คนทึ่มทั้งสองพบเจอกัน แน่นอนว่าต้องเข้ากันได้ดี พากันไปยังเรือนที่เหวินซื่อพักอยู่ ฉวยโอกาสตอนที่เฝิงจิ้งเหวินไม่อยู่ กระซิบหารือกันเหมือนโจรเกือบครึ่งค่อนวัน จึงจะเดินออกมากันทีละคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย มุ่งไปยังเรือนของเปาอีฝาน
เหวินซื่อและเปาอีฝานสนิทกันอยู่แล้ว ทั้งสองพบเจอกันก็ไม่มีแม้แต่คำทักทาย แค่มองสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เปาอีฝานยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราสี่คนคิดวิธีดีๆ เพื่อขัดขวางเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ได้หนึ่งวิธี พวกเจ้าทั้งสองอยากฟังหรือไม่”
เหวินซื่อและซุนเหลียงไฉสบตากัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “พอดีเลย พวกข้าก็คิดได้หนึ่งวิธี พวกเราพูดออกมาทั้งสองวิธี ดูว่าวิธีของใครดีกว่า”
ทุกคนพยักหน้า
เหวินซื่อเอ่ยวิธีของทั้งสองออกมาก่อน ถูกเปาอีฝานส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้ วิชาต่อสู้ของเจ้าบ่าวดีเกินไป พวกเราทั้งหมดสู้กับเขาก็ไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“เช่นนั้น พวกเจ้าลองบอกวิธีของพวกเจ้ามา” เหวินซื่อกล่าว
เปาอีฝานเอ่ยความคิดที่ทั้งสี่คนปรึกษากันเมื่อครู่ออกมา แต่ก็ถูกซุนเหลียงไฉปฏิเสธ “วิธีของพวกเจ้ายิ่งไม่ได้เลย เจ้าอี้เซวียนนั่น มีความจำเป็นเลิศ คำศัพท์สำหรับเขานั้นง่ายมาก”
อันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ หรือต้องปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปจริงๆ ทุกคนต่างสบตากันและกัน แล้วส่ายหัวพร้อมกัน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่หายากมาก ถ้าพลาดครั้งนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้ว อย่างไรก็ต้องแกล้งหวงฝู่อี้เซวียนเพื่อกำราบความเย่อหยิ่งของเขา ดังนั้น ชายหนุ่มทั้งหกจึงคิดวางแผนเรื่องแกล้งหวงฝู่อี้เซวียนในวันพรุ่งนี้ลับหลังคนในครอบครัว โดยที่คิดว่าไม่มีใครรู้แน่นอน
ไม่รู้เลยว่า พอหวงฝู่อี้เซวียนได้ยินว่าทั้งหกคนหน้าด้านพักอยู่ในจวนของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เดาได้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา ยิ้มแปลกๆ ออกมา เรียกโจวอันแล้วสั่ง
โจวอันหยุดชะงักไป เงยหน้าขึ้น ตาโต มองเจ้านายที่ลึกลับคนนี้ของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทำตามคำสั่งก็พอ ไม่งั้นรอจนพรุ่งนี้ฟ้ามืด ข้าก็รับโยวเอ๋อร์เข้าเรือนไม่ได้”
โจวอันก้มหน้า รับคำสั่ง แล้วถอยออกไป ในใจก็ภาวนาเผื่อคนทั้งหกที่โชคร้ายอย่างเงียบๆ ขอให้พรุ่งนี้ทั้งหกอย่าหาเรื่องเจ้านายเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าแม้แต่งานแต่งงานขององค์หญิงชิงเหอก็เข้าร่วมไม่ได้
แต่คนทั้งหกก็ยังคงวางแผนกันอย่างเมามันโดยที่คิดว่าไม่มีใครรู้แน่นอน
จนไม่มีอะไรพูดอีกเลยทั้งคืน
