หมอเทวดาโม่แน่ใจว่าบิดาและบุตรชายเมิ่งคู่นี้ตั้งใจทำสิ่งนี้ แต่แล้วจะอย่างไร
บิดาและบุตรชายตระกูลเมิ่งคู่นี้ไม่พอใจที่จะพบหมอเทวดาโม่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดออกมาโดยตรง เพื่อปฏิเสธความตั้งใจของบุคคลผู้หนึ่ง มันจึงมีหลายวิธีที่จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะรับความช่วยเหลือจากหมอเทวดาโม่
เมื่อเผชิญกับการปฏิเสธของผู้นำตระกูลเมิ่ง ที่เกือบจะเป็นแบบตรงไปตรงมา รอยยิ้มของหมอเทวดาโม่ จึงแข็งทื่อขึ้น เขารู้ว่ามันจะยิ่งทำให้เขาดูน่าสมเพชถ้าเขาจะยิ่งพยายามต่อไป แต่ใจเขาไม่อยากจากไป
หากมีคนอื่นแย่งผู้ป่วยของเขาไป หมอเทวดาโม่จะไม่โกรธ ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ไม่ใช่วิธีการของเขาที่จะปล้นคนไข้ของคนอื่นมา แต่มันคือหลิน ชูจิ่ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก!
เสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวจื่ออัน และตอนนี้ก็เป็นเมิ่ง ซิวเหยียน ผู้ป่วยที่สำคัญทั้งสามคนนี้ถูก หลิน ชูจิ่ว ปล้นไป และทุกครั้งที่นางขโมยผู้ป่วยของเขาไป เขาจะจบลงด้วยสถานการณ์ที่น่าสังเวช
คราวนี้เมิ่ง ซิวเหยียน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา หมอเทวดาโม่ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าถ้าหลิน ชูจิ่วรักษาโรคของเมิ่ง ซิวเหยียน ได้อย่างสมบูรณ์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“มันจะไม่ดีแน่” ผู้คนรู้ว่าเขาซื้อเด็กทารถที่ถูกทอดทิ้งจำนวนมากมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แต่เขาไม่สามารถออกมาอธิบายตัวเองได้
เขาไม่ต้องการที่จะล้มลงไปพร้อมกับเรื่องเหล่านั้น
หมอเทวดาโม่ลังเลมาก แต่เขาจะทำอะไรได้ในคุก?
หมอเทวดาโม่ ถอนหายใจอย่างหนักและจากไปพร้อมกับหลังที่งอลงเล็กน้อย…
หลิน ชูจิ่ว ไม่ไปพบหรือพูดคุยกับเสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเธอกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะมีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้มาบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่คุ้นเคยกับการต้องรายงานผู้อื่น
ในทางกลับกันถ้าเสี่ยวเทียนเหยาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหลิน ชูจิ่ว เขาก็แค่ต้องเรียกองครักษ์เงาของเขา แต่…
วันนี้ เสี่ยวเทียนเหยา อารมณ์เสียมาก!
หลิน ชูจิ่ว ผู้หญิงคนนั้นไม่มีจิตสำนึกของการเป็นภรรยาแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับเมื่อคืนที่ผ่านมา เสี่ยวเทียนเหยาก็ไปที่ห้องของ หลิน ชูจิ่วอีก แต่เขาไปช้าเล็กน้อยถ้าเทียบกับเมื่อคืนนี้ เมื่อเขามาถึงผมของหลิน ชูจิ่วก็แห้งแล้ว
เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาในห้อง หลิน ชูจิ่วก็นั่งอยู่บนเตียงและอ่านหนังสือ เมื่อเห็นเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาข้างในหลิน ชูจิ่วก็เงยหน้าขึ้นและพูดขึ้น“ท่านกลับมาแล้วหรือ”
หลังจากพูดจบ เธอก็กลับไปอ่านหนังสือต่อไป
เธอชอบเสี่ยวเทียนเหยา แต่เธอก็ไม่ต้องการสูญเสียความเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในรถม้าเพราะบรรยากาศมันดีเกินไป อย่างไรก็ตามหากเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ต้องการที่จะเล่นกับเธออีกต่อไป เธอก็ยังคงต้องการที่จะอยู่อย่างมีเหตุมีผลต่อไป
หนังสือทางการแพทย์ในมือของ หลิน ชูจิ่ว ไม่มีชื่อเสียง มันเป็นหนังสือทางการแพทย์ทั่วไปที่สามารถซื้อได้ในร้านหนังสือ แต่มันสามารถให้ความรู้พื้นฐานของเธอ
เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ใส่ใจกับทัศนคติที่เฉยเมยของหลิน ชูจิ่ว เขาเดินไปหานางอย่างสง่างาม จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาและช้าขึ้น “ชูจิ่ว เจ้าออกไปข้างนอกมา แล้วเจ้าไม่มีอะไรที่จะพูดกับเปิ่นหวางหรือ?”
ร่างสูงของเสี่ยวเทียนเหยา ปิดกั้นแสงไฟไปทันที หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถอ่านหนังสือต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงต้องวางมันลงและถามด้วยความงุนงงขึ้น“ ท่านต้องการให้ข้าพูดอะไร?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก รูปแบบการหายใจของเขาเป็นปกติ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเสี่ยวเทียนเหยากำลังโกรธ
เธอทำอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจหรือ?
“เกี่ยวกับตระกูลเมิ่ง เจ้าไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับเปิ่นหวางหรือ?” เมื่อเห็นใบหน้าที่สงสัยของ หลิน ชูจิ่ว เขาก็รู้ว่า หลิน ชูจิ่ว ไม่ทราบว่าตัวเองทำอะไรผิด
แน่นอนว่านางนั้นโง่เขลา
“ ไม่ใช่ว่าท่านรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลเมิ่งแล้วหรือ?” หลิน ชูจิ่วไม่คิดว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะปล่อยให้เธอออกไปคนเดียว เขาจะต้องส่งคนไปติดตามเธอไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะอย่างไรเธอกับเสี่ยวเทียนเหยาก็อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
เสี่ยวเทียนเหยา นั่งลงข้างๆ หลิน ชูจิ่วและพูดขึ้น “เปิ่นหวางต้องการได้ยินจากปากเจ้า”