ภายในสนามประลอง..
“ถอย!”
หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ..ไป๋หลี่เทียนจั่วก็ได้สั่งให้ทายาททั้งสี่ของตนถอยกลับทันที และไม่ให้ประลองต่ออีก!
และแทบไม่ต้องให้ไป๋หลี่เทียนจั่วย้ำอีกครั้งทันทีที่ได้ยินคำสั่ง พี่น้องตระกูลไป๋หลี่ทั้งสี่คนก็รีบถอยกลับออกไปทันที และที่หน้าอกของทั้งสี่คนก็มีรอยบาดแผลยาวกว่าหนึ่งฟุตอยู่ที่หน้าอก มือทั้งสองข้างสั่นเทา และลมปราณภายในร่างกายปั่นป่วนอย่างที่ไม่อาจควบคุมไว้ได้!
อีกทั้งกระบี่ในมือของทั้งสี่คนก็ถูกหลิงหยุนฟันจนขาดแล้ว จึงไม่มีอาวุธที่จะใช้ประลองกับเขาต่อไปได้อีก!
พี่น้องทั้งสี่จากตระกูลไป๋หลี่อดทนต่อบาดแผลที่เจ็บปวดและล่าถอยออกจากสนามประลองทันที เพื่อหลีกหนีการจู่โจมของหลิงหยุน และรีบกระโดดไปยืนอยู่ด้านหลังของไป๋หลี่เทียนจั่ว และไป๋หลี่เทียนโยว่ทันที!
จากนั้นทั้งสี่คนก็ก้มหน้าลงสำรวจบาดแผลลึกที่หน้าอกของตนเองและพบว่าบาดแผลที่หน้าอกไม่เพียงลึกมาก แต่พวกเขายังได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัสอีกด้วย!
เฉินจิ้งเฉวียนต้องการใช้กลวิธีนี้บีบให้หลิงหยุนใช้พลังปราณในร่างกายไปให้มากที่สุดในระหว่างสองยกแรกแต่มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมให้เฉินจิ้งเฉวียนได้สมปรารถนา หลิงหยุนใช้วิธีหลบหลีก และพยายามที่จะไม่จู่โจม แต่เมื่อตัดสินใจที่จะจู่โจมแล้ว ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถประลองได้อีกเช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้..กระบี่ทั้งหกที่หลิงหยุนฟาดฟันใส่คู่ต่อสู้นั้น เขาจึงได้ถ่ายเทพลังปราณที่รุนแรงลงไปด้วย และทันทีที่พลังปราณจากปลายกระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือทั้งหกเส้นลมปราณภายในร่างกายของพวกเขาจึงเสียหายทันที!
แต่ไป๋หลี่เทียนจั่วและไป๋หลี่เทียนโย่วนั้นสามารถเดินลมปราณภายในปกป้องร่างกายไว้ได้ทันแต่ลูกชายของพวกเขาทั้งสี่คนนั้น ไม่แข็งแกร่งเท่าหลิงหยุน จึงไม่สามารถต้านทานพลังปราณที่รุนแรงของเขาได้!
“วันนี้..ข้า – หลิงหยุนจะถือว่าพวกเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ และจะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่หากพวกเจ้ายังกล้าลงมือกับข้าอีก ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าใจคอโหดเหี้ยม!”
หลิงหยุนแยกแยะออกได้ระหว่างศัตรูที่แท้จริงกับคู่ต่อสู้ในสนามประลอง เหมือนอย่างหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ที่ต้องมาประลองแทนตระกูลซันเพราะบุญคุณที่คั่งค้างกันมา หลิงหยุนตั้งใจที่จะปราณีตระกูลไป๋หลี่เช่นเดียวกับที่ปราณีหลี่หมิงฉู่
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า..ตระกูลไป๋หลี่จะนำยอดฝีมือมาจัดการกับตนถึงหกคน อีกทั้งยังหมายสังหารหลิงหยุนให้ได้ในทันที เขาจึงตอบโต้กลับไปอย่างดุดันเช่นกัน แต่นั่นก็นับว่าปราณีมากแล้วสำหรับหลิงหยุน!
