ตอนที่ 267 ปรับความเข้าใจ

รักเล่ห์เร้นใจ

“พี่หว่านเอ๋อร์ อรุณสวัสดิ์!” ผู้ช่วยเอามื้อเช้ามาให้ 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หลินหว่านพูดยิ้มๆ 

 

 

“อื้อ วันนี้ต้องไปถ่ายละคร ต้องทำตัวมีชีวิตชีวาหน่อยนะคะ!” 

 

 

“เรื่อง ‘รักเล่ห์เร้นใจ’ ฉากที่ 34 ครั้งที่หนึ่ง …” 

 

 

ปึง! 

 

 

เสียงตีเสลทดังขึ้น หลินหว่านรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนล้า ฉากนี้เธอแสดงเป็นคนรับบาดเจ็บสาหัส เป็นฉากก่อนที่เธอจะแกล้งตาย ในบทเธอต้องปิดบังทุกคนรวมทั้งคนที่เธอรักมากคนนั้น ให้พวกเขาเข้าใจว่าเธอตายไปแล้ว ในฉากนี้เธอต้องแสดงออกมาว่าไม่อาจหักใจจากพระเอก และยังรู้สึกผิดที่หลอกลวงพระเอกอีกด้วย 

 

 

ในกล้อง นางเอกเอนร่างอยู่ในอ้อมอกของพระเอก ใบหน้าขาวซีด มือข้างหนึ่งพยายามลูบคลำใบหน้าของพระเอก แต่มือที่ยื่นออกไปร่วงลงกลางอากาศ 

 

 

“ไม่! …” เสียงร้องตะโกนของพระเอกดังก้องไปทั้งกองถ่าย 

 

 

“ผ่าน!” 

 

 

สิ้นเสียงผู้กำกับ กองถ่ายก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น 

 

 

“ว้าว เก่งมากเลย! ดูจนฉันอยากจะร้องไห้เลย สงสารพระเอกจัง!” เจ้าหน้าที่คุมไฟตื่นเต้นไปหน่อย พูดพลางดึงคนงานอีกคนที่ด้านข้าง 

 

 

“ฉันก็เหมือนกัน รู้สึกเหมือนกับว่านางเอกจะจากไปแล้วจริงๆ แสดงได้ดีมากเลย!” อีกคนก็เหมือนกัน ทั้งสองตื่นเต้นจนกระโดดกอดกัน นักแสดงตัวประกอบหญิงฟังอยู่ด้านข้าง ไม่แสดงอาการอะไรเลย ก่อนจากไปหัวเราะเสียงเยาะหยันทีหนึ่ง 

 

 

“พี่หว่านเอ๋อร์ พี่แสดงดีจังเลย” ผู้ช่วยเอาน้ำมาให้ พูดอย่างจริงใจ 

 

 

“ขอบใจนะ” หลินหว่านตอบ 

 

 

“รอเดี๋ยวค่อยยิ้มนะคะ” ช่างแต่งหน้าพูดอย่างเกรงใจ หลินหว่านรีบกลับมาทำหน้าเฉย ผู้ช่วยกับช่างแต่งหน้าอดขำไม่ได้ 

 

 

พระเอกเข้าฉากนี้เสร็จ ต้องรีบไปประชาสัมพันธ์ละครเรื่องอื่นต่อ นี่เป็นเรื่องที่บอกกันก่อนแล้ว ดังนั้นฉากต่อไปจึงถ่ายทำส่วนของนางเอกกับตัวประกอบหญิง ฉากนี้เป็นตอนที่ตัวประกอบหญิงทราบว่าพ่อของนางเอกเป็นฆาตรกรฆ่าพ่อแม่ของพระเอก เวลาเดียวกันก็พบว่านางเอกยังไม่ตาย จึงใช้แผนให้พระเอกมาแอบฟังที่ข้างกำแพง ขณะที่เธอเค้นถามนางเอก ให้พระเอกได้รู้ความจริง เนื่องจากมุมกล้องของพระเอกแยกถ่ายต่างหาก จึงเก็บไว้แยกถ่ายทำคนเดียวภายหลังได้ 

 

 

“เฮ้อ คนเขามีฝีมือกว่าพวกเรานะ” พอเห็นหลินหว่านออกมา ดาราหางแถว A ที่รอเข้ากล้องอยู่ด้านข้างพูดอย่างอิจฉา 

 

 

“มีฝีมือจริงด้วย ไม่งั้นจะอ่อยได้ผู้จัดการของอันซวี่กรุ๊ปรึ” ดาราหางแถว B เสริมขึ้น 

