TB:บทที่ 326 ลิลิธ
เฉินหลงมองดูลิลิธขว้างถาดผลไม้แก้วแล้วบดขยี้มันบนพื้นอย่างเหลืออด นี่เป็นถาดผลไม้อันที่สิบแล้วที่เธอทำแตกภายในสองวันที่ผ่านมาหลังจากที่เธอย้ายเข้ามาในปราสาทแห่งนี้
“บอร์แมน ในที่สุดฉันก็เข้าใจสักทีว่าทำไมทางสภาถึงได้ส่งเด็กสาวคนนี้มาที่นี่ บางทีอาจเป็นเพราะพ่อสุดที่รักของเธอน่าจะรับมือกับเธอไม่ไหวแล้วก็ได้?”
จู่ๆวันนี้บอร์แมนดูเปลี่ยนไปจากเดิม จากชายหนุ่มที่มีผมดกสีทึบ ตอนนี้กลับหัวล้านไม่เหลือแม้แต่ผมสักเส้น เขามองไปที่ลิลิธที่กำลังแสร้งทำเป็นเมินเขาอยู่
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าผมมีลูกสาวแบบนี้ ผมก็คงอยากหนีไปพักใจสักสองสามวันบ้างล่ะ ไม่ว่าเธอจะยั่วโมโหผมขนาดไหน ผมก็จะไม่เล่นตามเกมส์ของเธอเด็ดขาด บอสรู้ไหมว่าเมื่อคืนเธอแอบย่องเข้ามาให้ห้องผมแล้วเผาผมของผมจนไหม้ทั้งหัว!”
“ใครกันที่เพิ่งบอกผมเมื่อวานว่าต้องปฏิบัติตัวกับคนประเภทนี้ยังไง? ปกติสาวน้อยคนนั้นเธอเป็นคนใจเย็น แต่บอร์แมนนายกลับถูกเธอรังแกถึงในห้องนอน นายจะไม่รู้เลยจริงๆเลยหรือว่ามันเป็นสไตล์ของนาย” เฉินหลงมองดูบอร์แมนที่กลายเป็นคนหัวโล้นอย่างขบขัน
บอร์แมนตอบอย่างหมดหนทางว่า “ไม่มีทาง เธออาจจะกลายร่างเป็นค้างคาวแล้วบินเข้ามาในห้องของผมก็ได้ ถึงตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าเธอเข้ามาในห้องกันละครับ?”
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเธอจะลืมนายไม่ลงเลยทีเดียว” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนแรกบอร์แมนมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกจากนั้นก็มีรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา
“คุณหัวเราะอะไร? แบบนี้มันเหมือนกับถูกลอบวางเพลิงเลย เธอสามารถทำให้ไฟคลอกผมตายได้เลยนะครับ!”
เฉินหลงมองไปที่บอร์แมนแล้วหัวเราะออกมา ตั้งแต่ที่ลิลิธก้าวเข้ามาที่นี่ บอร์แมนก็เริ่มดูเปลี่ยนไปจากเดิมทีละน้อย
“บอสถ้าเธอเผาผมของพ่อเธอจนหัวโล้น พอถึงเวลาที่แปลงกายเป็นค้างคาวก็คงกลายเป็นค้างคาวหัวล้านที่โบยบินอยู่ใต้แสงจันทน์ มันคงตลกน่าดู ไม่สิ…มันต้องตลกสุดๆไปเลย!” บอร์แมนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเฉินหลงลองจิตนาการภาพในหัว เขาก็ถึงกับต้องระเบิดหัวเราะออกมา ค้างคาวหัวล้านโบยบินอยู่ใต้แสงจันทร์ มันช่างน่าขันสิ้นดี เขาคิดไม่ถึงว่าบอร์แมนที่เหมือนกับท่อนไม้เดินได้จะคิดเรื่องตลกๆแบบนี้ขึ้นมาได้เขาเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจริงๆด้วย
ตอนนี้ลิลิธที่กำลังถือไม้กวาด กวาดเศษจานผลไม้อยู่ก็หันไปมองหน้าเฉินหลงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
เฉินหลงยักไหล่ใส่เธอ ส่วนบอร์แมนสบตาเธอกลับด้วยสายตายั่วยุ มันเป็นสีหน้าที่หมายความว่า ‘ฉันกำลังพูดถึงเธอและฉันต้องเอาคืนที่เธอทำกับฉันไว้แน่’