วันที่สอง ตั้งแต่เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวที่รู้สึกว่าเพิ่งได้นอนถูกเมิ่งซื่อเรียกให้ตื่นขึ้นมา แล้วให้ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวให้นาง
เมิ่งเชี่ยนที่ง่วงจนเอนตัวไปมาถูกซุนเชี่ยนพยุงตัวล้างหน้าให้ก่อน หลังจากนั้นก็มีสี่ผอหลายท่านที่จวนอ๋องฉีใส่ใจนางจึงเชิญให้มาช่วยกำจัดขนอ่อนบนใบหน้าให้นาง
ตอนที่อยู่หมู่บ้านเคยเห็นการกำจัดขนเช่นนี้ พูดตรงๆ ก็คือการใช้วิธีพิเศษถอนขนบนใบหน้าออกมาทั้งหมด อย่าว่าแต่พบเจอเองเลย แค่คิดเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกเจ็บแล้ว เห็นสี่ผอท่านหนึ่ง ถือเส้นด้ายแล้วเดินตรงมาทางตัวเอง ความง่วงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็หายไปทันที ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วกอดแขนของซุนเชี่ยนไว้ ร้องออกมาอย่างตกใจว่า “พี่สะใภ้ช่วยข้าด้วย ข้าไม่กำจัดขน มันเจ็บเกินไป”
ข่าวลือในเมืองหลวง เล่ากันว่าองค์หญิงชิงเหอท่านนี้มีวิชาต่อสู้ในตัว ฆ่าคนโดยที่ตาไม่กะพริบ หากไม่ใช่เป็นเพราะคนในจวนอ๋องฉีไปเชิญเองถึงั้ ให้ตายเหล่าสี่ผอทั้งหลายก็ไม่มา แต่พอเห็นท่าทางกลัวเจ็บเหมือนเด็กของนางแล้ว ในขณะที่หลุดหัวเราะออกมา ในใจก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อนางไปด้วย
สี่ผอที่เดินออกมายิ้มแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงชิงเหออย่าได้กลัวเลยเจ้าค่ะ พระชายาได้สั่งไว้แล้ว แค่ถอนเป็นพิธีไม่กี่ครั้งก็พอ ไม่เจ็บแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับมา มองนางแล้วกล่าวถามนางอย่างไม่เชื่อว่า “จริง จริงหรือ”
สี่ผอพยักหน้า “จริงเจ้าค่ะข้าแก่อายุปูนนี้แล้ว ไม่โกหกแน่นอน”
ซุนเชี่ยนก็ยิ้มแล้วดันนางให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้ “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ ทนไม่นานก็ผ่านไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง มองเส้นด้ายในมือของสี่ผอ ตกใจกลัวจนหลับตาลง ท่าทางราวจะทุ่มสุดตัว “มาเถิด”
สี่ผอหัวเราะออกมา แล้วก้าวเข้าไป ถอนบนใบหน้านางไม่กี่ครั้งพอเป็นพิธี ก็หยุดลง ยิ้มแล้วกล่าวถามว่า “องค์หญิงชิงเหอ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ รู้สึกเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลืมตาขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านรักษาคำพูดจริงๆ ด้วย ไม่เจ็บจริงๆ ”
พูดจบ ก็สั่งชิงหลวน “ให้สี่ผอทุกคนคนละห้าสิบตำลึง”
สี่ผอทุกคนรีบโบกมือพร้อมกัน “ไม่ต้องเจ้าค่ะไม่ต้อง พระชายาให้พวกข้าแล้ว”
“เช้าขนาดนี้ ต้องลำบากพวกท่านตื่นมา ข้ารู้สึกเกรงใจจริงๆ พระชายาให้ก็คือส่วนของพระชายาให้ ข้าให้ก็คือส่วนของข้าให้ พวกท่านอย่าได้เกรงใจเลย รับไว้เถิด”
ทุกคนก็เป็นสี่ผอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เรื่องส่งตัวเจ้าสาวออกเรือนเช่นนี้ทำมาไม่น้อย แต่เรื่องที่รับเงินสองรอบเช่นนี้ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งสองคนก็เป็นเจ้านายที่ใจกว้าง พระชายาฉีก็ให้ห้าสิบตำลึงเช่นกัน จึงดีใจมาก รีบกล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวยกใหญ่ ความดีใจในน้ำเสียงปิดไม่มิด “ขอบพระทัยองค์หญิงชิงเหอเจ้าค่ะ”
