ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ศึกในครั้งแรกจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเซียวอวี๋ ประเมินโดยคร่าวแล้วศาสนจักรมีไพร่พลบาดเจ็บล้มตายอย่างน้อยห้าแสนนาย ซึ่งหากกล่าวตามจริงก็คงมีมากกว่านั้น
ประชาชนภายในเมืองไลอ้อนต่างก็โห่ร้องอย่างยินดี และพวกเขาก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับอสูรเหล็ก
ผู้ที่สงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าชาวเมืองไลอ้อนก็คือ เออซ่า พลังทำลายล้างยามที่รถถังขับพุ่งโจมตีได้ประทับอยู่ในใจของเขาอย่างลึกล้ำ และเขาทราบดีว่า หากยังไม่สามารถหาวิธีรับมือกับเจ้าสิ่งนี้ได้ ศึกครั้งหน้าก้คงมีผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
เขาได้เรียกตัวพาลาดินที่เคยพยายามโจมตีใส่รถถังเข้ามาสอบถาม และได้ความว่าเกราะของรถถังนั้นหนายิ่ง กระทั่งพาลาดินขั้นที่ห้าก็ยังไม่อาจเจาะทะลวงได้ในเวลาอันสั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเซียวอวี๋ยังได้จัดกองกำลังพิเศษคอยคุมครองอยู่ข้างรถถัง ดังนั้นการจะเข้าถึงรถถังได้จึงไม่ง่ายเลย
“เจ้าเซียวอวี๋ผู้นั้นมันอย่างไรกันแน่? ไฉนจึงมีแต่สิ่งของประหลาดในครอบครอง แล้วยังยอดฝีมือกลุ่มนั้นอีก ไม่แปลกที่สมเด็จพระสันตะปาปาจะมีบัญชาให้เร่งกำจัด หากปล่อยไว้นานไป ภายภาคหน้าคงไม่อาจจัดการเขาได้อีกแล้ว”
เออซ่าพลันเข้าใจความรู้ของพระสันตะปาปาขึ้นมา และในเวลาเดียวกัน เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวเมื่อต้องหาวิธีกำราบดินแดนไลอ้อน
ข้อได้เปรียบเดียวที่เขามีอยู่ก็คือ จำนวนพลรบที่มากกว่า
ทหารของศาสนจักรมีมากมายยิ่ง อันที่จริงแล้ว ทั้งโลกต่างก็ประเมินจำนวนไพร่พลของศาสนจักรผิดไป ซึ่งจำนวนที่แท้จริงนั้นเรียกได้ว่าอยู่เหนือจินตนการของทุกฝ่ายไปมาก
ความเร็วในการเผยแผ่ลัทธินั้นรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง และแน่นอนว่ามันย่อมไม่ใช่การเผยแพร่ศาสนาโดยวิธีการทั่วไป การจะเปลี่ยนผู้คนให้หันมาศรัทธาความเชื่อเดียวกับตนนั้นจำต้องใช้เวลาช่วงใหญ่ ซึงนั่นเป็นสิ่งที่ศาสนจักรไม่อาจแบกรับ
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้วิธีการที่จะทำให้จำนวนของสาวกเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อขยับขยายกองทัพ
ในเมื่อมีเปรียบด้านจำนวน พวกเขาย่อมไม่ละทิ้งจุดเด่นหันมาใช้จุดด้อยสู้รบกับศัตรู เออซ่าเริ่มวางแผนการบุกตีเมืองไลอ้อนอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะมุ่งเน้นไปที่กำแพงเมือง
ตราบที่กำแพงเมืองพังทลายลง กองทัพของดินแดนไลอ้อนก้จะถูกจับแยกออกจากกันทันที และพวกเขาย่อมไม่อาจต้านทานคลื่นนักรบของศาสนจักรที่กระหน่ำกลุ้มรุมจากรอบทิศทาง
ทางฝ่ายดินแดนไลอ้อนที่เพิ่งชนะศึกย่อมมีขวัญกำลังใจสูงเทียมฟ้า พวกเขาคิดว่าท้ายที่สุดแล้วชัยชนะจะต้องเป็นของดินแดนไลอ้อน
ครึ่งเดือนถัดมา เออซ่าไม่ได้โจมตีเมืองไลอ้อนอีก นี่ทำให้เซียวอวี๋ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น ยิ่งศัตรูสงบเสงี่ยมมากเพียงใด ศึกครั้งต่อไปก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น
เซียวอวี่ตระหนักดีว่าจำนวนทหารของศาสนจักรนั้นน่ากลัวเพียงใด ลือกันว่าองค์กรการค้าที่ยิ่งใหญ่ลำดับต้นๆของทวีปอย่าง ค้อนเทพสงครามมีศาสนจักรลอบให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
จึงพอจะจินตนาการได้ว่าศาสนจักรถือครองทรัพยากรและยุทธ์ภัณฑ์ไว้มากเพียงใด
ด้วยกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมของเซียวอวี๋ ก่อนหน้านี้จึงคว้าชัยชนะเหนือกองทัพศาสนจักรได้อย่างท่วมท้น ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่ได้แม้แต่นำอาวุธสงครามออกมาต่อกร หากว่าครั้งก่อนอีกฝ่ายนำอาวุธเหล่านั้นออกมาใช้ ผลลัพธ์ที่ออกมาคงยากคาดเดา
เซียวอวี๋ตัดสินใจส่งทัพอันเดดไปลอบโจมตีอีกครั้ง การบุกโจมตีของกองทัพอันเดดสามารถขัดขวางสิ่งที่ศาสนจักรกำลังซุ่มกระทำอยู่ และนั่นจะช่วยคลายความกังวลของเซียวอวี๋ได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามศาสนจักรนั้นเตรียมพร้อมรับมืออยู่ก่อนแล้ว หลังจากบุกเข้าโจมตีอยู่หลายครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ดีเท่าสักใด ศาสนจักรได้จัดเตรียมอาวุธเวทมนตร์ไว้ป้องกันค่ายโดยเฉพาะ และยังไม่ทราบว่ามีปืนเวทมนตร์อีกเท่าใด พวกสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่อาร์ทัสสร้างขึ้นจากซากศพต่างก็ถูกปืนใหญ่เวทยิงสังหารจนหมดสิ้น
ครั้งนี้เรียกได้ว่ากองทัพของอาร์ทัสประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเป็นครั้งแรก
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย อาร์ทัสและกองทัพได้สังหารพาลาดินไปหลายคน จากนั้นจึงเปลี่ยนศพของพวกเขาให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดชุดใหม่ ผลที่ออกมานั้นสร้างความหวาดผวาแก่ทัพศาสนจักรอย่างยิ่ง กองทัพอันเดดกลายเป็นแข็งแกร่งกว่าเก่า
เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพาลาดินเหล่านั้น เป็นเพราะทักษะความสามารถในการควบคุมบงการพลังแห่งแสง หลังจากถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไป พลังของพวกมันจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดชุดก่อนมาก
ยิ่งกว่านั้น ด้วยการบุกโจมตีในครั้งนี้ เซียวอวี๋ก็ตระหนักได้ว่าศาสนจักรนั้นมีแผนจะจัดการกับกองทัพอันเดด พวกเขากระทั่งจัดเตรียมปืนใหญ่เวทมนตร์เอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ และนี่ยังแสดงให้เห็นว่าศาสนจักรยังซุกซ่อนอาวุธอันร้ายกาจเอาไว้อีกมาก…..