โทคุงาวะฮิโรชิ เดินเข้ามากลางสนามประลองพร้อมดาบยาวกว่าสี่ฟุต ยิ่งเขาเดินเข้าใกล้หลิงหยุนมากเท่าไหร่ ร่างของเขาก็ค่อยๆ เลือนลาง และเห็นคล้ายเป็นเพียงแค่เงามากเท่านั้น!
โทคุงาวะฮิโรชิ ไม่มีท่าทีหวาดหวั่นต่อพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย และไม่แยแสกับกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนด้วย เขาเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ และไปหยุดยืนตรงหน้าหลิงหยุนห่างไปราวสามเมตร
นินจาขั้นเงาทั้งห้าจากตระกูลโทคุงาวะที่เดินตามหลังโทคุงาวะฮิโรชิมานั้น ค่อยๆ แยกตัวออกมาทางด้านข้าง และทั้งหมดก็ยืนล้อมหลิงหยุนไว้เป็นรูปครึ่งวงกลม
ทันทีที่หยุดนิ่งอยู่กับที่..ดวงตาคมกริบของโทคุงาวะ ฮิโรชิ ก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุน พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“เจ้าหนู..เจ้านับว่าเก่งกาจมากทีเดียว! เก่งทั้งวรยุทธ เก่งทั้งการประเมินคู่ต่อสู้ แต่อยู่ต่อหน้าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างนินจา ความเก่งของเจ้าก็ไร้ประโยชน์!”
“ฮ่า..ฮ่า.. งั้นรึ!”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังและพูดออกไปเพียงเท่านั้น..
ทันทีที่โทคุงาวะฮิโรชิ ปรากกฏตัวขึ้นกลางสนามประลองนั้น หลิงหยุนก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับตนเอง เขาสัมผัสได้ว่าโทคุงาวะ ฮิโรชินั้นแข็งแกร่งกว่าซือกงถู แต่ในเวลานี้ตัวเขาเองก็อยู่ในระดับกลางขั้นซานฉางชี่แล้ว แรงกดดันนี้จึงไม่ได้มีผลต่อจิตใจของตนเองมากนัก..
โทคุงวาวะฮิโรชิก้าวเท้าเข้ามาข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว พร้อมกับถามขึ้นว่า..
“เจ้าหนู..ข้าขอถามเจ้าว่าโทคุงาวะ มุโตะ โตโยโทมิ ยากิอุ อากามัตสุ ยามาดะ มิตซุยและนินจากอีกหลายสิบคน ล้วนถูกเจ้าสังหารตายทั้งหมดใช่หรือไม่”
พลังปราณของโทคุงาวะฮิโรชินั้นอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสาม ทันทีที่ปลดปล่อยพลังปราณในร่างออกมา เศษดินและหินที่อยู่รอบๆตัว ก็ปลิวขึ้นกลางอากาศ และหมุนวนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองทันที และค่อยๆ หมุนเร็วขึ้น แล้วก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ!
หลิงหยุนยังคงยืนสงบนิ่งและตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ที่เจ้าพูดมานั้นไม่ถูกต้องนัก.. เพราะคนที่ข้าสังหารยังมีโทคุงาวะ ทากาสุกะ โทคุงาวะ ทาเคตากุ และนินจาอีกมากกว่าร้อยคนบนเกาะเตียวหยู ล้วนแล้วแต่ตายด้วยน้ำมือของข้าทั้งสิ้น!”
“เป็นฝีมือของเจ้าทั้งหมดงั้นรึ!”
ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนเหล่านินจาทั้งสี่ก็ร้องถามขึ้นมาเกือบจะพร้อมกัน แต่โทคุงาวะ ฮิโรชิกลับไม่มีท่าทีเดือดดาลเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่หรี่ดวงตาเล็กคู่นั้นลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้ามันช่างกล้าดียิ่งนัก!แต่คืนนี้.. เจ้าจะได้จองหองเป็นคืนสุดท้าย เพราะข้าจะเป็นผู้มอบความตายให้กับเจ้าเอง!”
“แต่หากเจ้ามอบกระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนั้นและแหวนในนิ้วของเจ้าให้กับข้า ข้าก็จะพิจารณาให้เจ้าได้ตายอย่างไม่ทรมาน และมีสภาพศพที่ครบสมบูรณ์!”
หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าว่าเจ้าเลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว อยากจะฆ่าข้า ก็รีบๆลงมือเสียที!”
