หลิน ชูจิ่ว ถอดหน้ากากและถุงมือออก จากนั้นเธอก็นำมันกลับเข้าไปในกล่องยา เธอหยิบขวดยาสองขวดออกมาจากข้างในแล้วส่งไปให้เมิ่ง ซิวเหยียน “ ถ้าข้าเดาไม่ผิดลำคอของคุณชายเมิ่ง คงจะมีอาการเจ็บปวดมากเมื่อไม่นานมานี้ ยาเหล่านี้สำหรับท่านมันจะเป็นประโยชน์ ยาขวดนี้ท่านสามารถดื่มได้อย่างน้อย 1/5 ของมันในทุกเช้าเมื่อท่านตื่นขึ้นมา ส่วนยาขวดนี้จะต้องทานหลังมื้ออาหารหนึ่งชั่วยาม ครั้งละสองเม็ด มันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ชั่วคราว”

       เมิ่ง ซิวเหยียน พยักหน้าและขอบคุณ หลิน ชูจิ่ว สำหรับยา ผู้นำตระกูลเมิ่งมองดูลูกชายด้วยความกังวล“ซิวเหยียน ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าลำคอของเจ้ามีอาการเจ็บปวด”

       เมิ่ง ซิวเหยียน ส่ายหัวเบา ๆ แสดงว่าเขาสบายดี

       ไม่เป็นไรหรือ

       การอักเสบที่คอของเขารุนแรงมากจนเขากลืนอะไรไม่ลง แต่เขาบอกว่ามันไม่เป็นไรหรือ?

       หลิน ชูจิ่ว หันมามองเมิ่ง ซิวเหยียน เธอมองเขาพร้อมกับบอกว่าเธอรู้ถึงสภาพที่แท้จริงของเขา แต่เมิ่ง ซิวเหยียน ก็ไม่ได้พูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ลดแม้แต่นิดเดียว

       หลิน ชูจิ่ว ไม่มีความตั้งใจที่จะไปแทรกแซงชีวิตของผู้คน เมื่อเธอตรวจสอบสภาพของเมิ่ง ซิวเหยียน เสร็จแล้วเธอก็ขอตัวกลับ

       หลิน ชูจิ่ว ไม่สะดวกที่จะอยู่นาน อย่างไรก็ตาม ไม่มีหญิงรับใช้อยู่ในจวนของพวกเขา ดังนั้นผู้นำตระกูลเมิ่งจึงต้องการไปส่ง หลิน ชูจิ่ว ด้วยตัวเอง แต่เมิ่ง ซิวเหยียน ก็ลุกขึ้นและทำท่าทางด้วยมือ ในขณะเดียวกันเขาก็ถือกล่องยาของ หลิน ชูจิ่ว ขึ้นมาอย่างสง่างาม

“คุณชายเมิ้งสุภาพเกินไปแล้ว” หลิน ชูจิ่ว ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเมิ่ง ซิวเหยียน

       เมิ่ง ซิวเหยียน เป็นคนมีน้ำใจมาก เขานึกถึงการก้าวเดินที่ไม่ยาวของหลิน ชูจิ่ว ก่อนจะเดินให้ช้าลงกว่าปกติ มันเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็สามารถทำให้คนมีความสุขได้

       เมิ่ง ซิวเหยียน เดินมาพร้อมกับ หลิน ชูจิ่ว ตลอดทางจนถึงรถม้าและเฝ้ามองในขณะที่นางจากไป จนกว่าจะไม่เห็นร่างของอีกฝ่ายอีกต่อไป เมื่อ เมิ่ง ซิวเหยียน เดินกลับไป เขาก็ไม่รีบร้อนอะไร เขาเดินอย่างสบาย ๆ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสง่างาม

“ซิวเหยียน เจ้าคิดยังไง?” เมื่อหลิน ชูจิ่วจากไปแล้ว ผู้นำตระกูลเมิ่งก็ถามขึ้นโดยตรง

       เมิ่ง ซิวเหยียน ยิ้มและเขียนคำว่า “โม่”

“เจ้าหมายถึงหมอเทวดาโม่จะทำการเคลื่อนไหวหรือ?” พวกเขาเป็นบิดาและบุตร และหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันกับเมิ่ง ซิวเหยียน มาตั้งแต่แรกเกิดเขาก็รู้ว่าบุตรชายของเขาคิดอย่างไร

       เมิ่ง ซิวเหยียน พยักหน้าและเขียนคำอีกคำว่า “รอ” บนโต๊ะ

       รอหรือ รอให้หมอเทวดาโม่มาที่ประตูจวนของพวกเขา อย่างไรก็ตาม หมอเทวดาโม่ก็เต็มไปด้วยความกังวลมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ เพราะพอตกถึงตอนกลางคืนเขาก็มาเคาะประตูจวนพร้อมกับคนของทางการ

       เนื่องจากการเตือนล่วงหน้าของเมิ่ง ซิวเหยียน ผู้นำตระกูลเมิ่งจึงไม่แปลกใจเมื่อเขาเห็นหมอเทวดาโม่ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยมันออกมาบนพื้นผิวหน้าของเขา เขาแสร้งทำเป็นประหลาดใจ“ ท่านหมอเทวดาโม่มาเยี่ยมยามดึกเช่นนี้ ข้าไม่รู้ว่าท่านประสงค์สิ่งใด”

“ ทุกวันนี้ ข้าคิดถึงแต่ความเจ็บป่วยของคุณชายเมิ่ง ข้าไม่สามารถกินหรือนอนหลับได้ ข้าเป็นกังวลมาก ข้าจึงขอให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้มาพร้อมกับข้า ข้าไม่ทราบว่าจะสามารถพบและตรวจดูสภาพของคุณชายเมิ่งได้หรือไม่” หมอเทวดาโม่บอกว่าเขาเป็นกังวลมาก แต่มันก็ไม่ได้สะท้อนอยู่บนใบหน้าของเขา ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมก่อน แต่ผู้คนก็ไม่รู้สึกว่าเขามีความกังวลอยู่แม้แต่น้อย

       ผู้คนสามารถพูดได้ว่าด้วยอายุและชื่อเสียงของหมอเทวดาโม่ เขามีความน่าเชื่อถือมากกว่า หลิน ชูจิ่ว แต่ …

       เมื่อผู้นำตระกูลเมิ่ง นึกถึงความคิดของบุตรชายของเขา เขาก็ถอนหายใจขึ้นมาแทน “ท่านหมอเทวดาโม่คงต้องพบกับความผิดหวังเสียแล้ว ซิวเหยียนได้รับข้อความจากเพื่อนของเขาเมื่อเย็นนี้และออกไปข้างนอกแล้ว เขายังไม่กลับมาเลย”

“คุณชายเมิ่งไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ” ใบหน้าของหมอเทวดาโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยรูปแบบที่ไม่สามารถบรรยายได้……

       คนที่มีสายตาที่ฉลาดสามารถมองเห็นได้ว่าบิดาและบุตรชายคู่นี้ กำลังทำสิ่งนี้โดยเจตนา!