กำจัดขนบนใบหน้าเสร็จ ต่อมาก็คือแต่งหน้า พูดจริงๆ ความงามในยุคโบราณนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าชมเลยจริงๆ แม้ว่านางจะบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แต่ก็ทนต่อไปไม่ได้ บอกกับกูกูที่มาจากในวังว่า “กูกูลำบากแล้ว เดี๋ยวข้าแต่งหน้าเองเถิด”
คนที่สามารถใช้ชีวิตในวังแล้วยังมีชื่อเสียง ล้วนเป็นคนที่ฉลาด จะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนางได้เยี่ยงไร วางเครื่องมือที่ใช้ในการแต่งหน้าทั้งหมดไว้ข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ หากท่านมีเรื่องอะไรให้ข้าน้อยทั้งหลายช่วย เอ่ยออกมาได้เลยนะเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากสั่งให้ชิงหลวนให้พวกเขาคนละห้าสิบตำลึงเช่นกันแล้ว ก็หยิบเครื่องมือขึ้นมาแล้วเริ่มแต่งหน้ากับคันฉ่องทันที
ชาติที่แล้วเป็นนักฆ่าอันดับต้นๆ ต้องแต่งหน้าเป็นอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือฝีมือของนางนั้นเก่งกว่าทุกคนมาก หลังจากเช็ดๆ ถูๆ อยู่หน้ากระจกเสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น กล่าวกับซุนเชี่ยนว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
คนตรงหน้าตาใสฟันขาว ผิวขาวสวย ตาโต คิ้วหนา ยิ่งริมฝีปากแดงๆ นั้น ทำให้คนเห็นแล้วอยากกัดเข้าทีหนึ่ง ซุนเชี่ยนทำตาโต กล่าวด้วยความตกใจว่า “น้องเล็ก เจ้าแต่งหน้าได้งามมาก”
กูกูที่มาจากในวังนั้นมีอายุหลายสิบปีแล้ว ไม่เพียงแต่เคยแต่งหน้าให้เจ้านายในวังแล้ว ยังเคยอบรมให้นางกำนัลในวังโดยเฉพาะ สำหรับเมิ่งเชี่ยนโยวที่ขอร้องแต่งหน้าเองนั้น แม้ว่าปากจะเอ่ยตกลง แต่ในใจนั้นคัดค้านมาก ได้ยินก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ให้ข้าน้อยทั้งหลายดูหน้าที่แต่งขององค์หญิงชิงเหอได้หรือไม่เจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไป ทุกคนในห้องก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นี่ แต่งหน้าได้สวยงามมาก เพิ่มเข้าไปก็จะรู้สึกเยอะเกินไป ลบออกไปก็จะน้อยไป ทั้งใบหน้าที่แต่งหาที่ติไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
หยุดชะงักไปสักพัก กูกูท่านหนึ่งจึงจะหาเสียงของตัวเองเจอ กล่าวออกมาว่า “องค์หญิงชิงเหอเจ้าคะ หากท่านมีเวลาว่าง ข้าน้อยทั้งหลายอยากให้ท่านสอนได้หรือไม่”
คนในวังนั้นเป็นคนเช่นไร ล้วนเป็นคนเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เอ่ยคำนี้ออกมาได้นั้นหมายความว่ายอมรับทั้งปากและใจจริงๆ
แต่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตกลง ยิ้มแล้วกล่าวรักษาหน้าตาของหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ออกเรือนไปต้องฟังสามี หากซื่อจือตกลง ข้าก็ไม่ปฏิเสธ”
