“นี่มัน..”
  “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
  ภาพที่หลิงหยุนคว้าคฑาของหลวงจีนหลู่หมิงฉู่มาได้และซัดฝ่ามือใส่ร่างของเขาจนกระเด็นออกไปนั้น ทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งทางฝั่งของตระกูลซัน และตระกูลเฉินถึงกับงุนงง และตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก แม้จะประจักษ์แก่สายตาตนเองตั้งแต่แรกแล้วว่า การประลองยกนี้หลิงหยุนต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน!
  นั่นเพราะหลู่หมิงฉู่เป็นฝ่ายจู่โจมหลิงหยุนตลอดการประลองแต่หลิงหยุนกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนก หรือตกอกตกใจเลยแม้แต่น้อย..
  ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่หลิงหยุนจะลงมือจู่โจมหลู่หมิงฉู่อย่างหนักหน่วงบ้างแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงคราวลงมือกับหลู่หมิงฉู่ หลิงหยุนกลับเลือกที่จะไม่สังหารหลู่หมิงฉู่ และเพียงแค่ซัดร่างของหลวงจีนลอยละลิ่วออกไปเท่านั้น!
  การที่หลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดคิดไว้อยู่แล้วเพียงแต่ไม่คิดว่าหลิงหยุนจะสามารถเอาชนะได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!
  ทำให้หลายคนต่างก็คิดไปว่าหรือหลู่หมิงฉู่ตั้งใจที่จะออมมือให้กับหลิงหยุนกันแน่
  นั่นเพราะการต่อสู้ในครั้งนี้เสมือนว่าเด็กน้อยสี่ห้าขวบกำลังควงกระบองใส่ชายชราหลังจากนั้นชายชราก็คว้ากระบองเด็กน้อยไว้ได้ และจับเด็กน้อยเหวี่ยงออกไปอย่างง่ายดาย..
  แต่ปัญหาคือหลู่หมิงฉู่ไม่ใช่เด็กน้อยสี่ห้าขวบเขาเป็นถึงศิษย์ของวัดเส้าหลิน และอยู่ในระดับหนึ่งของขั้นพลังเหนือธรรมชาติ หนำซ้ำยังเป็นคนของหน่วยนภาอีกด้วย!
  “นี่..พ่ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้เลยรึ!”
  และผู้ที่ตกใจที่สุดดูเหมือนจะเป็นผู้นำตระกูลซัน– ซันเจิ้นหวู่ ที่เวลานี้กำลังตกใจจนแทบช็อคหลังจากที่เห็นหลู่หมิงฉู่พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนเช่นนั้น!
  “หึ..”
  เฉินจิ้งเฉวียนคำรามออกมาใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธพร้อมกับกัดฟันกรอด!
  ซันเจิ้นหวู่นั้นอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าเฉินจิ้งเฉวียนมากนักจึงไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ดีเท่ากับเฉินจิ้งเฉวียน เขาเห็นมาโดยตลอดว่าหลู่หมิงฉู่นั้นไม่ได้ออมมือให้กับหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ตรงข้าม.. หลู่หมิงฉู่นั้นจู่โจมหลิงหยุนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่ดูเหมือนหลิงหยุนจะใช้กำลังเพียงแค่สิบส่วน..
  แต่ถึงกระนั้นหลู่หมิงฉู่ก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของหลิงหยุนหนำซ้ำหลิงหยุนยังสามารถแย่งคฑาในมือของหลู่หมิงฉู่มาได้อย่างง่ายดาย และซัดฝ่ามือใส่หน้าอกจนร่างของหลู่หมิงฉู่ลอยละลิ่วออกไปเช่นนั้น!   นี่ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า..หลิงหยุนนั้นเหนือกว่า และแข็งแกร่งกว่าหลู่หมิงฉู่มากนัก!
  และดูเหมือนหลิงหยุนเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะสังหารหลู่หมิงฉู่ไม่เช่นนั้นหลู่หมิงฉู่ก็คงยากที่จะมีชีวิตรอดได้!
  หลังจากที่หลู่หมิงฉู่ถูกฝ่ามือของหลิงหยุนซัดเข้าที่หน้าอกจนลอยละลิ่วออกไปไกลแล้วนั้นร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงพื้น แต่ก็สามารถยืนทรงตัวไว้ได้ และถอยกรูดออกไปไกล หลังจากเดินลมปราณภายในแล้ว หลู่หมิงฉู่จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง และยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี..
  “อามิตตาพุทธ!ขอบคุณประสกที่เมตตา!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับโยนคฑาในมือกลับคืนให้หลู่หมิงฉู่และพูดขึ้นว่า “ไต้ซือ.. ข้าขอคืนคฑาให้กับท่าน!”
  “เวลานี้บุญคุณที่ตระกูลซันมีต่อท่านท่านเองก็ได้ตอบแทนกลับคืนแล้ว จากนี้ไปขอให้ไต้ซือรีบออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุดเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ไต้ซือควรจะอยู่นานนัก..”
  หลู่หมิงฉู่รับคฑาของตนเองกลับคืนมาและเดินไปหาซันเจิ้นหวู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ซันเจิ้นหวู่.. อาตมาฝีมือต่ำต้อยไม่อาจช่วยท่านได้ในคืนนี้!”
  “เอ่อ..”
  ซันเจิ้นหวู่ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก.. ในสายตาของซันเจิ้นหวู่นั้น เขารู้สึกว่าหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่นัก แต่หากจะกลับไปตอนนี้เขาเองก็ไม่มีอำนาจที่จะบีบบังคับให้หลู่หมิงฉู่ต้องต่อสู้จนตัวตายเพื่อตระกูลซันได้..
  “ไต้ซือ..แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา นี่เพิ่งจะประลองกันยกแรก ยังมีอีกสี่ยก.. คืนนี้เป็นการประลองที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไต้ซืออยู่รอประลองหมู่กับพวกเราก่อนจะไม่ดีรึ”
  เฉินจิ้งเฉวียนเห็นหลู่หมิงฉู่จะจากไปง่ายๆเช่นนี้จึงรีบร้องบอกด้วยความกระวนกระวายใจ..   “หน้าไม่อาย..”
  หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของเฉินจิ้งเฉวียนจึงร้องตะโกนออกมาอย่างเย้ยหยัน!
  “ไต้ซือหลู่หมิงฉู่เป็นคนที่ตระกูลซันเชิญมาและไต้ซือก็ได้ตอบแทนบุญคุณตระกูลซันไปแล้ว จะไปหรือจะอยู่.. ตระกูลเฉินของเจ้าเกี่ยวข้องอะไรด้วยเล่า”
  “เฉินจิ้งเฉวียน..เจ้าเองต่างหากที่ไม่กล้าออกมาประลองกับข้า แต่กลับต้องการให้ไต้ซือหลู่หมิงฉู่อยู่ร่วมประลองหมู่เช่นนี้ ไม่เท่ากับบีบให้ผู้อื่นมาตายแทนเจ้าหรอกรึ”
  วาจาของหลิงหยุนนั้นคมคายยิ่งกว่าปลายมีดและสามารถขุดเอาความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเฉินจิ้งเฉวียนออกมาตีแผ่ต่อหน้าผู้คนได้เช่นนี้ ทำให้เฉินจิ้งเฉวียนถึงกับโกรธมาก เขาจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
  “หลิงหยุน..การประลองมีถึงห้ายก เจ้าโชคดีชนะไปเพียงแค่หนึ่งยกเท่านั้น อย่าได้ผยองไปนัก!   “ในการประลองยกที่สองนี้..เจ้าเอาชนะท่านผู้เฒ่าให้ได้ก็แล้วกัน!”
  ระหว่างที่พูดนั้นเฉินจิ้งเฉวียนก็หันไปมองเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลไป๋หลี่เพราะตามที่ตกลงกันไว้นั้น ยกที่สองจะเป็นหน้าที่ของตระกูลไป๋หลี่..
  ‘ถึงคราวของพวกเราแล้ว..’
  ไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่วหันไปมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างมั่นอกมั่นใจ
  ไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่วนั้นเป็นคู่แฝดจึงสามารถเข้าใจกันได้โดยแทบไม่ต้องสื่อสาร ผู้เฒ่าทั้งสองหันหน้าไปทางชายวัยกลางคนทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังพร้อมกัน และพูดขึ้นว่า..