 

 

“ใช่เลยๆ หึ ความสามารถแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะเรียนรู้กันได้นะ” 

 

 

“ใช่! แต่โชคดีที่ฟ้ามีตา คนที่ขึ้นสู่ที่สูงด้วยวิธีการเธอ ก็ไม่ควรจะอยู่รอดได้นะ” 

 

 

“งั้นสิ! ไม่น่าเลย!” ทั้งสองพูดอย่างอิจฉาริษยาหลินหว่าน 

 

 

“ได้ยินว่า คราวนี้ท่านประธานเซียวดูเหมือนไม่ได้มาเยี่ยมกองถ่ายนะ” คนงานพูด 

 

 

“เธอไม่เห็นข่าวเหรอ? บอกว่าหลินหว่านคบซ้อน!” อีกคนเล่าข่าวเล่าให้ฟังอย่างยินดีสุดๆ 

 

 

“มีกิ๊ก?!” 

 

 

“งั้นสิ! มีขาใหญ่เลี้ยงแล้วยังไม่พอ คราวนี้งามหน้าล่ะ ตกม้าตายซะแล้ว” 

 

 

“จริงหรือเปล่าที่ว่าท่านประธานเซียวไม่มา?” 

 

 

“ฉันว่าจริงล่ะ!” 

 

 

“เรื่อง ‘รักเล่ห์เร้นใจ’ ฉากที่ 67 ครั้งที่สาม …!” 

 

 

“ปึง!” 

 

 

“ตึง” หลินหว่านที่แสดงเป็นนางเอกถูกตัวประกอบหญิงผลักล้มลงกับพื้น นางเอกเพิ่งจะยอมรับว่าพ่อของเธอฆ่าพ่อแม่ของพระเอก ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่นางเอกก็ละอายใจต่อเรื่องนี้มาก รู้สึกไม่มีหน้าพบกับพระเอก 

 

 

“ดูไม่ออกจริงๆ นะ!” ตัวประกอบหญิงหยิกหน้านางเอกอย่างแรง ราวกับว่าคนที่ถูกฆ่าไม่ใช่พ่อแม่ของพระเอกแต่เป็นพ่อแม่ของตัวเอง “คุณหนูใหญ่กุลสตรีผู้ดีงาม ถึงกับทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ แถมยังมีหน้าเสนอตัวเข้ามาใกล้ชิดกับลูกชายเขาอีก ทำให้ลูกชายของพวกเขารักเธอ” 

 

 

ตัวประกอบหญิงผลักนางเอกอย่างแรงอีกครั้ง มือของนางเอกที่ยันพื้นครูดกับพื้นหินจนได้แผล 

 

 

“ฉันไม่ได้ทำ!” นางเอกปฏิเสธ 

 

 

“เธอเห็นว่าการได้หลอกคนเล่นนี่มันน่าสนุกมากนักหรือไงหา! ดูเขาวิ่งหัวหมุนเพราะเธอโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย?” ตัวประกอบหญิงสีหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีจิตใจชั่วร้ายแบบนี้ น่าสงสารเขาที่นึกถึงแต่เธอ! วันนี้ฉันจะเรียกร้องความเป็นธรรมเอง ให้เธอชดใช้ชีวิต!” 

 

 

“ผ่าน!” 

 

 

ผู้กำกับร้องขานเสร็จ หลินหว่านแอบถอนใจโล่งอก เดิมทีฉากผลักเธอพวกนี้ไม่มีในบท แต่อีกฝ่ายใช้เหตุผล ‘อินบทมากไป’ เป็นข้ออ้าง บอกว่าแบบนี้จะแสดงอารมณ์ของตัวประกอบหญิงออกมาให้ผู้ชมได้ฟินไปกับละครได้ อีกทั้งได้รับรู้อารมณ์ของตัวละครในขณะนั้น ผู้กำกับเห็นด้วย หลินหว่านแม้จะมีชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะล่วงเกินผู้กำกับได้ง่ายๆ ถึงอย่างไรเธอยังต้องอยู่ในวงการแสดงต่อไปอีก 

 

 

“พี่หว่านเอ๋อร์ ลำบากแล้ว” ผู้ช่วยรีบเข้ามาพยุง 

 

 

“ซี้ด…” ตอนผู้ช่วยจับถูกแขนหลินหว่าน เธอเจ็บจนครางออกมา 

 

 