กูกูทั้งหลายหยุดชะงักไป หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนในใจ ฝั่งซื่อจือพวกนางจะกล้าเอ่ยได้อย่างไร หรือว่าต้องลงมือฝั่งพระชายาฉี เอาใจนาง องค์หญิงชิงเหอต้องฟังคำพูดของแม่สามีแน่นอน เช่นนี้พวกนางจะมีความหวังมากกว่า
แม้แต่ชิงหลวนและจูหลีก็ไม่เคยเห็นหน้าที่แต่งแล้วของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ตกใจเหมือนกัน กล่าวชมออกมาว่า “นายหญิง วันนี้ท่านสวยมาก”
จางลี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ใช่ แม้แต่พวกเราเห็นตะลึง หากซื่อจือเห็น ต้องยืนตาค้างจนก้าวขาไม่ออกแน่ๆ”
ทุกคนหัวเราะ
เมิ่งเชี่ยนโยวอายหน้าแดง
รอจนเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมเสร็จหมดแล้ว ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว เมิ่งซื่อเดินเข้ามาด้วยตาที่เริ่มแดงก่ำ เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่คลุมผ้าคลุมหัว เห็นสีหน้าของนาง ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที น้ำตาเริ่มคลออยู่ในดวงตา
ซุนเชี่ยนและหวังเยียนก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เช่นกัน ตาก็เริ่มแดงก่ำ
บรรยากาศในห้องเศร้าลงเรื่อยๆ
กูกูทั้งหลายเป็นคนแก่กันแล้ว เห็นเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง รีบกล่าวว่า “องค์หญิงชิงเหอ ท่านอย่าร้องไห้เลย ไม่เยี่ยงนั้นหน้าที่เพิ่งแต่งเสร็จของท่านจะเลอะน้ำตาได้เจ้าค่ะ”
กูกูอีกคนก็ปลอบเมิ่งซื่อว่า “ฮูหยินเมิ่งเจ้าคะ องค์หญิงชิงเหอนั้นโชคดี ที่ได้แต่งกับหวงฝู่ซื่อจือผู้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวในเมืองหลวงที่ยังไม่ออกเรือนทุกคน ท่านควรดีใจ วันมงคลอย่างนี้อย่าได้เสียใจอีกเลยเจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อพยักหน้า กล่าวกลบเกลื่อนว่า “นี่ข้าไม่ได้เสียใจ ข้าดีใจต่างหาก ที่ในที่สุดโยวเอ๋อร์และเซวียนเอ๋อร์ก็แต่งงานกันสักที”
ทุกคนเชื่อ ต่างคนต่างยิ้มขอบคุณกัน
มีเพียงเมิ่งเชี่ยนโยวที่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นในน้ำเสียงของนาง ลุกขึ้นมา แล้วกอดแขนของนางไว้ “ท่านแม่ หากท่านยังอาลัยอาวรณ์ หลังจากข้าแต่งงานแล้ว ท่านและท่านพ่อก็อยู่ที่เมืองหลวงเลยนะเจ้าคะ ข้าจะกลับมาหาท่านที่จวนทุกวันเลยเจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อยิ้มแล้วตบมือนางเบาๆ “เจ้าลูกโง่ มีลูกสาวผู้ใดแต่งออกเรือนแล้วยังกลับจวนแม่ทุกวัน”
ซุนเชี่ยนปลอบใจอีกครั้ง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันมงคลของน้องเล็ก ท่านรอคอยวันนี้มานานแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ วันนี้มาถึงแล้ว ท่านควรดีใจสิเจ้าคะ”
เมิ่งซื่อพยักหน้า ปกปิดอารมณ์ของตัวเอง “แม่ดีใจ แม่ดีใจจริงๆ”
มีเสียงดังจากกลองที่มารับตัวเจ้าสาวมาแต่ไกล มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอก รายงานอย่างดีใจว่า “นายหญิง ซื่อจือมารับตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ”