ทุกคนรีบเร่งขึ้นมาทันที รีบกำชับกับเมิ่งเชี่ยนโยวหลายเรื่อง ซุนเชี่ยนรีบนำผ้าคลุมหัวคลุมบนหัวเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วกำชับว่า “ห้ามถอดผ้าคลุมหัวนี้เป็นอันขาด รอหลังจากเข้าห้องหอ ให้อี้เซวียนถอดให้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวที่อยู่ใต้ผ้าคลุมพยักหน้าเบาๆ
ไม่นานสาวใช้อีกคนก็วิ่งตามเข้ามา รายงานด้วยเสียงหอบเหนื่อยว่า “นายหญิง คุณชายทั้งหลายที่มาเป็นแขกและเถ้าแก่เหวินซื่อแบ่งออกเป็นสองฝั่งขวางอยู่ที่หน้าประตูใหญ่และหน้าประตูเรือน บอกว่าจะให้ซื่อจื่อรับตัวท่านไปง่ายๆ มิได้เจ้าค่ะ”
หลังจากที่ทุกคนได้ยิน ต่างก็เงยหน้าแล้วเขย่งขาขึ้น แล้วมองไปทางข้างนอกด้วยความสงสัย
ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน ทนไม่ไหววิ่งออกไปดูความวุ่นวาย
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ปกติคนพวกนี้ก็ไม่ชอบอี้เซวียนกันอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องฉวยโอกาสครั้งนี้เพื่อแกล้งเขา แต่ว่า ตามนิสัยหน้าเนื้อใจเสือของอี้เซวียนแล้ว กลัวว่าคนพวกนี้จะทำอะไรไม่ได้
คิดถึงจุดนี้ ยิ้มกว้างขึ้นอีก นางกล้าใช้การเข้าห้องหอคืนนี้ท้าได้เลยว่า ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูปพวกเขาทั้งหกขวางไม่ได้แน่นอน
นอกประตูใหญ่ เหวินซื่อ เปาอีฝานและจูหลานทั้งสามใช้สายตาที่ภาคภูมิใจมากมองหวงฝู่อี้เซวียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าใหญ่ด้วยความมั่นหน้าภูมิใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส
หวงฝู่อี้เซวียนก็เห็นพวกเขาเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เปลี่ยน กระโดดลงจากหลังม้า เดินมาข้างหน้าทั้งสาม แล้วทำความเคารพ “ท่านทั้งสาม วันนี้เป็นวันมงคลของข้า ทุกท่านต้องการสิ่งใดขอให้เอ่ยปากพูดออกมา ข้าจะทำให้ทุกท่านพอใจแน่นอน แต่อยากให้ทุกท่านปล่อยข้าเข้าไปก่อน”
จูหลานคนโง่นี้ ครั้งก่อนตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บ พาทั้งครอบครัวมาเยี่ยมเยียน ก็รู้สึกได้ทันทีว่าท่าทางของหวงฝู่อี้เซวียนที่มีต่อเขานั้นแปลกๆ ขอแค่เขาคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็จะดำเหมือนก้นหม้อทันที จนถึงขั้นบางครั้งก็ไม่ให้พวกเขาทั้งสองคนเจอกัน จูหลานโมโหในใจ ในที่สุดวันนี้ก็ได้โอกาสนี้ จะไม่ให้เล่นใหญ่ได้เยี่ยงไร กล่าวออกมาว่า “หากอยากรับเมิ่งเชี่ยนโยวไป เจ้าต้องผ่านด่านนี้ของพวกข้าก่อน ไม่เยี่ยงนั้น เจ้าก็ไม่สามารถเป็นเจ้าบ่าวในวันนี้ได้อย่างง่ายดายแน่ๆ”
หวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ หรี่ตาลง สีหน้าไม่เปลี่ยน ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าทุกท่านจะแข่งอะไรกับข้า”
“รู้ว่าเจ้ามีเก่งวิชาต่อสู้ พวกข้าไม่แข่งต่อสู้กับเจ้า พวกข้าจะแข่งกินของกับเจ้า เจ้าคนเดียว กับพวกข้าสามคน หากฝั่งไหนกินได้น้อยฝั่งนั้นแพ้” จูหลานกล่าวด้วยเสียงดังชัดเจน
