บทที่ 2457 รอดพ้น 2 / บทที่ 2458 รอดพ้น 3

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2457 รอดพ้น 2

องครักษ์จินและองครักษ์หวาตอบรับ รีบเข้าไปทันที

นอกรถมีเพียงอวิ๋นเยียนหลีและกู้ซีจิ่ว มีกู้ซีจิ่วอยู่ตรงนี้ อวิ๋นเยียนหลียังคงวางใจยิ่งนัก

ไม่ว่ามหาเทพที่อยู่ด้านในจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ตี้ฝูอีก็ไม่มีทางทิ้งกู้ซีจิ่วไว้แล้วหนีไปคนเดียว…

เนื่องจากมหาเทพชอบความสงบ ทั้งสองจึงไม่คุยกันมากนัก กู้ซีจิ่วยังคงสอบถามถึงที่อยู่ของจู๋ตู๋ชิง อวิ๋นเยียนหลีก็ตอบไปตามจริง บอกว่าคุณชายไผ่ขจีจากไปแล้ว ไม่ทราบเบาะแส…

สายตาของอวิ๋นเยียนหลีจับจ้องที่หน้ากู้ซีจิ่ว

“ซีจิ่ว คุณชายไผ่ขจีกราบเจ้าเป็นอาจารย์จริงหรือ?”

กู้ซีจิ่วนิ่งไปเล็กน้อย ตอบกลับสั้นยิ่ง

“ใช่แล้ว”

“กล่าวเช่นนี้คือ ช่วงก่อนเจ้าไปอาณาจักรมารมาหรือ? มิน่าล่ะข้าถึงตามหาเจ้าไม่เจอ ทำให้ข้าเป็นห่วงอยู่ตั้งนาน”

กู้ซีจิ่วหัวเราะฮ่าๆ

“แค่ไม่อยากให้พี่อวิ๋นเป็นห่วงข้า ถึงไม่บอกเจ้าไงล่ะ”

“ซีจิ่ว เจ้าขวัญกล้าเกินไปแล้ว เจ้าเป็นเซียนบริสุทธิ์ เข้าสู่อาณาจักรมารจะถูกไอมารทำร้ายได้ง่ายดายยิ่ง…เจ้าเข้าไปทำไม?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ยิ้มมิเชิงยิ้ม

“อะไรกัน? พี่อวิ๋นจะสอบสวนข้าหรือ?”

“ใช่ที่ไหนกัน! ซีจิ่วเจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าแค่อยากรู้อยากเห็นไปบ้างเท่านั้น”

กู้ซีจิ่วถอนหายใจ เอ่ยทีเล่นทีจริง

“พี่อวิ๋น บางครั้งความอยากรู้อยากเห็นก็ฆ่าแมวได้นะ”

อวิ๋นเยียนหลีก้าวเข้าไป

“ใช่แล้ว ซีจิ่ว ข้ายอมรับว่ามิใช่ความอยากรู้อยากเห็นอย่างเดียว อาณาจักรมารก่อกรรมทำชั่วมานานแล้ว ข้าอยากไปปราบปรามที่นั่นมาโดยตลอด พิชิตที่นั่น มอบความสงบสุขให้ปวงชน แต่ไอมารของอาณาจักรมารหนักหนาเกินไป คนของข้าเข้าไปไม่ได้ ซีจิ่วหากว่าเจ้ามีวิธีดีๆ มิสู้บอกกล่าวแบ่งปันกันสักหน่อย…”

เขาพูดจาใหญ่โตเลิศหรู แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ

“ที่แท้พี่อวิ๋นก็คิดจะครอบครองอาณาจักรมาร ทะเยอทะยานไม่เบานี่!”

“ซีจิ่ว ข้าแค่อยากล้างบางเผ่ามาร กำจัดภัยให้ปวงชน วันหน้าข้าจะให้เจ้าได้ครอบครองอาณาจักรมาร หรือจะยกให้คุณชายฝูอีเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรมารก็ไม่ว่ากัน…”

ตอนที่เขาเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา ได้จ้องตากู้ซีจิ่วเขม็ง ราวกับต้องการจะมองหาพิรุธจากดวงตานาง

กู้ซีจิ่วกลับมีสีหน้าราบเรียบ

“เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง พี่อวิ๋น เมื่อครู่มิใช่เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะรายงานต่อองค์มหาเทพหรอกหรือ? ตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่แล้ว ไม่สู้บอกข้ามาหน่อย?”