  “การประลองครั้งนี้พวกเจ้าสี่คนต้องเข้าร่วมด้วยเพราะพวกเราจะใช้ค่ายกลลิ่วเหอจัดการกับเด็กหนุ่มนั่น!”
  ชายวัยกลางคนทั้งสี่แห่งตระกูลไป๋หลี่ก็คือไป๋หลี่กุ่ย ไป๋หลี่ชวี่ ไป๋หลี่ไล๋ และไป๋หลี่ชีทั้งสี่คนล้วนแล้วแต่เป็นลูกชายฝาแฝดของไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่ว ทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8
  ดูเหมือนยีนส์ของตระกูลไป๋หลี่นั้นจะเป็นยีนส์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวเพราะลูกหลานที่เกิดมาล้วนแล้วแต่เป็นแฝดแทบทั้งสิ้น และสายสัมพันธ์ของคู่แฝดนั้นทำให้พวกเขาสามารถเข้าใจความคิดซึ่งกันและกันได้โดยไม่ต้องสื่อสาร การประลองหมู่จึงนับว่าเป็นไพ่ในมือของตระกูลไป๋หลี่เลยทีเดียว!
  ทั้งไป๋หลี่เทียนจั่วและไป๋หลี่เทียนโย่วนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับหนึ่งขั้นพลังเหนือธรรมชาติทั้งคู่ แต่หากทั้งสองคนร่วมมือกัน ก็ย่อมสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย!
  เดิมทีผู้เฒ่าทั้งสองต่างก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ไม่ยากแต่หลังจากที่เห็นการประลองในรอบแรกแล้ว ความมั่นใจที่เคยมีก็เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะหลิงหยุนแข็งแกร่ง และเก่งกาจมากเหลือเกิน พวกเขาเกรงว่าหากต้องพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนในการประลองยกที่สองนี้ ตระกูลไป๋หลี่คงจะได้รับความอับอายขายหน้าอย่างมาก..
  ตระกูลไป๋หลี่นั้นตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่บนเกาะในแถบทะเลจีนตะวันออกมานานหลายปีและมีจุดมุ่งหมายที่ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในผืนแผ่นดิน และการที่พวกเขามาช่วยตระกูลซันในครั้งนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือต้องการมองหาลู่ทางในการเริ่มต้นที่ดี เพื่อจะได้ย้ายกลับเข้ามาอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ด้วยฐานะที่เป็นปึกแผ่น..
  “ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ท่านลุง.. พวกท่านต้องระวังให้มาก หมอนั่นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
  ไป๋หลี่เล่ยเห็นฝีมือของหลิงหยุนในยกแรกแล้วก็ได้แต่นึกหวั่น และอดที่จะร้องเตือนทุกคนในตระกูลไม่ได้..
  ก่อนหน้านี้ไป๋หลี่เล่ยไม่เห็นหลิงหยุนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไปแต่หลังจากการประลองในยกแรก จึงได้รู้ว่าตนเองนั้นโง่เขลานักถึงได้ประเมินหลิงหยุนผิดไปมาก!
  แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น..เพียงแค่วิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนนั้น ตัวเขาเองก็ไม่อาจเทียบหลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย!
  “พวกเจ้าสามคนพี่น้องไม่ต้องกังวลใจไป!”
  ไป๋หลี่กุ่ยหันไปบอกกับไป๋หลี่เล่ยและคนอื่นๆก่อนจะเดินตามไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่วเข้าไปในสนามประลอง..
  “เจ้าคือหลิงหยุนสินะ!”
  “เมื่อครู่ที่ได้เห็นการประลองของเจ้าข้าต้องยอมรับว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก! หากมีข้าเพียงคนเดียว คงยากนักที่จะเอาชนะเจ้าได้!”
  “ข้าตระกูลไป๋หลี่แห่งพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกพวกเรารับปากกับผู้นำตระกูลซันว่า จะต้องเอาชนะการประลองในยกนี้ให้ได้!”
  “อภัยให้พวกเราด้วย!”
  ไป๋หลี่เทียนจั่วถือกระบี่ในมือซ้ายและจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตามุ่งมั่น พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย..