“เป็นอะไรไปคะ? พี่หว่านเอ๋อร์?” ผู้ช่วยไม่กล้าจับซี้ซั้วอีก 

 

 

“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” แน่นอนว่าหลินหว่านไม่พูดออกมา เรื่องนี้ตัวประกอบหญิงใช้เป็นข้ออ้างลงมือกับเธอ ใช้แรงหนักมาก ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเธอเอามากๆ หลินหว่านหัวเราะตัวเอง 

 

 

“เมื่อก่อนมีคนดูแลปกป้องตลอด ถึงได้ผิวบางซะ” ถึงตอนนี้ตัวประกอบหญิงเอ่ยปากซ้ำเติม “ไม่เหมือนพวกเรา ต้องล้มลุกคลุกคลานกันมาตลอด ตอนนี้ เธอคงได้ลิ้มรสดูบ้างแล้วกระมัง” 

 

 

หลินหว่านไม่ได้สนใจท่าทีเยาะเย้ยถางถางของอีกฝ่าย ถึงยังไงฉากเข้ากล้องวันนี้ก็ถ่ายเสร็จแล้ว จึงกลับโรงแรมไปพักผ่อน 

 

 

@กินแตงชมฉากเด็ด: ID ฉันตั้งได้ถูกใจมาก ชมฉากเด็ดทุกๆ วัน หลินหว่านเพิ่งคบซ้อน ตอนนี้ขาใหญ่ก็ไม่ยอมแพ้ รีบเข้าอุ้มอี้อวิ๋นฉัง พี่น้องร่วมสามี? กินแตงกินแตง! [1] 

 

 

@รักแท้ของหว่านหว่าน: หว่านหว่านของพวกเราคบซ้อนที่ไหนกัน เล่าลือกันไปเองทั้งนั้น!! เห็นแบบนี้แล้ว เห็นชัดเลยว่าฝ่ายชายนอกใจก่อน นอนด้วยกันขนาดนี้แล้ว! น่าสงสารหว่านหว่าน อือๆๆ  

 

 

@กระรอกในโพรงไม้: อี้อวิ๋นฉังกับหลินหว่านเป็นพี่น้องแท้ๆ? เรื่องนี้สมกับเป็นวงการบันเทิง ขาใหญ่คงไม่ใช่พี่ชายหรอกกระมัง 

 

 

@จุ๊บๆ อวิ๋นฉัง: อือๆๆ ถึงจะรู้สึกเหมือนไอดอลถูกแย่งไป แต่ยังหวังว่าคุณจะโชคดีมีสุข 

 

 

…… 

 

 

“เจ้านาย คุณได้ดูเรื่องฮอตในเวยปั๋วหรือยัง?” เลขารีบร้อนมาถึง 

 

 

“บอกมาเลย” เซียวจิ่งสือพูดสั้นกระชับได้ใจความ 

 

 

“คุณอ่านเองเถอะครับ” คราวนี้เลขารู้เอาตัวรอดเป็นยอดดี 

 

 

เซียวจิ่งสือขึงตามองอีกฝ่าย เปิดดูเวยปั๋ว ลำดับแรกข่าวฮอต ‘อี้อวิ๋นฉัง…คู่ควงคนใหม่ น้องสาวหลินหว่าน’ 

 

 

เวยปั๋วของอี้อวิ๋นฉังขึ้นสุดติ่ง เป็นภาพถ่ายของเธอกับเซียวจิ่งสือนอนอยู่ด้วยกัน ข้อความเขียนว่า @พี่หลินหว่าน ฉันก็ได้พบรักแท้แล้วล่ะ นี่เป็นการฉลองคบกันร้อยวันของพวกเรา [เอียงอาย] [มีความสุข]  

 

 

เซียวจิ่งสือนึกถึงความรู้สึกของหลินหว่านโดยไม่ต้องคิด เป็นความเคยชินในหลายปีมานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเธอจึงโกรธเขา มิน่าเล่าเธอจึงถามว่าเขาทำอะไรเกินเลยไปบ้าง ผู้ชายของตัวเองกับผู้หญิงอื่นนอนอยู่ด้วยกัน ใครบ้างไม่โกรธ ใครบ้างจะไม่เสียใจ! 

 

 

หรือว่าเธอจะรู้เรื่องภาพถ่ายนี้แต่แรก? เซียวจิ่งสือไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายถ่ายภาพนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายังไม่รู้ด้วยว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] กินแตง ในที่นี้หมายถึง พวกชาวมุงนั่งดูและวิจารณ์อยู่รอบนอก