ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
อาร์ทัสเข่นฆ่าเข้าไปในทัพศาสนจักรก่อนจะตัดศีรษะพาลาดินขั้นที่หกผู้หนึ่งและเปลี่ยนซากศพนั้นให้กลายเป็นอันเดด เมื่อรวมกับอันเดดสองตัวจากพาลาดินขั้นที่หกในครั้งก่อน เวลานี้อาร์ทัสจึงมีอันเดดที่สร้างจากพาลาดินระดับสูงอยู่สามตัว
นี่เรียกได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ อันเดดทั้งสามที่สร้างขึ้นจากศพของพาลาดินขั้นที่หกนั้นแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าสัตว์ประหลาดยักษ์เลย
การลอบโจมตีของกองทัพอันเดดสามารถสร้างความเสียหายต่อทัพศาสนจักรได้ประมาณหนึ่ง กระนั้นทางกองทัพอันเดดเองก็ต้องสูญเสียอย่างหนัก
อย่างไรก็ดี เซียวอวี๋ทราบว่ากองทัพศาสนจักรนั้นมีจุดอ่อนขนาดใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง
ด้วยขนาดความใหญ่ของค่ายที่มีทหารหลายล้านนาย ค่ายกระโจมจึงเรียงรายยาวหลายสิบกิโลเมตรหรือกระทั่งหลายร้อยกิโลเมตร
ในอดีต เซียวอวี๋เคยคิดว่าค่ายกระโจมที่เรียงรายยาวแปดร้อยลี้ของเล่าปี่ในเรื่องสามก๊กนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นไปได้
ในค่ายกระโจมที่เรียงรายย่อมมีคลังเสบียงและคลังอาวุธตั้งอยู่เป็นระยะ สำหรับแจกจ่ายให้ไพร่พลทหารหลายล้านนาย ดังนั้นความสำคัญของมันจึงเป็นที่คาดเดาได้
หากกองทัพขาดแคลนเสบียงกรัง ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินคาดคิด
ดังนั้นในอนาคตเซียวอวี๋จะไม่ส่งกองทัพอันเดดไปโจมตีป้อมค่ายที่เป็นด่านหน้าอีก แต่จะเลือกโจมตีแนวหลังเพื่อก่อกวน ทำลายยุทธภัณฑ์ และเผาหญ้าเสบียงให้มากที่สุด
เช่นนั้นจึงจะสร้างความเสียหายต่อศาสนจักรอย่างสาหัส ด้วยสภาพพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา กว่าศาสนจักรจะสังเกตพบความเคลื่อนไหวของพวกอันเดดได้ก็สายเกินแก้แล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่ทุกหอป้องกันค่ายจะประจำการด้วยปืนใหญ่เวทมนตร์ ขอเพียงค่ายส่วนนั้นไม่แข็งแกร่งเกินไป กองทัพอันเดดที่นำโดยอาร์ทัสย่อมบุกตะลุยเข้าไปไม่ยาก
ด้วยเหตุนั้น ช่วงระยะครึ่งเดือนถัดมาจึงเป็นช่วงเวลาที่ค่ายส่วนหลังของกองทัพศาสนจักรถูกบุกทำลายเสียหายอย่างหนัก
“บัดซบ! อันเดดพวกนั้นต้องเป็นฝีมือของเซียวอวี๋แน่ มิเช่นนั้นการบุกโจมตีของพวกมันทุกครั้งจะแม่นยำถึงเพียงนั้นได้อย่างไร”
สำหรับกองทัพอันเดดที่ไปมาไร้ร่องรอย ทั้งยังแข็งแกร่งผิดปกติเหล่านี้ เออซ่ายังไม่มีหนทางรับมือ หากแบ่งกำลังกลุ่มเล็กๆออกไปไล่ล่า กลุ่มเล็กๆนั้นจะไปแล้วไปลับ และหากส่งคนกลุ่มใหญ่ไป พวกอันเดดก็จะหนีหายไร้ร่องรอย
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พวกอันเดดฉลาดได้ถึงเพียงนั้น? เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง
ด้วยขนาดค่ายที่ใหญ่โตของกองทัพศาสนจักรในปัจจุบัน การคอยระวังป้องกันพวกอันเดดตลอดเวลาจึงเป็นไปไม่ได้ วิธีรับมือที่ดีที่สุดในเวลานี้คงมีเพียงการเร่งกำจัดเซียวอวี๋โดยเร็วที่สุด
เซียวอวี๋ผู้นี้นับว่าถนัดในการสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อผู้อื่นโดยแท้ มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่าเขายังซ่อนไพ่ตายไว้อีกมากเพียงใด
หลังจากนั้นสองสามวัน เออซ่าที่ไม่อาจอดทนรอได้อีกจึงเริ่มแผนการบุกที่เขาวางไว้นานแล้ว
เมื่อถึงรุ่งเช้า กองทัพศาสนจักรก็เคลื่อนกำลังออกมา หากแต่ครั้งนี้พวกทหารไม่มีท่าทางกระตือรือร้นเฉกเช่นครั้งก่อนอีก มีเพียงสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
ความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาเชื่องช้ายิ่ง กระนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นระเบียบ อาวุธเวทมนตร์หลากชนิดที่ขนลากออกมาทำให้ไพร่พลใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ครั้งนี้คงจะเป็นศึกที่กินเวลายาวนานไม่ผิดแน่ ด้วยอาวุธเวทมนตร์ที่ขนออกมา พวกเขาคงไม่เสียเปรียบอีกฝ่ายสักเท่าใด
ไม่ว่าไพร่พลทหารคนใดก็ไม่ทราบว่ากำแพงส่วนไหนจะเป็นจุดโจมตีหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด หากกำแพงส่วนนั้นพังทลายลง ทหารทุกนายก็จะกรูกันบุกไปยังจุดนั้น
เออซ่าเองก็เป็นผู้บัญชาการที่ชำนาญศึก เขาย่อมคำนวณเวลาและตำแหน่งบุกโจมตีเอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ดี เซียวอวี๋ก็ใช่ว่าจะไม่ได้เตรียมการรับมือสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากแค่นเสียงเย็น เซียวอวี๋ก็สั่งให้ทหารของเขาเข้าสู่สภาวะต่อสู้
ตึง ตึง ตึง…..
เสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะของกองทัพศาสนจักรได้ก่อเกิดเป็นสภาวะอันเข้มแข็งขึ้นมาคล้ายกับคลื่นยักา์ที่พร้อมจะโถมทับแนวกำแพง
เมื่อกำลังจะเข้าสู่ระยะอาวุธพิสัยไกลของฝ่ายเมืองไลอ้อน ทหารของศาสนจักรก็ส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกับโถมบุกออกไป พวกทหารแถวหน้าแบกบันไดพลางยกโล่ขึ้นบังด้านหน้าของตนไว้ ขอเพียงพวกเขาพาดบันไดกับกำแพงได้ สหายที่ด้านหลังก็จะบุกเข่นฆ่าขึ้นไปทันที
“ยิงได้!”
ที่ด้านบนกำแพง หน่วยโจมตีระยะไกลทั้งหมดเริ่มเปิดฉากโจมตี ลูกธนูและก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนลอยเกลื่อนเต็มผืนฟ้าก่อนจะตกลงใส่กองทัพศาสนจักรที่กำลังบุกเข้ามา
อ๊ากก…..
ทหารศาสนจักรทยอยล้มลงกับพื้น กระนั้นก็จะมีทหารที่มากมายยิ่งกว่าบุกขึ้นหน้าต่อไป เมื่อพวกทหารบุกไปถึงตำแหน่งหนึ่ง เครื่องยิงบาริสต้าเวท ปืนใหญ่เวทและอาวุธเวทอื่นๆก็กระหน่ำยิงใส่กำแพงเมืองอย่างดุดัน
การต่อสู้อันเข้มข้นได้เปิดฉากขึ้นแล้ว…..