ฮ่ๆาๆ ชิงหลวนที่วิ่งออกมาหน้าประตูใหญ่เพื่อดูความวุ่นวายได้ยินคำพูดของจูหลาน ก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมา พวกเขาวางแผนกันอย่างลึกลับมาหลายวัน สุดท้ายคิดวิธีปัญญาอ่อนนี้มาแกล้งซื่อจื่อเนี้ยนะ แต่ก็ว่าไม่ได้ ไม่แน่ว่าวิธีนี้อาจชนะซื่อจื่อ ซื่อจื่อมีทั้งความรู้และวิทยายุทธ์ มีความสามารถในด้านบทกลอนกวี มีความสามารถในทุกด้าน มีเพียงด้านการกิน แม้ว่าเขาจะกินเก่งแค่ไหน แต่ก็มีแค่คนเดียว จะไปสู้ทั้งสามคนได้อย่างไร ก็ยิ่งตาโตด้วยความสงสัย ดูหวงฝู่อี้เซวียนว่าจะรับมืออย่างไร
จูหลานพูดเสร็จ ได้ยินเสียงร้องเห็นด้วยของคนที่มามุงดู เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้น ในใจก็ยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก มองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยสีหน้าชัยชนะอยู่ในกำมือตัวเอง
หวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ แสดงรอยยิ้มที่กว้างออกมาให้ทั้งสามคน
ในใจของทั้งสามกระตุกทันที สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เป็นจริงดังว่า รอยยิ้มของหวงฝู่อี้เซวียนยังไม่ทันหาย ก็มีองครักษ์ลับหลายคนกระโดดออกมาจากขบวนที่มารับตัวเจ้าสาว ทั้งสามยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็ถูกสกัดจุด ยืนอ้าปากนิ่งอยู่ที่หน้าประตู เคลื่อนไหวไม่ได้
ผู้คนที่มามุงดูก็ตาโต มองภาพตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
ปากของชิงหลวนอ้ากว้างสุด จนหวงฝู่อี้เซวียนก้าวขาเข้ามาในจวน จึงรู้สึกตัวขึ้นมา หัวเราะจนยืนไม่ไหวทันที รู้แต่แรกแล้วว่าซื่อจื่อมีวิธีรับมือกับพวกเขาแน่นอน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นวิธีง่ายๆ ตรงๆ เช่นนี้ ดูท่าทางเช่นนี้ซื่อจื่อใช้เวลาไม่นานก็สามารถพบนายหญิงแล้ว
ได้ยินเสียงหัวเราะของนาง รอยยิ้มมุมปากของหวงฝู่อี้เซวียนยิ่งกว้างขึ้น มองและเดินตรงไปทางเรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว
ซุนเหลียงไฉ เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนไม่คิดว่าด่านแรกจะถูกทำลายเร็วขนาดนี้ ยืนรอหวงฝู่อี้เซวียนเสียหน้าอยู่หน้าประตูเรือนด้วยความสบายใจ
ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาเร็วขนาดนี้ รีบยืนเตรียมพร้อม อ้าปากเตรียมพูด ก็มีคนกระโดดออกมาจากด้านหลังของหวงฝู่อี้เซวียน สกัดจุดบนตัวของทั้งสามอย่างรวดเร็ว
น่าสงสารทั้งสามคนนี้ เตรียมตัวมาหนึ่งวันหนึ่งคืนด้วยความตื่นเต้น แต่สุดท้ายยังไม่ทันเอ่ยออกมาสักคำ ก็กลายเป็นรูปปั้นไปทันที เบิกตาโต มองหวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไปในเรือนอย่างไม่รีบร้อนโดยที่ร่างกายของตนเคลื่อนไหวไม่ได้
คนที่อยู่ในห้องทุกคนรวมทั้งสี่ผอและกูกูที่มาจากในวัง ต่างก็มองออกไปด้านนอกด้วยตาโต รอดูว่าซื่อจื่ออ๋องฉีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงจะฝ่าด่านนี้ของทั้งสามได้อย่างไร แต่ก็ไม่คิดว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยออกมาสักคำ ให้คนสกัดจุดบนตัวของทั้งสามทันที แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทั้งหกคนนี้คิดด่านพวกนี้ขึ้นมา ไม่มีความยากอะไรเลย กลายเป็นของตกแต่งทันที
ทุกคนต่างมอง แล้วสบตากัน ไม่นานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนหลังคาห้องแทบปลิว