ลิลิธจ้องมองบอร์แมนพลางคิดว่าจะกลับมาหาเขาได้อย่างไรในตอนเย็น แต่ก็ต้องหยุดความคิดเมื่อนึกถึงคนที่เธอเพิ่งจะกลั่นแกล้งไป เขาจะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เช่นนั้นเธอจึงเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นแทน
ยังดีที่ตอนนี้ลิลิธไม่ได้คิดหาวิธีที่จะเข้าไปในห้องบอร์แมนในตอนกลางคืนแล้ว
วันรุ่งขึ้น เฉินหลงพาจี้โม่ซี เต่ากวงหานและคนของแอนเดสอีกเจ็ดคน ลิลิธกับสกายออกเดินทางไปนิวยอร์ก ส่วนคนที่เหลือก็ออกจากปราสาทไป
เดิมที บอร์แมนต้องการรอเขาอยู่ที่ปราสาท เพราะเขาไม่ต้องการร่วมเดินทางไปกับลิลิธ แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ไป เขาจะต้องอยู่คนเดียว ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงจึงใช้มาตรการบังคับให้บอร์แมนไปกับเขาด้วย ซึ่งความจริงแล้ว บอร์แมนอาจจะยินดีไปกับเขาตั้งแต่แรกก็เป็นได้
ในครั้งนี้ แวมไพร์หนึ่งร้อยตนก็ได้ตามไปด้วย แต่พวกเขาคุ้มกันได้ไม่ดีเท่าไหร่
ณ สนามบินนครแห่งหมอก
เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กำลังจะทะยานขึ้นสู่ฟ้าที่จะเดินทางข้ามไปยังอีกฟากของมหาสมุทรดังขึ้นและตอนนี้ก็ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องนภาเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเครื่องบินออกบิน ผู้โดยสารทุกท่านต่างนั่งอยู่ประจำที่ของตนได้คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กสาวคนนึงยืนบนที่นั่งและกำลังชี้ออกไปทางหน้าต่างพลางพูดกับจี้โม่ซี
“พี่โม่ซี นี่เหรอที่เขาเรียกว่าเครื่องบิน มันสุดยอดมากจริงๆ ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่ฉันบินเองเลย”
สาวน้อยคนนั้นคือ ลิลิธ ตอนนี้มีพนักงานต้อนรับคนหนึ่งเห็นลิลิธกำลังยืนอยู่บนที่นั่ง เธอเบิกตากว้างและรีบตรงดิ่งเข้ามาหาลิลิธทันที
เมื่อเห็นพนักงานต้อนรับเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ จี้โม่ซีจึงรีบจับลิลิธนั่งลงพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อย ลิลิธจึงหันไปพูดกับจี้โม่ซีว่า “ขอโทษนะ นี่เป็นเที่ยวบินแรกของฉัน ฉันเลยตื่นเต้น…”
เมื่อเห็นลิลิธยอมกลับไปนั่งประจำที่ พนักงานต้อนรับจึงหยุดฝีท้าวแล้วพยักหน้าให้จี้โม่ซีหนึ่งครั้ง
จี้โม่ซีกระซิบกับลิลิธว่า “เที่ยวบินแรกของเธอเหรอ? แล้วเธอเดินทางไปประเทศอังกฤษยังไงล่ะ? ก่อนหน้านี้ ไม่ได้เธอบอกฉันว่าบ้านเกิดของเธออยู่ที่ฟินแลนด์เหรอ”
ลิลิธตอบกลับมาราวกับว่าเธอไม่ต้องการที่จะนึกถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่
“ใช่แล้ว ฉันเดินทางกับเรือ แต่ว่าระหว่างเดินทางมันไม่สนุกเลย เรือลำนั้น คุณปู่ของฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาเองด้วย แถมเรือที่เกือบจะอับปางแล้วด้วยซ้ำ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าจะเอาเรือเก่าๆแบบนั้นมาใช้อีกทำไม”
ในขณะที่เฉินหลงกับบอร์แมนที่นั่งอยู่อีกฝั่งจึงหันมามองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ ปู่ของลิลิธเป็นคนสร้างเรือไม้ลำนั้น! นั้นมันผ่านมาเป็นเวลานานมากแล้ว ถ้าได้รู้ว่าน้องชายของลิลิธมีอายุมากกว่า 170 ปี แล้วลองนึกสภาพของเรือไม้นั้นสิว่าจะมีสภาพเช่นไร