ไม่เช่นนั้นแล้ว..ภายใต้หนึ่งดาบของหลิงหยุนเมื่อครู่ สี่พี่น้องตระกูลไป๋หลี่คงต้องสิ้นใจตายไปแล้วอย่างแน่นอน!
“ท่านปู่!ท่านลุง!”
ไป๋หลี่เล่ยเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดเข้าไปช่วยและจัดการทายาเพื่อรักษาบาดแผลให้กับพวกเขาทันที!
ไป๋หลี่เทียนจั่วและไป๋หลี่เทียนโย่วเองก็ไม่สนใจที่จะประลองกับหลิงหยุนอีกและรีบเข้าไปห้ามเลือดให้กับลูกชายทั้งสี่ของตนด้วย..
หลังจากนั้น..ไป๋หลี่เทียนจั่วก็ยืนจ้องหน้าหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่หม่นหมองอยู่นาน ในที่สุดจึงตัดสินใจพูดออกไปอย่างยากลำบาก
“การประลองในยกนี้..ตระกูลไป๋หลี่ขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
เรียกได้ว่าไป๋หลี่เทียนจั่วต้องกัดฟันเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาเลยทีเดียว!
แต่ถึงแม้เขาจะไม่อยากประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ออกไปก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะในสภาพเช่นนี้หากยังฝืนสู้กับหลิงหยุนต่อไป ก็เท่ากันรนหาที่ตาย!
และเมื่อได้ยินไป๋หลี่เทียนจั่วประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ออกไปเช่นนั้นซันเจิ้นหวู่ก็ถึงกับหน้าซีดขาวขึ้นมาทันที!
เพราะการประลองทั้งสองยกนั้น..ตระกูลซันก็ได้พ่ายแพ้ให้หลิงหยุนอย่างหมดท่า!
การประลองในครั้งนี้จะต้องชนะสามในห้ายกแต่หลิงหยุนชนะไปแล้วถึงสองยก เขาเพียงแค่ต้องเอาชนะให้ได้อีกหนึ่งยกเท่านั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะ ในขณะที่พันธมิตรตระกูลซันกับตระกูลเฉิน จะต้องเอาชนะหลิงหยุนให้ได้ถึงสามยกนับจากนี้..
หลังจากที่ตระกูลไป๋หลี่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้วทั้งหมดก็เดินออกจากลานประลองในทันที! “ท่านซัน..”
ไป๋เทียนจั่วเดินเข้าไปหาซันเจิ้นหวู่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“หนี้บุญคุณที่ตระกูลซันมีต่อไป๋หลี่เทียนหยวน วันนี้พวกเราตระกูลไป๋หลี่ได้ชดใช้ให้แล้ว เวลานี้ลูกชายของพวกข้าทั้งสี่คนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส บุญคุณระหว่างเราจึงนับว่าสิ้นสุดเพียงเท่านี้!”
“พวกเราตระกูลไป๋หลี่คงไม่อาจช่วยตระกูลซันของท่านได้อีกต่อไป..พวกเราขอตัวก่อน!”
จากนั้นไป๋หลี่เทียนจั่วก็หันไปสั่งไป๋หลี่เล่ยและคนอื่นๆ“ทุกคน.. กลับกันได้แล้ว!”
“พวกเจ้าสองคนดูแลท่านพ่อของเจ้าให้ดีด้วย!”
“เอ่อ..ท่านผู้เฒ่าไป๋..” เฉินจิ้งเฉวียนกระอึกกระอัก
ไป๋หลี่เทียนจั่วจึงหันไปพูดกับเฉินจิ้งเฉวียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พวกเราตอบแทนตระกูลซันไปแล้ว เวลานี้พวกเราได้พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนแล้ว พวกเรายังจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรเล่า”
และคำตอบของไป๋หลี่เทียนจั่วก็ทำให้เฉินจิ้งเฉวียนถึงกับพูดไม่ออก..
“แต่..”
