เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 911
ด้านหลังของลู่ฝานพลันปรากฏเงาร่างอสูรสายฟ้าขนาดใหญ่ขึ้น

ซึ่งมีสามหัวหกแขน แปดดวงตาและร่างเป็นมังกร

อสูรสายฟ้ายื่นฝ่ามือออกมา พร้อมด้วยฟ้าผ่าฟ้าร้อง เพื่อสกัดต้านทานท่อที่พุ่งโจมตีเข้ามานั้น

เสียงฟ้าร้องในร่างของลู่ฝานนั้นราวกับเสียงระเบิดถั่วที่ดังก้องไปทั่ว ลู่ฝานกวัดแกว่งแขน แล้วก็ฟาดฟันกระบี่ลงไปอีกครั้ง

“สังหาร! ”

เมื่อกระบี่ฟาดฟันลงไป ทุกพลังก็รวมเป็นหนึ่งเดียว

เวลานี้ ลู่ฝานก็ใช้วิชากระบี่ฆ่าพิชิตฟ้าที่สมบูรณ์!

เมื่อแสงกระบี่ฟาดฟันลงไปนั้น อักษรคำว่าฆ่าขนาดใหญ่ก็ได้ฟันไปที่ร่างของพญาหนอนจนเกิดบาดแผลนับไม่ถ้วน เลือดสีเขียวพุ่งกระฉูดออกมา เสียงร้องของพญาหนอนยิ่งดังมากขึ้นไปอีก

เมื่อเกิดเสียงดังขึ้น ลู่ฝานก็พลันใช้พลังปราณคุ้มกันกาย ด้านนอกกลายเป็นความมืดทั้งหมด

นักบู๊ที่ได้ยินเสียงตะโกนดังกล่าวนี้ หรือว่าพวกหนอน ต่างก็เริ่มนอนดิ้นไปมาบนพื้นแล้ว

เสียงนี้ ราวกับเสียงที่ดังมาจากนรก เมื่อได้ยินแล้วก็ตกใจหวาดกลัวอย่างที่สุด

ร่างกายของลู่ฝานเองก็สั่นเทา เขาที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้น ก็ถูกคลื่นเสียงโจมตีอย่างรุนแรงที่สุดเช่นกัน

กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็เกิดเป็นรอยย่นพร้อมไปกับคลื่นเสียง ลู่ฝานกัดฟันอดทน แล้วก็ใช้กระบี่ฟันลงไปที่หนวดที่อยู่ในมือของเขา

ลู่ฝานไม่ได้เลือกจะไปโจมตีที่ร่างของพญาหนอน แต่ต้องการที่จะฟันหนวดของมันให้ขาด

กระบี่หนักไร้คมปะทุเกิดเป็นประกายไฟ และฟาดฟันลงไปที่หนวดของพญาหนอนจนขาดออกเป็นสองท่อนทันที

ร่างของพญาหนอนกระตุกสั่นไปหมด ขณะนั้นลู่ฝานก็รู้แล้วว่าตนเองเดิมพันได้ถูกต้อง หนวดคู่นี้ จะต้องเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของพญาหนอนอย่างแน่นอน

จากนั้น คิดไม่ถึงว่าพญาหนอนจะถอยร่นลงไปแล้ว มันถอยกลับเข้าไปในหลุมดำ ลู่ฝานจึงอาศัยช่วงเวลาดังกล่าว พลิกตัวกระโดดกลับไปด้านหลัง

บริเวณรอบกาย มีสายลมคอยพยุงร่างเอาไว้ ลู่ฝานราวกับเป็นใบไม้ ลอยไปตามสายลมแล้วตกลงไปบนเรือกระบี่

แกว่งมือไปมาเกิดเป็นเปลวไฟเผาทำลาย พวกหนอนสีแดงจำนวนมากที่ต้องการจะเข้ามาใกล้นั้น ก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ด้านนอกทั้งหมด

ลู่ฝานรวบรวมพลังปราณ แล้วก็ผลักดันอุโมงค์ข้ามมิติ

แต่ในครั้งนี้ อุโมงค์ข้ามมิติที่ทรงพลังนั้นไม่ได้ถูกลู่ฝานผลักดันออกไป กลับกลายเป็นว่าลู่ฝานและเรือกระบี่ใต้เท้าของเขาถูกแรงสั่นสะเทือนผลักดันออกไป จนกระเด็นล่องลอย หลุดพ้นออกไปจากการโอบล้อมของรังไหม

วิธีการที่ต่อเนื่องนี้ ทุกคนที่มองเห็นนั้นถึงกับตื่นตะลึง

ลู่ฝานใช้กระบี่หนักทิ่มลงไปที่กลางอักษรยันต์ของเรือกระบี่ โดยมีเงาหลังอย่างกับเป็นเทพเจ้า

ตึ่งง!

เรือกระบี่หล่นลงมาอยู่ที่ด้านข้างของเรือมังกรอย่างประจวบเหมาะ

ลุงชางก็พลันตะโกนขึ้นว่า: “ถูซาง รีบประคองพวกเขาขึ้นมา เร็วเข้า! ”

ถูซางใช้มือประคองทีละคน นำทุกคนกลับขึ้นมาบนเรือมังกร

ลุงชางรีบนำยาออกมาหลายขวด ส่งมอบให้กับทุกคน เพื่อให้แต่ละคนรักษาอาการบาดเจ็บ

ลู่ฝานกระโดดขึ้นมาบนเรือมังกร และมองไปยังพวกหนอนที่อยู่ห่างออกไป

ราชากระบี่ใต้ที่กลับมาอย่างยากเย็นนั้น เมื่อเห็นว่าลู่ฝานใช้วิธีการนี้บินเหาะกลับมา ก็ตะลึงจนอ้าปากค้างจวบจนขณะนี้ก็ยังไม่หุบปากลง

ลู่ฝานยืนอยู่บนหัวเรือ ในท่าทางที่เคร่งขรึม

เวลานี้สิบสามก็มายืนอยู่ที่ด้านหลังของลู่ฝานและพูดขึ้นว่า: “เจ้านาย”

ภาพเหตุการณ์นี้ ทุกคนเห็นกันจนชินตา เพราะช่วงหลายวันมานี้ แทบจะทุกวัน ที่ลู่ฝานจะอยู่ในลักษณะท่าทางอย่างนี้

แต่ในวันนี้ ในสายตาของทุกคนนั้น ลู่ฝานไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว

สายตาที่ดูหมิ่นเหยียมหยามไม่มีให้เห็นอีก ทดแทนด้วยความตื่นตะลึง ความเคารพ ความเลื่อมใส ส่วนนักบู๊ที่อยู่ด้านหลังนั้น มีสีหน้าท่าทางที่อับอาย เมื่อพวกเขานึกถึงตอนที่ตนเองเคยได้พูดเหยียดหยามถากถางลู่ฝานนั้น ก็รู้สึกว่าใบหน้ามันช่างปวดแสบปวดร้อนเสียเหลือเกิน

โดยเฉพาะเฝิงอิ่ง ขณะที่เธอมองไปยังเงาหลังของลู่ฝานนั้น เธอเองก็สั่นเทาไปทั้งร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้

สีหน้าซับซ้อน หางตากระตุกอย่างไม่หยุด

“นึกไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้! ”