หลังจากที่เห็นโทคุงาวะฮิโรชิก้าวเท้าเข้ามาในสนามประลอง และพล่ามไร้สาระอยู่นาน หลิงหยุนก็เริ่มหมดความอดทน จึงร้องตะโกนสั่งให้อีกฝ่ายให้รีบลงมือ พร้อมกับเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้าใส่ร่างของโทคุงาวะ ฮิโรชิทันที
“หึ..ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น!”
โทคุงาวะฮิโรชิทำเสียงเย้ยหยันใส่หลิงหยุน พร้อมกับจ้องมองกระบี่ในมือหลิงหยุนด้วยสายตาที่ไม่หวาดหวั่น จากนั้นจึงยกมือขึ้นกำหมัด และชกเข้าใส่พลังปราณสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากกระบี่ทันที!
ปัง!
พลังปราณจากหมัดของโทคุงาวะฮิโรชิ และพลังปราณจากกระบี่ของหลิงหยุน ปะทะเข้ากันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ!
จากนั้นร่างของคนทั้งคู่ก็กระเด็นถอยออกไปคนละครึ่งก้าว..
หลิงหยุนได้แต่แอบตกใจในพลังปราณที่แข็งแกร่งของโทคุงาวะฮิโรชิอยู่เงียบๆ!
เมื่อครู่หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการทดสอบพลังปราณของอีกฝ่ายเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังใช้พลังปราณไปถึงเจ็ดสิบส่วน แต่โทคุงาวะ ฮิโรชิกลับสามารถใช้มือเปล่ารับได้อย่างสบายๆ
พลังปราณจากหมัดของโทคุงาวะฮิโรชินั้น สามารถรับพลังปราณจากปลายกระบี่ของหลิงหยุนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ทำให้หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่า ตนเองนั้นได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเข้าแล้ว!
‘เจ้าหนู..นี่เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
ทางด้านโทคุงาวะฮิโรชิเองก็เช่นกัน หลังจากที่ใช้พลังปราณไปถึงเจ็ดสิบส่วนในการรับกระบี่ของหลิงหยุน ตัวเขาเองก็ถึงกับมือชาไปจนถึงข้อมือ และแทบไม่สามารถกำหมัดได้อีก..
หลังจากที่ทั้งคู่ปะทะกันในครั้งแรกต่างฝ่ายต่างก็ยืนนิ่ง และไม่มีใครกล้าจู่โจมผลีผลามอีกเลย!
หลิงหยุนจ้องมองโทคุงวะฮิโรชิพร้อมกับร้องตะโกนออกไป “ลองรับกระบี่ข้าอีกสักครั้ง!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้ถ่ายเทพลังหยินจากจุดตันเถียนเข้าไปที่ตัวกระบี่จากนั้นจึงเงื้อมือขึ้น และฟันเข้าไปที่เอวของโทคุงาวะ ฮิโรชิทันที! ดาบในมือของหลิงหยุนที่ฟันลงไปนั้นทั้งทรงพลังและรวดเร็ว!
“ฮึบ..”
โทคุงาวะฮิโรชิเห็นเช่นนั้นจึงรีบสูดลมหายใจเข้าลึก และทำการเดินลมปราณไปที่แขนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงผลักพลังปราณขนาดเท่าลูกฟุตบอลออกไปด้านข้างทันที!
ครั้งนี้..โทคุงาวะ ฮิโรชิตระหนักถึงพลังปราณที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนแล้ว เขาจึงไม่กล้าที่จะใช้มือรับกระบี่อันทรงพลังของหลิงหยุนอีก จึงได้เดินลมปราณทั่วร่างกาย และใช้พลังปราณนั้นรับกระบี่ของหลิงหยุนแทน!
ปัง!
เสียงพลังปราณของโทคุงาวะฮิโรชิ ปะทะเข้ากับพลังปราณจากกระบี่ของหลิงหยุน จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง!
ปัง!
หลิงหยุนไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเขายกกระบี่ในมือขึ้นฟันไปที่แขนอีกข้างของโทคุงาวะ ฮิโรชิทันที แต่โทคุงาวะ ฮิโรชิก็สามารถยกฝ่ามือขึ้นป้องกันไว้ได้ทัน!