ภรรยาของซุนเหลียงไฉหัวเราะจนน้ำตาแทบไหลออกมา สามีที่ไม่เอาถ่านของตนนี้ ตอนที่เดินทางมายังตื่นเต้นคิดเรื่องแกล้งเจ้าบ่าวอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่โอกาสได้พูด เหมือนดั่งตอไม้ตั้งอยู่หน้าประตู
ซุนเชี่ยนหัวเราะจนลุกไม่ได้ หัวเราะแล้วตบไหล่ของเมิ่งเชี่ยนโยว “น้องเล็ก น้องเขยของข้าคนนี้…” ประโยคหลังจากนี้หัวเราะจนพูดออกมาไม่ได้
เมิ่งซื่อก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ความรู้สึกเสียใจในตอนแรก ได้ถูกเหตุการณ์ตลกนี้ทำให้มลายไปจนหมด
ฟังเสียงหัวเราะของคนในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดาได้เลยว่าหวงฝู่อี้เซวียนทำอะไรไปบ้าง รอยยิ้มมุมปากยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่ใส่ชุดแต่งงานสีแดง นั่งอยู่บนเตียงทันที หลังจากนั้นก็ไม่อาจละสายตาไปได้อีก เอาแต่เพ่งมองนางอย่างเดียว
รู้สึกถึงสายตาตรงๆ ไม่ปกปิด หน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวที่มีผ้าคลุมหัวปิดอยู่ ก็แดงก่ำไปทั้งหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวทีละก้าวอย่างมั่นคง แต่เมิ่งเสียนกลับเดินออกมาขวางหน้านางไว้ กล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ตามธรรมเนียมประเพณีของบ้านเกิด น้องสาวออกเรือนต้องให้พี่ชายแบกออกไป”
เมิ่งฉีก็มาขวางด้านหน้าเขาไว้
หากเป็นคนอื่นยังพอสามารถสกัดจุดบนตัว แล้วโยนออกไปได้ แต่เมิ่งเสียนและเมิ่งฉี หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าจริงๆ ถ้าหากเขาทำเยี่ยงนั้นกับทั้งสอง คิดว่าเขาน่าจะรับภรรยาไปไม่ได้แน่นอน
เห็นคนอยู่ต่อหน้า แต่แตะต้องไม่ได้ หวงฝู่อี้เซวียนร้อนใจมาก แสดงออกมาทางสีหน้า เคลื่อนสายตา เห็นเมิ่งซื่อ ร้องด้วยน้ำเสียงขอร้องว่า “ท่านแม่”
เมิ่งซื่อยิ้มแล้วตอบรับทันที
สี่ผอและกูกูที่มาจากในวังตกใจจนตาโตอีกครั้ง อ้าปากค้าง ซื่อจื่อเรียกเมิ่งซื่อว่าท่านแม่ต่อหน้าทุกคน นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่มีต่อครอบครัวเมิ่ง ความรักที่มีต่อเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งซื่อยิ้มแล้วกล่าวว่า “อี้เซวียน กฎของบ้านเป็นเช่นนี้จริงๆ แม่ช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ”
ประโยคเดียว ทำลายความหวังทั้งหมดของหวงฝู่อี้เซวียน เขากัดปากแน่น แล้วถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว หลบทางให้
เมิ่งเสียนเดินไปข้างเตียง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและอาลัยอาวรณ์ว่า “น้องเล็ก พี่แบกเจ้าขึ้นเกี้ยว จำไว้ว่า เจ้าเป็นคนที่มีพี่ชายคอยหนุนหลังอยู่เสมอ ถ้าหากวันใดอี้เซวียนทำให้เจ้าเสียใจ เจ้าต้องบอกพี่ พี่จะช่วยเจ้าแน่นอน”
ใช้ชีวิตมานานหลายสิบปี จึงจะเป็นการเปิดหูเปิดตาบรรดาสี่ผอจริงๆ บนโลกนี้ยังมีวันที่น้องสาวออกเรือน พี่ชายกล่าวประโยคเช่นนี้ให้เจ้าบ่าวฟังต่อหน้าทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าบ่าวยังเป็นซื่อจื่อแห่งอ๋องฉีคนเดียวในเมืองหลวง ที่ไม่เหมือนใครและยังเป็นที่หมายปองของหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนในเมืองหลวงอีกด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเบาๆ
พู่ห้อยบนผ้าคลุมหัวก็สะบัดไปมาตามหัวนางเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนางลอยตัวอยู่