ไป๋หลี่เทียนโย่วที่เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายฝาแฝดดีจึงหันไปตอบเฉินจิ้งเฉวียนด้วยน้ำเสียงเย็นชาแทน
“ท่านเฉิน..ตระกูลไป๋หลี่เป็นหนี้บุญคุณตระกูลซัน แต่ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณตระกูลเฉินไม่ใช่รึ”
ยอดฝีมือจากหน่วยนภาและแม้แต่นินจาทั้งห้า ต่างก็นิ่งเงียบ และไม่มีใครกล้าพูดแทรกขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว
ทั้งหน่วยนภาและนินจาญี่ปุ่นต่างก็รู้กันดีว่า เหล่ายอดฝีมือจากพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกนั้น อาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆมานมนาน และมีกฏเกณฑ์ของตนเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวยุทธภพบนผืนแผ่นดินใหญ่ …..
“หึ..ยอดฝีมือแห่งพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกมีฝีมือเพียงเท่านี้เองรึ!”
หลังจากที่ยอดฝีมือตระกูลไป๋หลี่จากไปแล้วเฉินจิ้งเฉวียนก็ร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ
หลิงหยุนได้ยินถึงกับเงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ฮ่า..ฮ่า.. เฉินจิ้งเฉวียน! นี่เจ้ายังคิดจะพึ่งคนอื่นอีกงั้นรึ ข้าชนะถึงสองยกแล้ว และใครจะเป็นผู้ประลองกับข้าในยกที่สาม”
ใบหน้าของเฉินจิ้งเฉวียนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยิ่งกว่าเมื่อครู่!
เวลานี้หลิงหยุนสามารถเอาชนะไปได้ถึงสองยกติดต่อกันแล้วและหากหลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะอีกในยกต่อไป ก็ไม่จำเป็นต้องประลองต่ออีกแล้ว เพราะพันธมิตรตระกูลซันและตระกูลเฉินนับว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว.. แต่หากหลิงหยุนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในยกต่อไปย่อมหมายความว่าตระกูลหลิงได้พ่ายแพ้ในทันทีเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าจะมีแวมไพร์ทั้งห้าตนอยู่ด้วย แต่ยอดฝีมือจากหน่วยนภาที่เหลือ ย่อมมีวิธีที่จะจัดการกับพวกมันทั้งห้าได้อย่างแน่นอน!
เพราะหากเพียงแค่แวมไพร์ทั้งห้าตนยังไม่สามารถจัดการได้ก็คงไม่จำเป็นต้องมีหน่วยนภาอีกต่อไป!
ด้วยเหตุนี้..ถึงแม้แวมไพร์ทั้งห้าของหลิงหยุนจะดูน่าหวาดกลัว แต่เฉินจิ้งเฉวียนก็ได้เห็นพวกมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เขากังวลใจกับหลิงหยุนมากกว่า!
ดูเหมือนหลิงหยุนจะไม่ยอมให้ตนเองต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเพราะนั่นย่อมหมายถึงความตาย และหายนะของตระกูลหลิง!
ในขณะที่พันธมิตรตระกูลซันและตระกูลเฉินเองก็ไม่อาจพ่ายแพ้ได้อีกแล้วเช่นเดียวกันเพราะนั่นย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ที่จะนำมาซึ่งความตาย และหายนะของทั้งสองตระกูลเช่นกัน!
เฉินจิ้งเฉวียนตั้งใจที่จะใช้การประลองสองยกแรกประเมินความแข็งแกร่งและไพ่ในมือของหลิงหยุน แต่กลับกลายเป็นว่า.. ไม่เพียงจะไม่สามารถประเมินอะไรได้ แต่หลิงหยุนยังสามารถเอาชนะไปได้ถึงสองยกติดต่อกัน ทำให้แผนการของเฉินจิ้งเฉวียนล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า!