อวิ๋นเยียนหลีเงียบไปเล็กน้อย

“…เรื่องนี้ ซีจิ่ว บอกให้เจ้าฟังก็ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่เรื่องนี้เล่าไปแล้วยาวนัก มิใช่จะพูดให้กระจ่างได้ในสองสามประโยค…”

เขาพูดพลางมองไปที่รถม้าอีกครา…

ม่านรถหนาทึบ เขามองไม่เห็นอะไรเลย

องครักษ์จินและองครักษ์หวาเข้าไปสี่ห้านาทีเต็มแล้ว ยังไม่ออกมาเลย…

“ท่านเจ้าเมือง”

เกิดเสียงลมดังขึ้นไกลๆ คนสี่คนปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ รถม้าคันนี้ ทำความเคารพอวิ๋นเยียนหลีอย่างพร้อมเพรียง

สี่คนนี้คือลูกน้องที่ทรงความสามารถของอวิ๋นเยียนหลี และเป็นคนที่เคยเห็นองครักษ์จินและองครักษ์หวามาแล้ว พวกเขาเห็นสัญญาณจึงตามมาหา

“ท่านเจ้าเมือง เรียกพวกเรามามีเรื่องใดจะสั่งการหรือขอรับ?”

อวิ๋นเยียนหลีมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามพวกเขา

“พวกเจ้ารู้จักจินเมิ่งโจวและหวาเฉียนจวิ้นสององครักษ์หลวงของราชันแห่งอาณาจักรมารหรือไม่?”

สี่คนนั้นค้อมกายอย่างพร้อมเพรียง

“รู้จักขอรับ!”

“ดีมาก!”

อวิ๋นเยียนหลียิ้มแล้ว พลันฉวยข้อมือของกู้ซีจิ่วไว้

“ซีจิ่ว ข้าจะให้เจ้าได้ชมเรื่องครื้นเครงฉากใหญ่!”

เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะสะบัดมือเขาออก แต่สะบัดอยู่พักหนึ่งก็ไม่หลุด เธอจึงปล่อยให้เขาจับไว้เสียเลย

“เรื่องครื้นเครงอะไร?”

มุมปากอวิ๋นเยียนหลีหยักยิ้มเยียบเย็น

“ข้าสงสัยว่าสององครักษ์หลวงของอาณาจักรมารจะประสงค์ร้ายต่อฝ่าบาทเนี่ยนโม่ จงใจปลอมแปลงฐานะมารับใช้อยู่ข้างกายฝ่าบาทเนี่ยนโม่ ข้าผู้เป็นเจ้าเมืองจะเปิดโปงพวกเขา!”

————————————————————————————-

บทที่ 2458 รอดพ้น 3

พลันตวัดมือ ฟาดลำแสงสีทองจางๆ สายหนึ่งใส่รถม้า!

เกิดเสียงดัง ‘เปรี้ยง!’ รถม้าที่ดูแข็งแรงไร้เทียมทานแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไปรอบทิศ

ต่อจากนั้น อวิ๋นเยียนหลีก็แข็งทื่อไปเลย!

รถม้าที่เคยโอ่อ่างดงามเหลือเพียงแกนรถเท่านั้น หลังจากตัวรถหายไป คนสี่คนที่เดิมทีอยู่ในรถม้าก็หายไปด้วย แม้แต่มุมชุดก็ไม่เห็นเลย

เป็นไปไม่ได้กระมังที่ยอดฝีมือเช่นสี่คนนั้นจะถูกระเบิดจนแหลกเละไปด้วย?!

ยิ่งไปกว่านั้นคือฝ่ามือนั้นของอวิ๋นเยียนหลีเพียงซัดใส่ตัวรถเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ทุ่มพลังออกไป เป็นไปไม่ได้ที่จะระเบิดคนในรถให้แหลกเป็นผุยผงปลิดปลิวไป…

อวิ๋นเยียนหลีมองไปรอบข้างตามสัญชาตญาณ ต้องการค้นหาเงาร่างของสี่คนนั้น…

ทันใดนั้นเบื้องหน้าพลันนองไปด้วยน้ำหมึก น้ำหมึกดำสนิทสายหนึ่งถูกพ่นใส่หน้าเขาอย่างจัง!

ด้วยระยะที่ใกล้กันเกินไป เขาจึงตั้งรับสิ่งที่ถูกพ่นออกมาไม่ทัน กลิ่นหมึกฟุ้งเข้าจมูก พ่นใส่จนเขาลืมตาแทบไม่ขึ้น

เขาตะลึงยิ่งนักอยู่ครู่หนึ่ง ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะกุมข้อมือกู้ซีจิ่วไว้แน่น

ขอเพียงเขาจับนางไว้ได้ก็นับว่ามีชัยไปครึ่งหนึ่งแล้ว!

มือซ้ายของเขาดึงนางไว้ ส่วนมือขวาร่ายอาคมคิดจะทำความสะอาดใบหน้าสักหน่อย อย่างน้อยก็ล้างตาก่อน

คาดไม่ถึงว่าอาคมนี้ของเขายังไม่ทันได้สำแดงออกมา จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามือซ้ายดึงได้เพียงเพียงความว่างเปล่า…

เขาตกใจจนหน้าถอดสี!