เมิ่งเสียนอยู่หน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ก้มตัวลงไป “น้องเล็ก ขึ้นมาเถิด พี่แบกเจ้าขึ้นเกี้ยว”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น แนบตัวลงไปบนหลังของเมิ่งเสียน
เมิ่งเสียนแบกตัวนาง แล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างมั่นคง
เมิ่งฉีเดินตามอยู่ข้างๆ
เมิ่งซื่อยืนอยู่ในห้องไม่ขยับ มองดูเมิ่งเสียนแบกเมิ่งเชี่ยนโยวออกจากเรือนไป น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
ซุนเชี่ยนก็ไม่ได้ตามออกไป ดวงตาแดงก่ำ เดินไปข้างหน้าเมิ่งซื่อ กอดไหล่นางไว้ “ท่านแม่ น้องเล็กสมหวังแล้ว ท่านควรดีใจสิเจ้าคะ”
ซุนเหลียงไฉ เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนยื่นอยู่หน้าประตู มองดูทุกคนเดินผ่านหน้าตัวเองไป แต่ตัวเองกลับขยับตัวไม่ได้ ก่นด่าหวงฝู่อี้เซวียนที่หน้าเนื้อใจเสืออยู่ในใจไม่รู้กี่รอบ
เมิ่งเสียนแบกเมิ่งเชี่ยนโยวออกมานอกจวนอย่างมั่นคง มาถึงหน้าเกี้ยวเจ้าสาว สาวใช้ที่มารับตัวเจ้าสาวรีบเปิดผ้าม่านออกทันที เมิ่งเสียนไม่ขยับ หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลารีบรับตัวเมิ่งเชี่ยนโยวมา อุ้มนางไว้ แล้วค่อยๆ วางนางลงบนเกี้ยวอย่างมั่นคง
ทุกคนร้องปรบมือออกมาอีกครั้ง
เมิ่งเสียนตบไหล่ของหวงฝู่อี้เซวียนเบาๆ ต่อหน้าทุกคน “ต่อไปก็ฝากน้องเล็กไว้ที่เจ้า ดูแลนางให้ดี ไม่เช่นนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่”
หวงฝู่อี้เซวียนสัญญาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ กล่าวด้วยน้ำเสียนดังฟังชัดว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง วางใจเถิด ทั้งชีวิตข้าจะดูแลโยวเอ๋อร์อย่างดีแน่นอน”
เมิ่งเสียนก็กล่าวอีกครั้งว่า “เจ้าต้องทำให้ได้อย่างที่พูด”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า
เป็นครั้งแรกที่สี่ผอเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ตกใจกันหมด
หวงฝู่อี้เซวียนเดินมาข้างหน้าม้า แล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว แล้วโบกมือ
สี่ผอก็ร้องออกมาอย่างดีใจทันทีว่า “ขึ้นเกี้ยว”
เกี้ยวเจ้าสาวค่อยๆ ถูกยกขึ้นมา แล้วค่อยๆ ตามหลังหวงฝู่อี้เซวียนไปทางจวนอ๋องฉี
เดินมาไกลสักพัก หวงฝู่อี้เซวียนจึงจะค่อยๆ ทำสัญญาณมือขึ้นมา โจวอันที่อยู่ไกลมองเห็น เดินออกมา คลายจุดบนตัวของคนที่อยู่หน้าประตูใหญ่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในจวน คลายจุดบนตัวให้กับซุนเหลียงไฉทั้งสามคน แล้วตามขบวนรับตัวเจ้าสาวไป
ทันทีที่ซุนเหลียงไฉเป็นอิสระ ก็โมโหด่าออกมาทันที “อี้เซวียน เจ้ามันไม่ใช่คน กล้าใช้วิธีลอบโจมตีเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ให้ข้าเอ่ยปากพูดจบ เจ้าก็อย่าหวังว่าคืนนี้เจ้าจะได้เข้าห้องหอ”
พูดจบ ก็กล่าวกับเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนว่า “ไป เราไปดื่มสุรามงคลที่จวนอ๋องฉีกัน”
ในใจของทั้งสองกำลังอารมณ์เสียอยู่พอดี ได้ยินก็เดินตามซุนเหลียงไฉออกมาทันที โดยที่ไม่บอกกล่าวกับคนในครอบครัวเลย