จากการประลองสองยกที่ผ่านมาหลิงหยุนใช้เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ และหนึ่งดาบ จะสูญเสียพลังปราณไปมากเพียงใดอย่างนั้นหรือ
แต่อย่างน้อยในการประลองทั้งสองยกที่ผ่านมาก็ทำให้ตระกูลซันกับตระกูลเฉินมั่นใจว่า อย่างน้อยหลิงหยุนก็ต้องอยู่ในระดับสองของขั้นพลังเหนือธรรมชาติ และจำนวนคนไม่ได้มีผลกับการต่อสู้ของหลิงหยุน!
แต่เรื่องความแข็งแกร่งที่แท้จริงและไพ่ในมือของหลิงหยุนนั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลย!
ในการประลองยกที่สามนี้..ไม่เพียงเป็นการตัดสินผลแพ้หรือชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นการตัดสินระหว่างชีวิตและความตายอีกด้วย!
–คุณโทคุงาวะ..ข้าควรทำเช่นไรดี-
เฉินจิ้งเฉวียนไม่ปล่อยให้คำพูดของหลิงหยุนยั่วยุอารมณ์ของตนได้อีกเขาจึงส่งกระแสจิตปรึกษากับโทคุงาว ฮิโรชิ!
–คุณเฉิน..การประลองยกที่สามนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตระกูลโทคุงาวะ ข้ามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเด็กนั่นได้!-
–แม้เด็กนั่นจะไม่เผยไพ่ในมือออกมาเลยแต่ข้าก็มั่นใจว่ามันไม่สามารถสังหารยอดฝีมือตั้งแต่ระดับหนึ่งขั้นพลังเหนือธรรมชาติขึ้นไปได้แน่!-
–ในเมื่อเด็กนั่นไม่สามารถสังหารยอดฝีมือระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9ได้ ข้าย่อมมีวิธีจัดการกับมัน!-
โทคุงาวะฮิโรชิยิ้มออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ! เมื่อเฉินจิ้งเฉวียนเห็นโทคุงาวะฮิโรชิ กำลังเดินเข้าสนามประลองไป จึงรีบร้องตะโกนบอกทันที
“คุณโทคุงาวะ..พวกเราแพ้สองยกแล้ว ยกนี้จะแพ้อีกไม่ได้!”
เฉินจิ้งเฉวียนร้อนใจมากยิ่งนักเพราะจากการประลองสองยกที่ผ่านมานั้น หากคู่ต่อสู้ยอมรับความพ่ายแพ้ หลิงหยุนก็จะปล่อยไปทันที เฉินจิ้งเฉวียนจึงเกรงว่าโทคุงาวะ ฮิโรชิจะรีบยอมแพ้เพราะกลัวตาย ท้ายที่สุดคนที่เขาเชิญมาช่วยประลองนั้น ก็ไม่มีใครที่พร้อมจะยอมตาเพื่อตระกูลซันและตระกูลเฉินอย่างแท้จริง!
และนี่คือจุดอ่อนในการประลองครั้งนี้ของเฉินจิ้งเฉวียน!
เพราะตราบใดที่ยอดฝีมือเหล่านั้นรู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้พวกเขาก็จะรีบประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในทันที พวกเขานั้นเพียงแค่พ่ายแพ้ แต่สำหรับตระกูลซันกับตระกูลเฉิน มันหมายถึงหายนะอย่างใหญ่หลวง และจุดจบของสองตระกูลเลยทีเดียว!
และหากเป็นเช่นนั้น..ต่อให้เฉินจิ้งเฉวียนกับซันเจิ้นหวู่มีชีวิตอยู่ต่อไป ยังจะมีความหมายอะไรอีกเล่า
โทคุงาวะฮิโรชิรู้ดีว่าเฉินจิ้งเฉวียนนั้นกังวลใจยิ่งนัก เขาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“คุณเฉิน..ท่านรอดูข้าสังหารหลิงหยุนได้เลย!”
จากนั้น..โทคุงาวะ ฮิโรชิก็โบกมือเรียกนินจาขั้นเงาอีกสี่คนให้ตามตนเองเข้าไปในสนามประลองทันที!
…..
