ตอนที่ 1661 เดินเปลี่ยนบรรยากาศ

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

จางจื่ออันเปิดประตู รู้สึกอยู่ลึกๆ รางๆ ว่านี่น่าจะเป็นประตูโรงน้ำชา ราวกับดื่มชาเสร็จแล้วและคิดจะออกไป 

 

 

เขาเดินสะลึมสะลือไปข้างหน้าสองสามก้าว รู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมเพิ่งดื่มชาแต่กลับไม่ได้ผลอะไร ตอนนี้เอง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกไป จากนั้นร่างกายก็สะดุ้งตื่นอย่างแรง 

 

 

นี่คือ…ยอดเขาเหรอ? 

 

 

เขามองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง บนยอดเขาควรจะมีอิฐปูไว้เต็มไปหมด มีร้านค้าขนาดเล็กปิดร้านเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาซื้อของ มีศาลา และมีเก้าอี้ม้าหินเทียม แต่ไม่มีของพวกนี้แล้ว 

 

 

รอบๆ อ้างว้างไปหมด ใต้เท้ามีเพียงหญ้ารกชัฏ ความรู้สึกอ่อนยวบของดินโคลนแตกต่างกับก้อนอิฐโดยสิ้นเชิง กลับเป็นต้นสนโบราณหลายต้นที่ยังคงสูงตระหง่านดังเดิม 

 

 

เขาหันหน้าอย่างแรง ก่อนจะประหลาดใจเมื่อพบว่าโรงน้ำชาอู้อิ่นหายไปแล้ว ข้างหลังว่างเปล่า มีเพียงต้นสนโบราณและหญ้ารกเอนเอียงอยู่ตรงนั้น 

 

 

มารดาคุณสิ นี่มันแปลกชะมัด โรงน้ำชาหายไปแล้ว แล้วเมื่อกี้ฉันเพิ่งออกมาจากตรงไหน? 

 

 

จริงสิ ท่านผู้เฒ่าฉากับฟราเทอร์ล่ะ? 

 

 

พวกเขามากันสามคนชัดๆ ตอนนี้บนยอดเขากลับเหลือแค่เขาคนเดียว 

 

 

“ท่านผู้เฒ่าฉา! ฟราเทอร์! พวกนายอยู่ไหน” 

 

 

เขาตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็เงี่ยหูฟัง 

 

 

นอกจากเสียงลมเบาหวิวแล้ว ก็ไม่มีการตอบรับอะไร 

 

 

หรือว่าโรงน้ำชาเป็นสิ่งก่อสร้างในมิติพิศวง ท่านผู้เฒ่าฉากับฟราเทอร์ยังไม่ทันออกมา ก็ถูกพาไปมิติอื่นแล้วเหรอ 

 

 

เหงื่อเย็นๆ ของเขาเริ่มหยดลงมา 

 

 

แปลกจริง ถึงโรงน้ำชาอยู่มิติอื่น แต่ทำไมทั้งยอดเขาถึงได้เปลี่ยนไปด้วยล่ะ 

 

 

เขาเดินไปที่ทางเข้าออกของทางเดินภูเขาทันที ตรงนั้นไม่ได้ปูทางเดินลงภูเขาแล้ว เกรงว่านอกจากแพะภูเขา ก็คงมีเพียงนายพรานและคนเก็บสมุนไพรที่มือเท้าว่องไวถึงจะอาศัยช่องเหวตื้นและก้อนหินที่นูนขึ้นเล็กน้อยตะกายขึ้นมาได้ 

 

 

เชี่ย? แล้วฉันจะลงไปยังไงเนี่ย 

 

 

เขาไม่สามารถปีนก้อนหินลงไปได้ จุดจบของการฝืนลงเขาไปก็มีแต่ตกลงไปเป็นศพ 

 

 

จริงสิ มือถือ! 

