้ไร้ประโยชน์กับตระกูลเกาแล้วหากเจ้าจะสังหารก็เชิญได้เลย!”
  “เยี่ยม!”
  หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับส่งสายตาให้เพียร์ซและเพียร์ซก็ตรงเข้าไปลากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยออกมาทันที
  “นำตัวพวกมันไปไว้บนรถก่อน!”
  หลิงหยุนสั่งแวมไพร์ทั้งห้าให้ไปรอที่รถจากนั้นจึงหันไปย้ำกับเกาเทียนหลงว่า “พี่เทียนหลง.. ท่านช่วยบอกท่านปู่เกาด้วยว่า อย่าลืมทำตามแผนที่คุยกันไว้!”
  เกาเทียนหลงจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ“หลิงหยุน.. ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นเจ้าวางใจได้!”
  หลิงหยุนยิ้มเจ้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะพยักหน้าให้เกาเทียนหลงแล้วเดินตรงไปขึ้นรถที่เตรียมไว้ ทันทีที่หลิงหยุนขึ้นไปนั่งข้างเจสเตอร์ซึ่งเป็นคนขับ รถสีดำคันหรูก็เคลื่อนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเกาทันที!
  ……..
  เวลาหนึ่งทุ่มตรง..รถหรูสีดำได้เคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง และหลิงหยุนก็นั่งหลับตาไปตลอดทาง..
  จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมา..รถสีดำของหลิงหยุนก็ไปจอดอยู่ที่ถนนขึ้นเขาซึ่งอยู่ด้านนอกของเขาหยุนเหมิง และเวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิดแล้ว หลิงหยุนสำรวจดูรอบๆบริเวณ และเมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงร้องสั่งว่า..
  “เอาล่ะ..ลงจากรถได้แล้ว!”
  หลังจากที่ทุกคนลงจากรถหมดแล้วหลิงหยุนก็จัดการนำรถเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาล..
  “ขึ้นเขากันดีกว่า!”
  แวมไพร์ทั้งห้าตนกางปีกออกและบินขึ้นเขาไปทันที ส่วนหลิงหยุนนั้นยืนอยู่บนแผ่นหลังของเอ็ดเวิร์ด ซึ่งกำลังบินนำแวมไพร์ทั้งสี่ตนไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่องค์กรนักฆ่า สาขาปักกิ่ง..
  เพียงแค่เจ็ดถึงแปดนาทีเท่านั้นแวมไพร์ทั้งห้าก็บินไปถึงยอดเขาที่ทั้งสูงและอันตรายที่สุด หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูก็พบว่า บนยอดเขามีคนอยู่สองคน
  หลิงหยุนแสยะยิ้มและเรียกคันธนูทองออกมาพร้อมลูกธนูสองดอก และจัดการยิงใส่ร่างของยอดฝีมือทั้งสองทันที!
  ฟิ้ว..ฟิ้ว..
  ลูกธนูทั้งสองพุ่งเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือทั้งสองอย่างแม่นยำและร่างทั้งสองก็ล้มตึงลงไปกับพื้นทันที
  และเมื่อทั้งหมดไปถึงยอดเขาหลิงหยุนก็ใช้เนตรหยิน–หยางสำรวจดูบริเวณรอบๆ แต่แล้วก็ถึงกับร้องอุทานออกมา..
  “มากันมากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนพบว่าในหุบเขาด้านล่างและด้านในกับด้านอกคฤหาสน์นั้น มีคนชุดดำอยู่เต็มไปหมด ต่างก็แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ สามคนบ้าง สี่คนบ้าง ห้าคนบ้าง แต่ละกลุ่มดูเหมือนจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา..
  “หึ..ดูเหมือนสถานที่ที่ข้าเลือก จะกลายเป็นบ้านของพวกเจ้าไปแล้วสินะ! แต่น่าเสียดาย.. ที่มันจะต้องกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเจ้าด้วย!”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มและจัดการเก็บคันธนูทองกลับเข้าไปดังเดิม..
  “เอาล่ะ..ใกล้เวลาแล้ว พวกเราลงไปข้างล่างกันดีกว่า!”
  สิ้นคำสั่งของหลิงหยุนแวมไพร์ทั้งห้าก็ค่อยๆ ร่อนลงที่พื้นด้านล่างทันที!
  ………  “พวกมันมาแล้ว”
  ในเวลาเดียวกันนั้น..ที่หุบเขาด้านนอกคฤหาสน์ เฉินจิ้งเฉวียน ซันเจิ้นหวู่ นินจาทั้งห้าจากตระกูลโทคุงาวะ ยอดฝีมือจากตระกูลไป๋หลี่ และยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติจากหน่วยนภา รวมทั้งหมดสิบสามคน ต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนที่อยู่บนท้องฟ้า..
  พรึบ..พรึบ.. พรึบ.. พรึบ.. พรึบ..
  เสียงกระพือปีกของเหล่าแวมไพร์ที่ค่อยๆร่อนลงพื้นอย่างช้าๆ ต่อหน้าคนตระกูลเฉิน และตระกูลซัน..
  “แวมไพร์งั้นรึ!”
  ทุกคนต่างก็มองแวมไพร์ทั้งห้าด้วยความตกตะลึงแม้แต่เฉินจิ้งเฉวียนก็เอาแต่นิ่งเงียบ..
  ทันทีที่เท้าของหลิงหยุนสัมผัสกับพื้นดินเขาก็ไม่พูดพล่ามไร้สาระอีก แต่พุ่งไปยืนข้างพอลที่หิ้วคนตระกูลเฉินทั้งสามมาด้วย..
  หลิงหยุนเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาพร้อมใช้มือข้างหนึ่งจิกหัวไห่ซานไว้ และมือที่ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ฟันลงไปที่ลำคอของไห่ซานทันที
  “ไปลงนรกได้แล้ว!”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับโยนศรีษะของไห่ซานไปที่กองตรงหน้าเฉินจิ้งเฉวียนแล้วร้องตะโกนขึ้นว่า
  “เฉินจิ้งเฉวียน..เจ้าเห็นชัดแล้วใช่หรือไม่ ตระกูลหลิงไม่ได้เป็นฝ่ายลงมือกับตระกูลเฉินก่อน แต่เป็นคนของตระกูลเฉินที่ต้องการสังหารข้าก่อนต่างหากเล่า!”
  น้ำเสียงของหลิงหยุนนั้นเยือกเย็นและอำมหิต!
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปหาเฉินเซินเขาใช้มือข้าหนึ่งจิกผมของเฉินเซินไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “คนของตระกูลเฉินผู้นี้..ข้าขอมอบคืนให้กับเจ้า!”
  หลิงหยุนฟันคอเฉินเซินขาดและโยนศรีษะขึ้นฟ้าไป!   และคนสุดท้ายก็คือเฉินเจี้ยนกุ่ย..
  “เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าไปลงนรกได้แล้ว!”
  ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้ฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ลงบนลำคอของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างรวดเร็ว..
  สามดาบ..สามชีวิต!
  และเวลานี้..รังสีสังหารของหลิงหยุนก็พวยพุ่งจนถึงขีดสุดแล้ว!