จูหลาน เปาอีฝานและเหวินซื่อก็โมโหมากจนไม่มีที่ระบาย ได้ยินคำพูดของซุนเหลียงไฉ ก็รีบพยักหน้าทันที เรียกรถม้า ขึ้นนั่ง แล้วสั่งคนขี่รถม้าให้ไปจวนอ๋องฉี
คนที่มามุงดูที่ยังอยู่ในจวนไม่เห็นทั้งหกคน ก็ยังแปลกใจ คิดว่าทั้งหกคนรู้สึกเสียหน้าวันนี้ จึงหลบซ่อนตัวไป
แต่คนทั้งหกที่ทุกคนคิดว่าอายจนซ่อนตัว ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถม้าแล้ววางแผนเรื่องมอมสุราหวงฝู่อี้เซวียนในคืนนี้กันอย่างตื่นเต้น
หวงฝู่อี้เซวียนนั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่อยู่ข้างหน้า ขี่ช้าๆ คนยกเกี้ยวทั้งหลายยกเกี้ยวแล้วเดินตามหลังอย่างมั่งคง
ก่อนที่จะมารับตัวเจ้าสาว หวงฝู่อี้เซวียนสั่งแล้วว่า ถ้าหากทั้งแปดคนยกตัวเจ้าสาวไปถึงจวนอ๋องฉีอย่างมั่นคง จะให้รางวัลคนละหนึ่งร้อยตำลึง
หนึ่งร้อยตำลึง สำหรับพวกเขาที่เป็นคนยกเกี้ยวนั่นทำหลายปีก็หาไม่ได้เท่านี้ ทุกคนได้ยิน ก็ตื่นเต้นจนแทบกระโดดขึ้นมา พยักหน้ารับประกันทันที ว่าจะยกเกี้ยวกลับจวนอ๋องฉีอย่างมั่นคงแน่นอน ฉะนั้นทุกคนจึงลดความเร็วให้ช้าลงเล็กน้อย
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่รีบเร่ง ค่อยๆ ขี่ม้านำทางอยู่ด้านหน้า
จากจวนเมิ่งตลอดจนถึงจวนอ๋องฉี คนที่มามุงดูมีไม่ขาดสาย เมิ่งเชี่ยนโยวที่นั่งอยู่ในเกี้ยวได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนที่อิจฉามาตลอดทั้งทาง รอยยิ้มมุมปากยิ่งกว้างขึ้น ในขณะที่กำลังจะแอบเปิดผ้าคลุมหัวขึ้น เพื่อดูสถานการณ์ข้างนอก ก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที รีบใช้มือปิดปากไว้ บังคับให้ลงไป ค่อยๆ ใช้มือตีหน้าอกตัวเองเบาๆ จึงจะรู้สึกดีขึ้น
หวงฝู่อี้เซวียนที่นั่งอยู่บนหลังม้ารู้สึกได้ยินเสียงตบหน้าอกของนาง หันหลังไปดูอย่างไม่วางใจ สายตาเหมือนกับสามารถมองทะลุผ้าม่านหนาเข้าไป เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่อาการไม่ค่อยดี ขมวดคิ้ว อดกลั้นความรู้สึกที่อยากลงจากหลังม้า เพิ่มแรงขา เร่งม้าให้เร็วขึ้น
เขาเพิ่มความเร็วขึ้น คนที่ยกเกี้ยวก็ต้องเดินเร็วขึ้นแน่นอน เกี้ยวเจ้าสาวจึงโยกไปมา
ในใจของเมิ่งเชี่ยนรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทนไม่ไหวจริงๆ รีบร้องออกมาว่า “หยุดเกี้ยว”
สาวใช้ สี่ผอและคนที่ยกเกี้ยวต่างได้ยินเสียงตะโกนของนาง แล้วสบตากัน ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร
หวงฝู่อี้เซวียนที่ฟังเสียงเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดเวลาก็ได้ยินเสียงของนาง รีบหันหลังแล้วสั่งว่า “หยุดเกี้ยว”
คนที่ยกเกี้ยวหยุดทันที แล้วยืนอยู่ที่เดิม
หวงฝู่อี้เซวียนกระโดดลงจากหลังม้ามาที่หน้าเกี้ยวทันที รีบเปิดผ้าม่านออก แล้วกล่าวถามว่า “โยวเอ๋อร์ เป็นอะไรหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปิดปากตัวเองไว้ แล้วส่ายหัวไปมา
หวงฝู่อี้เซวียนมองไม่เห็นสีหน้าของนาง ก็ยิ่งร้อนใจ รีบเปิดผ้าคลุมหัวของนางขึ้นทันที “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นไร…”
อุ๊บ! โอ๊ก! สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวก็ทนไม่ไหว อ้าปากอ้วกพุ่งออกมาเลอะเต็มตัวหวงฝู่อี้เซวียนที่ยืนอยู่หน้าเกี้ยว
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามทางเมื่อครู่เงียบกริบลงทันที