 

 

เขาควักโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาด้วยความเคยชิน 

 

 

ไม่มีสัญญาณ 

 

 

เกิดอะไรขึ้น บนยอดเขามีสัญญาณชัดๆ นี่คือประเทศจีนที่มีอินเทอร์เน็ตทุกหมู่บ้าน ไม่ใช่อเมริกาสักหน่อย 

 

 

ถูกขังอยู่บนยอดเขา ร้องเรียกฟ้าไม่ตอบ ร้องเรียกดินไม่รับรู้ บนยอดเขาที่ใหญ่เท่าฝ่ามือทั้งไม่มีตาน้ำพุ และไม่มีสัตว์ป่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่ในอีกไม่ช้า 

 

 

เขาเกาหัวอย่างแรง พยายามขจัดความคิดเรื่อยเปื่อย แล้วเริ่มรวบรวมสติ พยายามคิดว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดในตอนนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร 

 

 

ไม่นานเขาก็ละทิ้งความคิดทางวิทยาศาสตร์ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่วิทยาศาสตร์จะช่วยได้ ความเป็นไปได้ที่เหลือคือเรื่องลี้ลับและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ 

 

 

เขาไม่เชื่อว่ามีเรื่องลี้ลับอะไรจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเจอ และไม่คิดว่ามีเรื่องลี้ลับอะไรปรากฏต่อหน้าวลาดิเมียร์และฟราเทอร์ จูออนที่มีตบะแก่กล้าพันปีก็คงไม่กล้าก่อกวน 

 

 

งั้นก็เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติสินะ? 

 

 

มนุษย์ต่างดาวลักพาตัวเหรอ? 

 

 

พอคิดถึงคำว่าลักพาตัว ในสมองของเขาก็มีแสงแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับมองพระอาทิตย์ รู้สึกกล้าหาญขึ้นมา ถึงแม้ความกังวลและความหวาดกลัวทุกอย่างยังไม่จางหายไป แต่อย่างน้อยก็เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา 

 

 

นอกจากเอเลี่ยนแล้ว ยังมีเทพเซียนอีกองค์หนึ่งที่ทำได้ขนาดนี้ ลักพาตัวเขามาที่มิติพิศวงโดยที่ไม่มีใครรู้ 

 

 

และเทียบกับเอเลี่ยนที่ลึกลับ เขาเชื่อว่าเป็นฝ่ายหลังมากกว่า ถึงอย่างไรอัตราความเป็นไปได้ของฝ่ายหลังก็ยังนำอยู่หนึ่งต่อศูนย์ 

 

 

“จวงเสี่ยวเตี๋ย ฉันรู้ว่าเป็นเธอ ออกมาเถอะ” 

 

 

เขานอนหงายลงบนพื้นหญ้า มองเมฆม้วนลอยสบายๆ อยู่บนท้องฟ้า 

 

 

การสับเปลี่ยนความจริงเป็นความฝันอย่างไม่มีรอยต่อชวนให้คุ้นเคยแบบนี้ เขามั่นใจเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นฝีมือของภูตสัตว์เลี้ยงผีเสื้อตัวนั้น 

 

 

ที่เขาไม่แน่ใจเพียงอย่างเดียวคือ เขาถูกดึงเข้ามาในความฝันตอนไหน 

 

 

เขาคิดออกแล้ว ตอนกลางวัน เขา เหล่าฉา และฟราเทอร์อยู่ในโรงน้ำชาอู้อิ่น ดื่มชาเสร็จแล้ว ก็ถือโอกาสลงเขาเพื่อกลับบ้าน หลังจากกลับบ้านทุกอย่างก็เป็นปกติ ดูร้าน กินข้าว ปิดร้าน และนอนหลับ 

 

 

แน่นอนว่าความทรงจำช่วงนี้อาจจะไม่ใช่ความจริง มีความเป็นไปได้ว่าทั้งวันนี้เป็นความฝันโดยสมบูรณ์ ถึงขนาดที่ว่าเขาอาจจะจมอยู่ในความฝันของเธอตั้งแต่แรก แล้วยังไม่ได้ออกมา เขาคิดว่าเอาชนะเธอได้แล้ว แต่ที่จริงก็แค่เข้าไปอยู่ในฝันซ้อนฝันที่ลึกกว่าเดิม 

 

 

ฝันซ้อนฝันครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับตุ๊กตาแม่ลูกดกซ้อนกันอยู่ไม่จบสิ้น 

 

 

ความน่ากลัวของความฝันเธอก็คือการก้าวเข้ามาได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีรอยต่อ ปิดบังเส้นเชื่อมต่อของความจริงและความฝัน จนไม่รู้สึกตัวเลยว่าเข้ามาในฝันตอนไหน และไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นหรือไม่กันแน่ 

 

 

ซา ซา 

 

 

เสียงเบาๆ ของกระโปรงยาวลากพื้นหญ้าดังมาจากเหนือหัวของเขา 

 

 

จากนั้น ใบหน้าสวยสดงดงามก็มาปรากฏอยู่ท่ามของท้องฟ้าและเมฆขาว เธอมัดมวยผมสูง ใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ลูกตากลับฉายแสงสีรุ้งราวกับผีเสื้อ 

 

 

เธอยังคงสวมชุดฮั่น เป็นชุดที่เขาไม่เคยเห็น และยังเข้ากับเธอได้ดีเหมือนเคย 

 

 

“ไฮ! ไม่เจอกันนานเลยนะ!” 

