เขาไม่เคยกินสิ่งที่เธอทำ
ไม่เคยยกเว้นตั้งแต่แต่งงานมา
เธอยังจำตอนเพิ่งแต่งงานได้ เธอจะเตรียมอาหารมื้อใหญ่ทุกเย็น รอเขาเลิกงาน
แต่เขาก็ไม่สนใจ บางทีก็ให้คนใช้เอาทิ้งลงถังขยะ
จากนั้นเธอก็ค่อยๆเลิกทำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาคิระก็กลั้นหายใจไว้ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
“หึ……”
เขาหัวเราะเยาะ และล้มตัวลงบนโซฟา
“ติ๊ง–”
เสียงมาจากโทรศัพท์
อาคิระใช้นิ้วยาวแตะหน้าจอและคลิกที่ข้อความ
—— พายุไต้ฝุ่น “ดอกไม้ไฟ” จะนำฝนตกหนักมาสู่เมืองตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 26 ลมกระโชกแรงมากขึ้นในช่วงกลางวัน และจะเพิ่มขึ้นต่อไปถึงระดับ 10 ถึง 12 พร้อมฝนตกหนัก วันที่ 23 และ 24 เวลา 20.00 น. ฝนได้ตกถึง 552 มม. แล้ว!
ประชาชนโปรดระมัดระวัง อย่าออกไปไหน การจราจรถูกระงับไว้หมดแล้ว!
คิ้วของเขาขมวดจนเป็นปม แทบจะบีบแมลงให้ตายได้จำนวนหนึ่ง
ซึ่งหมายความว่าจะสามารถออกจากที่นี่ได้เมื่อไรยังไม่รู้
ที่สำคัญคือต้องหิวตลอดเวลา
เขาเหลือบมองจานที่มีกลิ่นหอม และหยิบบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
กลิ่นฉุนของควันพุ่งเข้ามาในจมูกของพนาวัน ทำให้เธออดไอไม่ได้
เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่!”
อาคิระเคาะบุหรี่แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ผมพอใจ”
กินไม่ได้ ใช้บุหรี่แก้หิวก็ไม่ได้หรอ
“นี่ไม่ใช่บ้านอนันต์ธชัย หรือคฤหาสน์ของคุณ แต่เป็นห้องของฉัน” ดวงตาของพนาวันเป็นสีดำขาวอย่างชัดเจน “ฉันเป็นเจ้าของที่นี่!”
อาคิระหรี่ตาลง
“ตอนคุณไม่ได้หย่า คุณสามารถสูบบุหรี่ได้ แต่ถ้าคุณหย่าแล้ว คุณไม่สามารถสูบบุหรี่ได้แม้แต่มวนเดียว ดัจริตอะไรกัน!”
เมื่อก่อนเขาไปที่อพาร์ตเมนต์เป็นครั้งคราว และเขาสูบบุหรี่บ่อยมาก
เขาติดบุหรี่ ปกติแล้ว เขาจะสูบบุหรี่เจ็ดหรือแปดมวนต่อวัน
พนาวันพูดอย่างประชดประชันว่า “ฉันเคยตาบอด ถึงได้ช่วยเหลือคุณ ตอนนี้ตาของฉันดีขึ้นแล้ว ทนรับสิ่งสกปรกไม่ได้อีก”
“ปากเก่งจริงๆ” อาคิระเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
หลังจากพ่นควันออกมาสองสามครั้ง เขาก็ดับก้นบุหรี่ ยัดมันลงในแก้วน้ำแบบใช้แล้ว
จนกระทั่งถึงตอนนั้น เขาถึงจำบางอย่างได้
เมื่อก่อนที่อพาร์ตเมนต์ เธอมักจะมีที่เขี่ยบุหรี่อันใหท่เสมอ
ทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก
หลังอาหารเช้า พนาวันก็เริ่มเล่านิทานให้หมีพูลฟัง
ไม่ว่าเธอหรือหมีพูลก็ต่างทะนุถนอมทุกนาทีในตอนนี้มาก
แม้ว่าข้างนอกหน้าต่างจะมีพายุ แต่ในห้องอบอุ่นมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เงียบสงบระหว่างทั้งสอง อาคิระรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เขาไม่ได้กินข้าวมาเกือบสองวันแล้ว ท้องของเขากำลังปั่นป่วน
หลังจากนั้นไม่นาน พนาวันกับหมีพูลก็กอดกันผล็อยหลับไป
อาคิระเลิกคิ้ว และเดินเข้าไปในครัว
เขาเกือบพลิกครัวหาบิสกิต หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ก็ไม่เจอ
ใบหน้าของเขาเข้มขึ้น
ในที่สุด สายตาก็จับจ้องไปที่แพนเค้กที่เหลือและผัดผักบนเขียง
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และหลังจากลังเลอยู่สามวินาที อาคิระก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเรียนแบบทั้งสองคน และคีบแพนเค้กที่เต็มไปด้วยผักให้ตัวเอง
หลังจากนั้น เขาก็ก้มหน้าลงด้วยความรังเกียจ
จากนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่อร่อย ต่างจากที่เคยกินมา
เขาเลยม้วนคำใหญ่อีกรอบ
ทันใดนั้นพนาวันก็ลุกจากเตียง และเห็นชายร่างสูงยืนซึ่งอยู่ข้างเขียง
เธอตกตะลึง ตกใจและประหลาดใจ “คุณกำลังทำอะไร”
อาคิระเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าจะถูกเจอตรงๆแบบนี้ เขาไม่แสดงอารมณ์ แต่กินต่อไปราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน
สำหรับการกระทำดังกล่าว อาคิระไม่คิดว่ามันไร้ยางอายหรือหน้าด้าน
พนาวันไม่เคยรู้เลย
อาคิระก็ไร้ยางอายเช่นกัน เปิดหูเปิดตามาก
แต่ถึงเขาไม่พูด เธอก็ไม่คิดที่จะสนใจ
แค่ของเหลือ เขาอยากกินก็กิน แล้วแต่
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะมีความสุขมาก แต่ตอนนี้ เธอสงบ ไม่มีอารมณ์อะไร
เธอเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา
เธอกระอักเลือดอีกครั้ง
เลือดสีแดงสดมากกว่าที่เคย
นิ้วของพนาวันสั่นเล็กน้อยขณะเช็ดเลือดจากมุมปาก
ไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ได้นานแค่ไหน
เธอหลับตาลงเล็กน้อย ครุ่นคิดหนัก เผยให้เห็นถึงความโศกเศร้าและหนักใจ
หลังจากนั้นไม่นาน พนาวันก็ออกมา เธอจัดการอารมณ์ และเริ่มจัดโซฟากับโต๊ะกาแฟ
ระหว่างจัดโต๊ะ เธอก็ไปบังเอิญเจอบางอย่าง
เธอหยิบมันออกมา ก่อนจะรู้ว่ามันเป็นช่อกุญแจที่มีรูปของดาหวันอยู่ข้างใน อาคิระน่าจะทำตก
ต้องยอมรับว่าดาหวันสวยจริงๆ
เมื่อเธอเห็นสิ่งเหล่านั้นเกี่ยวกับตัวเธอครั้งแรก เธอก็ตกใจ เจ็บปวด ทรมาน และหาทางออกไม่ได้ราวกับเป็นบ้า
แต่ตอนนี้เธอสามารถสงบสติอารมณ์ได้ เธอนิ่งเฉยที่สุด
หลังจากดูไปสองสามวินาที เธอก็วางมันลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้นอาคิระที่เพิ่งเข้ามาก็เห็นการกระทำของเธอ และกรรไกรที่วางอยู่ข้างๆพอดี เขาจ้องไปที่พนาวัน ยกริมฝีปากขึ้น และยิ้มอย่างเย็นชา “ทำไม ยังคิดที่จะทำลายอยู่หรอ อยากตัดหรอ”
พนาวันขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ไม่พูด นั่นถือเป็นการยอมรับทางอ้อม” อาคิระพูดเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา และก้าวไปข้างหน้าด้วยขายาวของเขา ก่อนจะเกี่ยวช่อกุญแจวางลงบนฝ่ามือของเขา
เธอจ้องมองพฤติกรรมปกป้องของเขาอย่างเงียบๆ พนาวันยิ้มอย่างเฉยเมยและเย็นชา “คุณคิดมากเกินไปแล้ว ในฐานะสะใภ้อนันต์ธชัย ฉันไม่เคยมีคุณสมบัติดังกล่าวมาก่อน ตอนนี้ฉันเป็นคนแปลกหน้า เธอไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แล้วฉันจะตัดมันไปทำไม
นอกจากนี้คุณอาจไม่รู้ แต่จริงๆแล้วฉันกลัวความตายมาก ครั้งสุดท้ายที่ฉันเผลอไปเหยียบรูปเธอ คุณเกือบทำฉันตาย ฉันรู้สึกกลัวมานานแล้ว ฉันจะกล้ารนหาที่ตายอีกได้ยังไง”
เธอพูดอย่างสบายๆ เหมือนไม่ได้หมายถึงอะไรเลย
แต่อาคิระรู้สึกถึงการประชดในคำพูดของเธออย่างลึกซึ้ง!
“เธอใช้คำพูดแบบนี้ไปหลอกใคร”
เขาไม่เชื่อ เพราะคำพูดของเธอในวันนั้นชัดเจนอยู่ในใจของเขา
เธอสาปแช่งดาหวัน และแสดงดวงตาที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
พนาวันสงบนิ่ง แม้จะยิ้มอย่างเฉยเมยในเวลานี้ แต่เธอรู้สึกแปลกแยกมาก “จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลยนอกจากเรียบง่ายมาก ในฐานะภรรยาของคุณ เมื่อคุณมีความขุ่นเคือง คุณย่อมมีความเกลียดชังจากความหึงหวง ก่อนที่คุณจะหย่าคุณได้ทำให้ความรู้สึกพวกนั้นหายไปหมดแล้ว”
“แต่มันเป็นแค่ประโยคเดียว ตอนนั้นคุณคิดว่าฉันไม่เหมาะสมเพราะสิ่งเหล่านั้นมีความขุ่นเคือง แต่ตอนนี้พวกมันไม่สมควรได้รับความขุ่นเคืองจากฉัน…”
เรียกได้ว่าไร้ค่าจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพาตัวเองไปสู่ความตาย เพื่อภาพถ่ายที่ไม่เกี่ยวข้อง!
ดาหวันไม่คู่ควร และตอนนี้เขาก็ไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม!
นี่คือความคิดที่แท้จริงที่สุดในใจของพนาวัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้ยินคำพูดดังกล่าวจากปากของพนาวัน อาคิระขมวดคิ้วแน่น
เขาจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขาพยายามจะอ่านเธอ