“คราวหน้าไปล่องเรือกันเถอะ ที่นั้นมีครบทุกอย่างเลยนะ ฉันมั่นใจว่าถ้าเธอได้ไปที่นั่น เธอจะต้องติดใจมันแน่นอน” จี้โม่ซีส่งยิ้มให้ลิลิธ
“จริงหรอ? ถ้างั้นครั้งหน้า พวกเราไปด้วยกันอีกนะ” ดวงตาของลิลิธเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
หลังจากที่เครื่องบินบินขึ้นสู่ฟ้ามาได้สักพัก ตอนนี้เครื่องบินได้กลับมาอยู่ในสถาวะปกติแล้ว พนักงานต้นรับเดินมาหาลิลิธอีกครั้งแล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนู รบกวนนั่งให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ”
พนักงานต้อนรับดูแลเธออย่างดี แต่ลิลิธกลับไม่ให้ความสนใจอีกฝ่าย
ในสายตาของลิลิธ สกายและเหล่าแวมไพร์ชนชั้นสูง นอกจากผู้ที่มีพลังมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ เช่น หวู่เต่าเทียน บอร์แมน เฉินหลงและพวกที่มีความเห็นที่ดีต่อพวกเขาอย่างจี้โม่ซี คนที่เหลือก็เป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น ในสายตาของลิลิธ เธอเห็นสิ่งมีชีวิตเป็นเพียงแค่อาหารเช่นเดียวกับหมูตัวหนึ่งในสายตาของมนุษย์ การที่มนุษย์มาบอกให้เธอระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย พวกเขาควรกลับไปบอกตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ? ส่วนคำตอบของลิลิธก็คือ ไม่!
แอนเดสรับแก้วบรั่นดีมาจากแอร์โฮสเตส ก่อนที่เขาจะพักสายตา เขาจึงพูดคุยกับเฉินหลงเสียงเบาว่า
“คุณเฉินครับ เทคโนโลยีปัจจุบันนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ ผมคิดว่าการเดินทางจากนครแห่งหมอกไปนิวยอร์กจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามวัน แต่ตอนนี้ พวกเราสามารถนั่งจิบไวน์สบายๆเพียงแค่ 8 ชั่วโมงบนเครื่องบินก็สามารถเดินทางไปถึงนิวยอร์กได้แล้ว แสดงว่าเราก็ไปสั่งสอนคาร์ลได้เร็วขึ้นใช่ไหมครับ”
“ถูกต้องครับ คาร์ลไม่สามารถหนีคนอย่างคุณไปได้ แต่ยังไง เราก็คงไม่สามารถจัดการเขาได้ในทันทีที่ลงจากเครื่องบินหรอกนะครับ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกาของที่นี่ไม่ใช่เล่นๆ ถ้าทำแบบนั้นพวกเขาอาจสงสัยเราได้ อีกอย่างอย่าลืมว่าลิลิธก็มากับเราด้วย เราต้องไปช็อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆกินรวมถึงหาอะไรสนุกๆให้เธอทำก่อน แล้วค่อยไปกำจัดกับคาร์ลและตระกูล”
แอนเดสพยักหน้ารับ ในที่สุดก็มาถึงนิวยอร์ก นครแห่งความหรรษา!
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องเก็บสัมภาระบนเครื่องบิน มีฝูงค้างคาวกระหายเลือดหลายร้อยตัวถูกยัดรวมกันอยู่ในลัง ร่างกายของพวกมันได้เบียดเสียดกันไปมาจนร่างแทบแตก
ค้างคาวหนึ่งร้อยตัวส่งเสียงเล็กแหลมออกมา พลางนึกถึงเรื่องที่ลิลิธที่บังคับให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในลัง เพื่อประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางในครั้งนี้