ทางด้านซันเจิ้นหวู่นั้นก็ได้สั่งการนักรบตระกูลซันผ่านทางกระแสจิตเพื่อเตรียมการบางอย่าง เพราะหลังจากที่ได้เห็นความสามารถของหลิงหยุนไปแล้วถึงสองยก ครั้งนี้ซันเจิ้นหวู่จึงไม่เชื่อว่าตระกูลเฉินจะสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ และนั่นย่อมหมายถึงว่าตระกูลซันกับตระกูลเฉินจะต้องจบสิ้นในคืนนี้!
และในฐานะผู้นำตระกูลซันเจิ้นหวู่จำเป็นต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้กับคนตระกูลซันทุกคน!
หลังจากที่นักรบตระกูลซันได้รับคำสั่งจากซันเจิ้นหวู่แล้วมันก็ค่อยล่าถอยออกไปจากสนามประลองอย่างเงียบๆ และหายเข้าไปภายในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว!
จากนั้น..จึงรีบตรงไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่ซ่อนไว้ออกมา เพื่อจะติดต่อหาซันเทียนหลัวซึ่งรออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซัน!
แต่แล้วนักรบตระกูลซันก็ต้องตกใจสุดขีด..เมื่อพบว่าจู่ๆ เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มีสัญญาณขึ้นมาดื้อๆ และไม่ว่ามันจะพยายามติดต่อหาผู้ใด ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลยแม้แต่คนเดียว!
“ก่อนหน้านี้ยังใช้การได้ดีอยู่เลยนี่นา..”
นักรบตระกูลซันถึงกับตกใจอย่างที่สุดแต่หลังจากที่ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ มันก็รีบออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ และกลับไปรายงานซันเจิ้นหวู่ทันที!
“ห๊ะ!อะไรนะ?!”
หลังจากที่ได้ฟังรายงานจากนักรบตระกูลซันซันเจิ้นหวู่ก็แทบอยากจะกรีดร้องออกมา ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม และใบหน้าซีดเผือด!
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณสนามประลองไว้แล้วการกระทำของตระกูลซันล้วนแล้วแต่อยู่ในการรับรู้ของหลิงหยุนทั้งสิ้น หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่นึกหยันอยู่ในใจ
‘ระหว่างการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าเล่นตุกติกกับข้าได้แน่!’
หลิงหยุนได้คาดการไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตระกูลซันกับตระกูลเฉินจะต้องทำการซ่อนเครื่องมือสื่อสารไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อใช้รายงานสถานการณ์ในสนามประลองให้กับคนที่อยู่ในเมืองรับรู้ และสั่งการต่างๆ
หลิงหยุนเองก็ได้เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกันแม้ว่าตระกูลเกาจะไม่ได้มาที่สนามประลองในครั้งนี้ด้วย แต่เกาจิ้นสงก็ได้ใช้อำนาจในโลกธุรกิจที่ตนมี สั่งตัดสัญญาณเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดภายในบริเวณเขาหยุนเหมิง และเขาหลงหู่!
และด้วยอำนาจอิทธิพลของตระกูลเกาเวลานี้การสั่งปิดสัญญาณเครื่องมือสื่อสารจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นับจากเวลาสองทุ่มสิบห้านาทีเป็นต้นไป เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในบริเวณรอบๆนี้ ก็จะไม่มีสัญญาณทั้งโทรออกไม่ได้ และโทรเข้าไม่ได้เช่นกัน!
ซันเจิ้นหวู่สงบสติอารมณ์ก่อนจะสั่งการนักรบตระกูลซันทั้งหกคนว่า..
–เร็วเข้า!พวกเจ้าทั้งหกคนแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปตามผู้เฒ่าตระกูลไป๋หลี่ให้รีบกลับไปช่วยคุ้มครองคนตระกูลซันที่บ้าน ส่วนกลุ่มที่สอง.. รีบไปแจ้งเทียนหลัวให้ดำเนินการตามแผนที่สองได้เลย!- และแผนที่สองของตระกูลซันก็คือ..แผนการที่ตระกูลซันเตรียมไว้รับมือหากพ่ายแพ้การประลองในครั้งนี้นั่นเอง!
