“ อย่างที่ท่านทราบอยู่แล้วว่าข้าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของเมิ่ง ซิวเหยียน ได้ แต่ตระกูลเมิ่งยังอยู่ในช่วงของการพิจารณา” หลิน ชูจิ่วขยับไปด้านข้างให้เสี่ยวเทียนเหยาได้มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น
“ อืมม” เสี่ยวเทียนเหยาพยักหน้าไม่มีร่องรอยของความโกรธบนใบหน้าซึ่งทำให้หลิน ชูจิ่วงงงวยมาก
เสี่ยวเทียนเหยาไม่ขยับเข้าไปใกล้ เขาแค่ยื่นมือออกมาและลูบหัวของหลิน ชูจิ่ว“ ชูจิ่ว จำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นภรรยาของเปิ่นหวาง”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและช้าเหมือนก่อนหน้า แต่กลับมีกลิ่นอายที่อันตรายตามมา หลิน ชูจิ่ว ขยับกลับไปอีกโดยไม่รู้ตัว“ข้าจำได้ไม่เคยลืม”
เธอจะลืมได้อย่างไร …
หากเธอไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นเสี่ยวหวางเฟย เธอกับเสี่ยวเทียนเหยาก็จะไม่ได้พบกันในชีวิตนี้
เสี่ยวเทียนเหยาเป็นคนที่อันตรายมาก มันจะดีกว่าที่จะอยู่ให้ห่างไกลจากเขา อย่างไรก็ตามเธอเป็นภรรยาของเขา เธอไม่สามารถซ่อนตัวจากเขาได้ เธอไม่สามารถหนีจากความอ่อนโยนที่มีเป็นครั้งคราวของเขาได้เช่นกัน
“ดี” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขณะที่มือของเขาขยับไปที่แก้มของเธอจนมาถึงคอของเธอ“ในอนาคตอย่าทำในสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้เปิ่นหวางไม่มีความสุข”
หลิน ชูจิ่ว เหลียวดูมือที่อยู่บนคอของเธอ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยาจึงทำตัวผิดปกติ
เขาหึงหรือ?
หลิน ชูจิ่ว ก้มหัวลงเพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวเทียนเหยา เห็นรอยยิ้มบนดวงตาของเธอ เธอไม่ได้ให้คำตอบกับเขา
หากเธอต้องการเป็นหมอ เธอจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่สามารถให้คำตอบในเชิงบวกกับเสี่ยวเทียนเหยาได้ อย่างไรก็ตามในสายตาของเสี่ยวเทียนเหยา ความเงียบของเธอนั้นแสดงว่าเธอเห็นด้วย สำหรับรางวัล เสี่ยวเทียนเหยาจึงให้สัญญาขึ้น“สำหรับการเชื่อ เปิ่นหวางจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”
น่าเสียดาย หลิน ชูจิ่ว ยังไม่ได้ให้คำตอบออกไป เพราะเธอเชื่อว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่ให้สิ่งที่เธอต้องการ … …
*
ข่าวที่ว่าตระกูลเมิ่งได้ปฏิเสธการมาเยี่ยมของหมอเทวดาโม่มาถึงหูฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้กำลังมองดูรายงานในมือของเขาก่อนจะพูดขึ้น“ เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำเรื่องง่ายๆได้ แล้วเขาจะมีประโยชน์อะไร?”
หัวหน้าสายลับคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ไม่ยอมให้เขารอดไปได้ง่ายๆ ก่อนจะถามขึ้น “คนของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังที่โจมตี หลิน ชูจิ่ว อยู่ที่ไหน? เจ้าค้นพบพวกเขาแล้วหรือยัง?” พรสวรรค์ทางการแพทย์ของ หลิน ชูจิ่ว นั้นดีมาก อย่างไรก็ตามข้อได้เปรียบนี้ก็กลายเป็นข้อเสียของนาง
“ยังพ่ะย่ะค่ะ” ลมหายใจของหัวหน้าสายลับแรงขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้เขาต้องพบกับความล้มเหลวในการทำภารกิจของเขา
“ ไร้ประโยชน์” ฮ่องเต้ไม่พอใจมากจริง ๆ แต่เขาก็ยังข่มความโกรธเอาไว้และถามขึ้น“แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังเล่า? เจ้าพบเบาะแสใหม่หรือไม่?”
หัวหน้าสายลับส่ายหัวแล้วคำนับลง“ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ต่างก็เสียชีวิตลง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ฆ่าตัวตายเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ปมทั้งหมดจึงถูกทำลาย” พวกเขาต้องการตรวจสอบ แต่พวกเขาไม่พบอะไรเลย
“ปมทั้งหมดถูกทำลายหรือ? เจ้าสามารถพูดคำเหล่านั้นกับประชาชนได้หรือไม่? ” กองทัพแนวหน้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ประชาชนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งฮ่องเต้จึงหงุดหงิดเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้
“ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสายลับเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว
“เจ้าสมควรตายจริงๆ” ถ้าไม่ใช่เพราะความภักดีและความสามารถของเขา ฮ่องเต้คงฆ่าเขาจริงๆ
“เห็นแก่ความภักดีของเจ้า เจิ้นจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าต้องตรวจสอบว่าเสี่ยวหวางเย่ให้ความสำคัญกับเสี่ยวหวางเฟยมากแค่ไหน หากเจ้าล้มเหลวอีกครั้ง เจ้าไม่จำเป็นต้องมาพบเจิ้น ”
เขาต้องการจะดูว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะทำอะไรเพื่อหลิน ชูจิ่ว และนอกจากนี้หากปราศจาก หลิน ชูจิ่ว ตระกูลเมิ่งจะสามารถปฏิเสธหมอเทวดาโม่ได้อีกหรือไม่?
“ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมจะทำงานนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสายลับรอดพ้นมาจากความตายของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงแอบโล่งใจอยู่อย่างเงียบๆ แต่สำหรับเสี่ยวหวางเฟยนะหรือ?
เขาเพียงแค่รู้สึกเสียใจแทนนางเท่าเพียง……