เขาสัมผัสได้ว่าในมือยังกุมมือข้างหนึ่งเอาไว้…

เขาเร่งรีบล้างอย่างสุดชีวิต ลืมตาขึ้นมา มองที่มือซ้ายของตน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมหาศาล

มือซ้ายของเขายังคงกุมมือน้อยข้างหนึ่งเอาไว้ แต่ก็เหลือแค่มือข้างหนึ่งเท่านั้น เจ้าของมือกลับหายตัวไปแล้ว

เพื่อให้รอดพ้นไม่น่าเชื่อเลยว่านางจะตัดข้อมือตนทิ้งได้อย่างไม่เสียดาย!

มือเท้าของอวิ๋นเยียนหลีเย็นเฉียบไปหมดแล้ว!

เขามองดูร่างตนอีกครั้ง เประเปื้อนสิ่งที่คล้ายกับน้ำหมึกไปทั่วทั้งศีรษะ บนสาบเสื้อก็เปื้อนไม่น้อยเช่นกัน สิ่งนี้แฝงกลิ่นคาวอย่างหนึ่งเอาไว้เล็กน้อย ไม่รู้ว่ามีพิษหรือไม่

เขาไม่สนใจคราบสกปรกบนร่าง รีบกวาดสายตามองรอบข้าง แต่รอบข้างเหลือเพียงลูกน้องทั้งสี่ของเขา กู้ซีจิ่วหายตัวไปอย่างไร้ร้องรอย

“นางล่ะ?!”

เขาตะคอกถามลูกน้องที่อยู่รอบๆ ด้วยเสียงที่ทรงพลัง

ลูกน้อยของเขาก็ถูกฉากนี้ทำให้ตกตะลึงเช่นกัน มีคนหนึ่งเอ่ยตอบ

“เมื่อกี้…เมื่อกี้นางยังอยู่…”

“ม…แม่นางผู้นี้เป็นภูตปลาหมึกหรือ? เมื่อกี้จู่ๆ นางก็อ้าปากพ่นน้ำหมึกใส่ท่านเจ้าเมือง…”

“ท่านเจ้าเมืองขอรับ หมึกนี้มีพิษหรือเปล่าไม่รู้ ท่านเจ้าเมืองรีบล้างออกเถิดขอรับ…”

ลูกน้องทั้งสี่ต่างพูดขึ้นมาอย่างเจ้าคำข้าคำ

พ่นหมึกออกจากปาก?

อวิ๋นเยียนหลีทราบความร้ายกาจด้านศาสตร์พิษของกู้ซีจิ่วดี แต่ยามที่นางวางยาพิษล้วนทำอย่างเงียบเชียบไร้กลิ่นไร้เสียง ส่วนการพ่นออกมาจากปาก…

น้ำหมึกมากมายขนาดนี้นางซ่อนไว้ตรงไหนกันล่ะ?

ผิดปกติ!

บางทีนางอาจจะไม่ใช่นางเลยก็ได้!

อวิ๋นเยียนหลีรีบมองมือขาดๆ ที่ยังจับไว้แน่นทันที มือข้างนั้นนวลเนียนเรียวบาง รอยขาดก็ตัดได้เรียบเนียนเสมอกัน ทำให้คนเห็นแล้วไม่หวาดผวา ซ้ำยังแฝงความงามอันโหดเหี้ยมประการหนึ่งเอาไว้ด้วย

เขานิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ยกมือข้างนั้นขึ้นมาจรดปลายจมูกสูดดมกลิ่นอายบนมือ…

ลูกน้องสี่คนนั้นของเขากลั้นหายใจมองเขา นี่ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาทำอะไรอยู่? เป็นเพราะชอบแม่นางผู้นั้น หาเศษหาเลยแม้แต่มือที่ขาดแล้วของผู้อื่นหรือ? รสนิยมประหลาดนัก!

อวิ๋นเยียนหลีนำมือขาดๆ ข้างนั้นมาดมแล้วดมอีก พลันเงยหน้าขึ้นยิ้มแวบหนึ่ง คล้ายจะโล่งใจยิ่ง

“ไม่ใช่ของนาง!”

เหล่าลูกน้องสะดุ้งโหยง

หมายความว่ายังไง?

หลังจากอวิ๋นเยียนหลีเอ่ยประโยคนี้จบ คล้ายจะนึกอะไรได้อีกครั้ง รอยยิ้มตรงมุมปากกลายเป็นโทสะ

“กู้ซีจิ่ว…”

ตอนที่เขาเปล่งสามคำนี้ออกมาจากปาก คล้ายจะกัดฟันอยู่

ทั้งโกรธเคืองทั้งจนปัญญา แฝงความเหี้ยมเกรียมไว้เล็กน้อยด้วย

ปลายนิ้วเขาดีดลงบนมือขาดๆ ข้างนั้น