แต่ครั้งนี้โทคุงาวะฮิโรชิถึงกับถอยร่นไปด้านหลังถึงสามก้าว ในขณะที่หลิงหยุนถูกพลังปราณที่รุนแรงของโทคุงาวะ ฮิโรชิที่ซัดใส่กระบี่ในมือ จนถึงกับถอยร่นไปด้านหลังสองก้าวเช่นกัน!
ครั้งนี้ทั้งคู่ต่างก็ยังไม่มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงใดๆต่างฝ่ายต่างเพียงแค่ทดสอบความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แล้วก็แยกออกจากกันเท่านั้น!
“น่าสนใจดีนี่!”
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างกระเด็นถอยหลังออกไปแล้วหลิงหยุนเองก็ยังไม่จู่โจมโทคุงาวะ ฮิโรชิในทันที เขายืนจ้องมองโทคุงาวะ ฮิโรชิด้วยแววตาเป็นประกาย!
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ปะทะกันครั้งแรกโทคุงาวะ ฮิโรชิจะกล้ารับมือกระบี่ของตนอีก และนั่นเท่ากับเป็นการตบหน้าหลิงหยุนต่อหน้าผู้คน เพราะโทคุงาวะ ฮิโรชิก็ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลยแม้แต่น้อย!
การที่โทคุงาวะฮิโรชิสามารถรับมือหลิงหยุนได้โดยที่ไม่ได้รับอันตรายเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ที่หลิงหยุนเคยพบเจอมา ทำให้หลิงหยุนมั่นใจได้ว่าโทคุงาวะ ฮิโรชินั้น ต้องอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามเป็นอย่างน้อย!
หลังจากที่โทคุงาวะฮิโรชิยืนทรงกายได้มั่นคงแล้ว เขาก็ไม่ผลีผลามที่จะจู่โจมหลิงหยุนอีกครั้งเช่นกัน แต่กลับพูดขึ้นว่า
“พลังปราณของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งนักหนำซ้ำยังเป็นพลังปราณที่แปลกประหลาดด้วย!”
ความจริงแล้ว..เวลานี้ฝ่ามือทั้งสองข้างของโทคุงาวะ ฮิโรชิกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และกำลังเจ็บปวดอย่างมากจนแทบไม่สามารถยกมือขึ้นได้อีกในเวลานี้!
กระบี่ที่หลิงหยุนฟาดฟันลงไปนั้นมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าพันกิโลกรัม หากพลังปราณไม่แข็งแกร่งจริงก็คงยากที่จะต้านทานไว้ได้!
ไม่เพียงน้ำหนักที่รุนแรงของกระบี่เท่านั้นแต่ทันทีที่ฝ่ามือของโทคุงาวะ ฮิโรชิปะทะเข้ากับพลังปราณจากปลายกระบี่ของหลิงหยุนนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เกือบจะทำให้ฝ่ามือของตนกลายเป็นน้ำแข็งได้ทันที!
และนั่นคือพลังหยินที่เยือกเย็นของหลิงหยุน!
“เจ้าหนู..ข้าต้องยอมรับว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ! แต่น่าเสียดายที่คืนนี้จะเป็นวันตายของเจ้าแล้ว!”
หลังจากโทคุงาวะฮิโรชิพูดกับหลิงหยุนจบแล้ว เขาก็หันไปสั่งนินจาขั้นเงาทั้งสี่คนเป็นภาษาญี่ปุ่น..
“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้ดี!เด็กคนนี้แข็งแกร่งเท่าเทียมกับยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามเลยทีเดียว หนำซ้ำพลังปราณของมันก็แปลกประหลาดยิ่งนัก!” และนี่คือสิ่งที่โทคุงาวะฮิโรชิสรุปได้หลังจากการประมือกับหลิงหยุนเพียงแค่สองครั้ง จึงได้แต่ร้องเตือนเหล่านินจาขั้นเงาทั้งสี่คน..
นินจาขั้นเงาทั้งสี่คนนี้เป็นนินจาฝีมือเก่งกาจที่ตระกูลโทคุงาวะเป็นผู้ฝึกฝนมาด้วยตัวเอง และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนอย่างแน่นอน!
แม้หลิงหยุนจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นแต่จากแววตาของเหล่านินจานั้น หลิงหยุนรู้ดีว่าพวกมันไม่ยอมปล่อยเขาไว้แน่ และตัวเขาเองก็ไม่สามารถปล่อยให้นินจาทั้งห้านี้มีชีวิตรอดกลับออกไปได้เช่นกัน!
เพราะในวันข้างหน้าหลิงหยุนจะต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำฝาหม้อเสินหนงกลับมา และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนตระกูลโทคุงาวะอย่างแน่นอน หากปล่อยนินจาเหล่านี้รอดชีวิตกลับไปได้ ก็ย่อมไม่ต่างจากการปล่อยเสือเข้าป่าดีๆนั่นเอง..
“พวกเจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ไม่รีรอให้เสียเวลาอีกเขาใช้วิชาเงาลวงตาแยกออกเป็นสี่ร่าง แล้วพุ่งเข้าจู่โจมนินจาทั้งสี่ทันที!
หลิงหยุนทั้งสี่ร่างเงื้อกระบี่ในมือฟันเข้าใส่ร่างของนินจาขั้นเงาทั้งสี่คนพร้อมๆกัน
“ทุกคนหลบ!”
นินจาขั้นเงาทั้งสี่ใช้วิชานินจุทสึหายตัวไปภายใต้คมกระบี่ของหลิงหยุนได้ทันท่วงทีไม่เช่นนั้นพวกมันคงต้องกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว!
“ฮ่า..ฮ่า.. เจ้าหนู.. แม้ข้าจะรู้สึกประทับใจในความแข็งแกร่งของเจ้า แต่หากเจ้าคิดว่าจะสามารถสังหารนินจาขั้นเงาได้ง่ายๆนั้น ข้าขอบอกว่าเจ้าคิดผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว!”
โทคุงาวะฮิโรชิเห็นกระบี่ทั้งสี่ของหลิงหยุนฟันพลาดเป้าหมายเช่นนั้น ก็ได้แต่ยืนหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ..
จากนั้นโทคุงาวะฮิโรชิก็ได้ชักดาบซามูไรยาวกว่าสี่ฟุตที่เสียบอยู่ด้านหลังออกมา และร้องตะโกนออกไปว่า “มอบชีวิตของเจ้ามาซะ!”
ร่างผอมบางของโทคุงาวะฮิโรชิที่กำดาบซามูไรไว้สองมือนั้น กระโดดลอยขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับกับฟันดาบยาวเข้าใส่ศรีษะของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนนั้นได้เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองไว้แล้วเขาจึงไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองโทคุงาวะ ฮิโรชิด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถยกกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของตนขึ้นรับดาบยาวของโทคุงาวะ ฮิโรชิที่ฟันลงมาได้อย่างแม่นยำ!
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณอีกครั้ง!
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังปราณรุนแรงที่ส่งผ่านมาถึงแขนทั้งสองข้างของตนเองและขาทั้งสองข้างของหลิงหยุนก็ค่อยจมลึกลงไปในพื้นดินด้านล่าง!
ร่างของโทคุงาวะฮิโรชิยังคงลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น และมือทั้งสองข้างยังคงกดดาบซามูไรลงไปบนกระบี่ของหลิงหยุนที่ยกขึ้นมาป้องกัน
พรึบ..พรึบ.. พรึบ.. พรึบ..
แต่ในระหว่างนั้น..นินจาขั้นเงาทั้งสี่ที่เพิ่งใช้วิชานินจุทสึหายตัวไป ก็ได้โผล่ขึ้นมาตรงหน้า และด้านข้างของหลิงหยุนอีกครั้ง ดาบซามูไรยาวสี่เล่มได้พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนจากทุกทิศทางพร้อมกัน!
ดาบยาวทั้งสี่ที่พุ่งออกมานั้นไม่เพียงรวดเร็วดั่งสายฟ้า แต่ยังคมกริบยิ่งกว่าอาวุธใดๆ!
“ตายซะ!” novel-lucky
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้วิชาเงาลวงตาย้ายร่างตนเองขึ้นไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วทำให้ดาบของนินจาทั้งสามที่ฟันเข้าด้านข้างของตนนั้น ฟันเข้ากับความว่างเปล่า!
“เจ้าต่างหากที่ต้องไปลงนรก!”
หลิงหยุนหลบดาบยาวของนินจาทั้งสามได้แล้วเขาก็จัดการฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ลงไปบนร่างของนินจาอีกคนที่อยู่ด้านหน้าทันที!
โทคุงาวะทาเคฮิเดะเห็นกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่ร่างของตนเองอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ก็ได้แต่ตกใจ และไม่สามารถที่จะใช้วิชานินจุทสึหายตัวหลบได้ทัน!
“ระวัง!”