  ความจริงแล้วเวลานี้..ไป๋หลี่เทียนจั่วค่อนข้างกระวนกระวายใจเล็กน้อย แม้พวกเขาจะมีถึงหกคน แต่ฝ่ายหลิงหยุนก็ยังมีแวมไพร์ที่ทรงพลังถึงห้าตนเช่นกัน!
  หากประลองกันหนึ่งต่อหก..ตระกูลไป๋หลี่มั่นใจว่าย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน แต่หากประลองหกต่อหก พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะได้เช่นกัน!
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าพร้อมเสมอ.. พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย!”
  หากหลิงหยุนไม่ได้อยู่ในขั้นซานฉางชี่(ขั้นพลังชี่-3) เขาก็คงต้องให้เหล่าแวมไพร์ร่วมประลองหมู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่ด้วยขั้นกำลังภายในของตนเองเวลานี้ หลิงหยุนเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ไม่ยาก!
  เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนไป๋หลี่เทียนจั่วก็ถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เหล่าสมาชิกทั้งห้าของตระกูลไป๋หลี่เริ่มการประลอง ทันทีที่ไป๋หลี่เทียนจั่วส่งสัญญาณบอก เหล่ายอดฝีมือตระกูลไป๋หลี่ก็กระโดดเข้าไปล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ทันที!
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูแล้วก็ได้แต่นึกหยันอยู่ในใจเมื่อเห็นตระกูลไป๋หลี่ทั้งหกคนถือกระบี่กระโดดเข้ามา และแยกออกเป็นกลุ่มละสองคน ตั้งเป็นค่ายกลสามค่าย..
  “ลงมือได้!”
  ไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่วต่างก็ถือกระบี่และพุ่งเข้าจู่โจมหลิงหยุนทางด้านหน้าในทันที ส่วนยอดฝีมือตระกูลไป๋หลี่อีกสี่คนก็จู่โจมเข้าทางด้านซ้ายและขวาพร้อมกัน..
  กระบี่ทั้งหกต่างก็ล้อมร่างหลิงหยุนไว้แน่นราวกับตาข่ายและจู่โจมหลิงหยุนด้วยความรุนแรง โดยหมายมั่นที่จะเอาชีวิตของเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด สายตาทั้งสิบสองคู่ล้วนจ้องมองหลิงหยุนด้วยความเย็นชา!
  “พวกเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ!”   และกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนในเวลาเดียวกันก็โคจรดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายไว้ และใช้วิชาเงาลวงตาแยกร่างออกเป็นหกร่าง!
  เวลานี้..ในสนามประลองมีหลิงหยุนถึงหกคน!
  ในนาทีที่กระบี่ทั้งหกปิดล้อมร่างของหลิงหยุนไว้เช่นนั้นหลิงหยุนได้ใช้เพลงกระบี่นวสังหารฟาดฟันเข้าใส่กระบี่ทั้งหกทันที
  เคร้ง..เคร้ง.. เคร้ง.. เคร้ง..
  กระบี่ทั้งสี่เล่มของพี่น้องตระกูลไป๋หลี่ที่ใช้ปิดล้อมหลิงหยุนนั้นถูกหลิงหยุนฟันขาดพร้อมๆกัน เพราะพลังปราณของทั้งสี่คนนั้นนับว่ายังห่างไกลหลิงหยุนนัก และยังถูกพลังปราณจากปลายกระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าใส่ที่หน้าอกด้วย!
  และพลังปราณของทั้งสี่คนนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันพลังปราณที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนได้ เลือดของทั้งสี่คนจึงพุ่งออกจากหน้าอกทันที!   ส่วนไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโย่วที่ล่าถอยออกมานั้นก็ถูกแรงกระบี่ที่รุนแรงของหลิงหยุนเข้าไป จนถึงกับได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อยเช่นกัน!
  เพียงแค่เริ่มต้นของการประลองในยกที่สองหลิงหยุนก็สามารถจัดการกับยอดฝีมือทั้งหกจากตระกูลไป๋หลี่ได้ภายในดาบเดียว!
  “ห๊ะ..”
  ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลเฉินหรือว่าตระกูลซัน..เวลานี้ทุกคนต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยอาการขนหัวลุก และเริ่มหวาดผวาในความแข็งแกร่งของเขา!
  คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนใช้กระบี่จู่โจมพร้อมกับถึงหกเล่มและกระบี่ทั้งหกเล่มนั้นก็รวดเร็วอย่างน่ากลัว แต่หลิงหยุนซึ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมกระบี่ทั้งหกของยอดฝีมือตระกูลไป๋หลี่ แต่กลับสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย!
  นั่นแสดงให้เห็นว่าหลิงหยุนต้องมีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศและน่ากลัวมากเพียงใด  ไม่เพียงเท่านั้น..ต่อให้หลิงหยุนจะมีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศมากเพียงใด แต่ผู้เฒ่าไป๋หลี่ทั้งสองคนนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับหนึ่งขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ส่วนอีกสี่คนก็อยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8!
  แต่ทั้งหมดกลับไม่สามารถต้านทานพลังปราณของหลิงหยุนได้และสี่ในหกได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส ส่วนผู้เฒ่าทั้งสองได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อย!
  ……
  “เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งมากทีเดียว!ดูเหมือนว่าพลังปราณของมันคงจะอยู่ในระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน!”
  หลังจากที่ได้เห็นเพลงดาบที่ดุดันของหลิงหยุนแล้วแม้แต่นินจาขั้นเงาระดับสามอย่างโทคุงาวะ ฮิโรชิ ยังไม่สามารถสงบจิตสงบใจได้อีก สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด และกระซิบกับเหล่านินจาด้วยกันทันที..
  โทคุงาวะฮิโรชินั้นเป็นนินจาขั้นเงาระดับสาม พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบเท่ากับยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามเลยทีเดียว และนับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใสบรรดายอดฝีมือฝ่ายตระกูลซันและตระกูลเฉินทั้งหมด..
  แม้ไป๋หลี่เทียนจั่วกับไป๋หลี่เทียนโยว่จะอยู่ในระดับหนึ่งขั้นพลังเหนือธรรมชาติแต่หากร่วมมือกันก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถจู่โจมพวกเขาได้ภายในดาบเดียวเช่นนี้!
  และนี่ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าอย่างน้อยที่สุดหลิงหยุนก็ต้องอยู่ในระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
  แต่ถึงอย่างนั้น..โทคุงาวะ ฮิโรชิ กลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ตรงข้าม.. สีหน้าและแววตาของเขากลับเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น!   หลิงหยุนเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีแต่กลับมีความสามารถล้ำเลิศเช่นนี้ ผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นหลิงหยุนนั้น โทคุงาวะ ฮิโรชิเองก็ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน!
  ในเวลาเดียวกันนั้น..สีหน้าของเฉินจิ้งเฉวียนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม!
  เขาจงใจจัดให้มีการประลองห้ายกแทนสามยกก็เพื่อที่จะกดดันให้หลิงหยุนเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง และไพ่ในมือของตนเองออกมา แต่ไม่เพียงไม่ได้พบเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ หนำซ้ำหลิงหยุนยังใช้พลังปราณไปเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น!
  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยอดฝีมือตระกูลซันและตระกูลเฉินรับรู้ได้ก็คือ..หลิงหยุนไม่หวั่นเกรงต่อจำนวนคนที่เข้าประลอง!
  นั่นเพราะหลิงหยุนมีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศสามารถใช้หลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย และความเร็วในการเคลื่อนที่แต่ละครั้งนั้น ทำให้หลิงหยุนสามารถโผล่ไปตรงหน้าใครเมื่อใดก็ได้ เช่นนี้แล้วจะประลองหมู่ หรือประลองเดี่ยวก็คงไม่แตกต่างกัน!
  ระหว่างนั้น..เหล่ายอดฝีมือของตระกูลซันกับตระกูลเฉิน ต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง และได้แต่สื่อสารกันผ่านกระแสจิต!
  –หลิงหยุนต้องไม่ต่ำกว่าระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติ!-
  –ข้าว่าคงยากที่ผู้ใดจะเอาชนะเขาได้!-
  –กระบี่ในมือของเขาคือกระบี่โลหิตแดนใต้!-
  –พลังปราณของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก!-
  –แม้แต่ผู้เฒ่าตระกูลไป๋หลี่ยังรับมือหลิงหยุนไม่ได้แล้วพวกเราจะรับมือเขาได้อย่างไรกัน-