 

 

เขาแสร้งทำเป็นใจเย็นและโบกมือทักทาย “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง กินข้าวเช้าหรือยัง” 

 

 

เธอไม่ตอบ ราวกับไม่คิดที่จะตอบ 

 

 

จางจื่ออันฝืนยิ้มอย่างผู้ชนะ แม้ในใจจะไม่มั่นใจเลยสักนิด แต่ก็ยังพูดโม้ว่า “ฉันชนะอีกแล้ว มองแวบเดียวก็ดูกับดักที่เธอวางไว้ออกแล้ว ถึงยังไงฉันก็มีประสบการณ์มาก่อน ก็แค่ลูกเล่นเล็กน้อยเท่านั้น…” 

 

 

จวงเสี่ยวเตี๋ยมองเขาจากข้างบนเงียบๆ ยิ่งจ้อง เขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดผวา 

 

 

หลังจากนั้นนานทีเดียว เธอก็ค่อยๆ เอ่ยปาก “คุณจะนอนอยู่บนพื้นอีกนานแค่ไหน” 

 

 

“นอนบนพื้นหญ้าสบายมากเลยนะ เธออยากลองนอนดูสักพักไหมล่ะ ถึงยังไงที่นี่ก็กว้างใหญ่ขนาดนี้…” จางจื่ออันพูดจาเรื่อยเปื่อย ในเมื่อไม่มีทางได้เปรียบในสนามรบ อย่างนั้นก็ทำได้แค่เล่นลูกไม้ผ่านฝีปากแล้ว 

 

 

เขามองความคิดของจวงเสี่ยวเตี๋ยผ่านบนหน้าของเธอไม่ออก ผ่านไปอีกพักหนึ่ง เธอก็เดินอย่างแผ่วเบา แล้วหายไปจากทัศนวิสัยนอนหงายของเขาแล้ว 

 

 

เขาเอียงคอ เห็นเธอเดินไปทางริมยอดเขา ตรงนั้นไม่มีทางเดินภูเขา มีแค่เนินลาดชันที่เหมือนหุบเหว 

 

 

“นี่! เธออย่าคิดสั้นนะ!” เขาตะโกน “มีอะไรก็พูดดีๆ อย่าเอะอะก็ฆ่าตัวตายสิ” 

 

 

เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่อยู่ๆ ก็พูดว่า “งั้นคุณก็อย่านอนต่อเลย อยากนอนนานๆ ก็ได้ แต่คุณจะพลาดโอกาสดูเรื่องสนุกไปนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนคุณแล้วกัน” 

 

 

เรื่องสนุกเหรอ 

 

 

ภูเขารกร้างแบบนี้มีเรื่องสนุกอะไรน่าดู 

 

 

จางจื่ออันถูกเธอกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นเข้าแล้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วเดินไปริมผา แล้วมายืนอยู่ข้างเธอ พยายามมองออกไปไกลๆ 

 

 

ขบวนรถต่อแถวคดเคี้ยวอยู่ตรงตีนเขา ขบวนต่อเนื่องออกไปยาวเหยียด แต่ขบวนรถนี้ไม่ใช่ขบวนรถยนต์ แต่เป็นรถม้า รถวัวลาก รถลาลาก และรถที่ลากโดยปศุสัตว์อื่นๆ 

 

 

ข้างหน้าขวบรถมีคนเป่าปี่ปากใหญ่จนแก้มป่อง เสียงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว และดังขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

“นี่เขาทำอะไรกัน ถ่ายหนังพีเรียดเหรอ” จางจื่ออันถามด้วยความสับสน 

 

 

จวงเสี่ยวเตี๋ยตอบเรียบๆ ว่า “นี่คือขบวนรถส่งตัวเจ้าสาว กำลังจะส่งหญิงสาวลูกคนรวยไปที่เมืองปินไห่”