โทคุงาวะฮิโรชิเห็นเช่นนั้น จึงรีบเบี่ยงตัวหมุนกลางอากาศ และพุ่งดาบยาวกว่าสี่ฟุตในมือไปตรงหน้าของโทคุงาวะ ทาเคฮิเดะ ขวางกระบี่ของหลิงหยุนไว้ได้ทันท่วงที!
เวลานี้หลิงหยุนต้องรับมือกับศัตรูถึงห้าคนและทั้งสองฝ่ายต่างก็บุกเข้าเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด!
…..
พลังปราณจากยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายที่ปลดปล่อยออกมานั้นทำให้เศษหินและดินในบริเวณนั้นต่างก็ลอยขึ้นหมุนวนอยู่กลางอากาศ!
เสียงโลหะกระทบกันจากอาวุธของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและภายในเวลาเพียงแค่พริบตานั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกันไปกว่าร้อยดาบแล้ว!
เฉินจิ้งเฉวียนที่ยืนดูการประลองอยู่ด้านข้างนั้นเมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของนินจาขั้นเงาทั้งห้า หัวใจก็แทบตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม และถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก!
ทางด้านซันเจิ้นหวู่ที่ยืนมองดูอยู่นั้นเขาเห็นเพียงแค่เงาของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ และฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่า..ในการประลองยกที่สามนี้ หลิงหยุนคงไม่อาจเอาชนะได้อย่างง่ายดายเหมือนสองยกแรก ทำให้ซันเจิ้นหวู่รู้สึกเบาใจลงได้บ้าง และจ้องมองการต่อสู้อย่างไม่กระพริบตา พร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง
“ต้องชนะ!ข้ามั่นใจว่าต้องชนะ! สังหารเจ้าเด็กชั่วช้านั่นเลย!” ในขณะที่ยอดฝีมือจากหน่วยนภาทั้งสี่คนต่างก็ยืนดูการประลองด้วยสีหน้านิ่งเรียบและระหว่างนั้นก็แอบสื่อสารกันผ่านทางกระแสจิต
มือกระบี่จากสำนักคุนหลุนเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า–ดูเหมือนนินจาทั้งห้าจะเหนือกว่าเจ้าเด็กนั่น!-
เจ้าสำนักเขาหลงหู่เองก็พูดขึ้นว่า–เยี่ยมมาก! หากพวกเราประลองเดี่ยวกับเด็กนั่น ไม่มีทางที่พวกเราจะเอาชนะมันได้แน่!-
หลวงจีนจากสำนักเส้าหลินเองก็พูดขึ้นว่า–อามิตตาพุทธ.. คิดไม่ถึงว่าประสกน้อยผู้นี้ จะมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้! น่าเสียดายยิ่งนัก..-
แต่ตี๋ยั่วถังแห่งสำนักกระบี่เทียนซานกลับพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน–ไต้ซือก็กล่าวเกินไป! จะไปเสียดายทำไมกัน เด็กชั่วช้าเช่นนี้อยู่ต่อไปก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับยุทธภพ! หนำซ้ำช้าเร็วมันก็ต้องตายอยู่ดี..-
ตี๋ยั่วถังนั้นรู้ดีว่าหลิงหยุนมีความสัมพันธ์เช่นใดกับฉินจิวยื่อและที่เขามาที่นี่ก็ด้วยจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือ.. สังหารหลิงหยุน!
หลวงจีนวัดเส้าหลินจึงได้แต่นิ่งเงียบ..
ในขณะที่เจ้าสำนักเขาหลงหู่ก็พูดอย่างเห็นด้วย–ถูกต้อง! เด็กหนุ่มผู้นี้บังอาจสังหารศิษย์ของข้าตายไปมากมาย ความแค้นนี้ข้าต้องให้มันชดใช้แน่!-
จื่อยู่วมือกระบี่แห่งสำนักคุนหลุนกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดขึ้นว่า–ใช่แล้ว! เด็กนั่นก็ฆ่าศิษย์น้องของข้าตายไปถึงสองคน ส่วนอีกคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส สำนักกระบี่คุนหลุนจะไม่ปล่อยมันไว้เช่นกัน!-
ตี่ยั่วถังทำเสียงเย้ยหยันและพูดต่อว่า –หึ.. ต่อให้เจ้าเด็กนี่จะเก่งกาจมากเพียงใด ข้าว่ามันคงต้องจบชีวิตในการประลองยกที่สามนี้แน่!-