“ขอรับ!”
จากนั้นนักรบตระกูลซันทั้งหกก็รีบออกจากสนามประลองไปทันทีเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นินจาทั้งห้าก็กระโดดเข้ามาในสนามประลองเช่นกัน..
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
หลิงหยุนที่ยืนสงบนิ่งอยู่กลางสนามประลองนั้นไม่สนใจเหล่านินจาทั้งห้าเลยแม้แต่น้อย เขาจัดการซัดตะปูในมือออกไปหกดอก เข้าใส่ศรีษะนักรบตระกูลซันทั้งหกได้อย่างแม่นยำ นักรบทั้งหกไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้อง และล้มลงกับพื้นแน่นิ่งไปในทันที!
หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ซันเจิ้นหวู่.. เจ้าอย่าได้เสียเวลาไปเลย นับจากนี้ไปจนกว่าการประลองจะสิ้นสุด จะไม่มีผู้ใดออกไปจากที่นี่ได้ทั้งนั้น!” พูดจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณ..เหล่าแวมไพร์ทั้งห้าจึงสยายปีกออก และบินขึ้นไปบนท้องฟ้าวนรอบบริเวณยอดเขาเพื่อสังเกตการณ์ ไม่ให้มีผู้ใดออกจากหุบเขาแห่งนี้ไปได้..
การประลองยกที่สามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วไม่มีทางที่หลิงหยุนจะปล่อยให้ใครหลุดรอดออกไปจากที่นี่ได้ก่อนการประลองจะเสร็จสิ้นแน่!
“หลิงหยุน..นี่เจ้า!”
ซันเจิ้นหวู่ยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนดวงตาของเขาแดงก่ำ และโกรธจนถึงขั้นกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว!
เฉินจิ้งเฉวียนสังเกตเห็นความผิดปกติจึงรีบร้องถามซันเจิ้นหวู่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน “เจิ้นหวู่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับเป็นฝ่ายตอบแทนซันเจิ้นหวู่“เฉินจิ้งเฉวียน.. เจ้าคิดจะสั่งการให้คนไปจัดการกับคนตระกูลหลิงที่อยู่ในเมืองนั้น ข้าขอบอกว่าเจ้าอย่าได้ฝันไป!” “อะไรนะ!”
เฉินจิ้งเฉวียนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดขีด!
ในขณะที่ซันเจิ้นหวู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“อาวุโสเฉิน.. เวลานี้พวกเราไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้แล้ว!”
หากหลิงหยุนประลองอยู่ที่นี่และสามารถสังหารซันเจิ้นหวู่กับเฉินจิ้งเฉวียนได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกันเมื่อคนของทั้งสองตระกูลที่อยู่ในเมืองกลับสามารถหลบหนีไปได้ง่ายๆเช่นนี้ ชัยชนะที่ได้รับจึงเท่ากับไร้ความหมาย!
เมื่อพบว่าหลิงหยุนได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเช่นนี้เฉินจิ้งเฉวียนก็ถึงกับใจสั่น!
หากเขาไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ก็ไม่สามารถสั่งการใดๆจากที่นี่ได้ เช่นนี้แล้วคนตระกูลเฉินที่อยู่ในเมืองจะมีชะตากรรมเช่นใด
เช่นนั้นแล้ว..ชะตากรรมของพวกเขาก็ต้องขึ้นอยู่กับการประลองที่นี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..จู่ๆ เฉินจิ้งเฉวียนก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “หลิงหยุน.. เจ้าเด็กชั่วช้า! คืนนี้ข้ากับเจ้าต้องตายกันไปข้าง!”
หลิงหยุนจ้องมองนินจาขั้นเงาทั้งห้าที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เฉินจิ้งเฉวียน..คืนนี้เจ้ากับข้า ผู้ใดจะได้ไปเกิดใหม่ก็คงต้องรอให้สิ้นสุดการประลองในยกที่สามนี้เสียก่อน! ”
��