บทที่ 733 เริ่มหลอมรวมมุกมังกร

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 733 เริ่มหลอมรวมมุกมังกร
คำพูดขึ้นมาถึงลิ้นไก่แต่อี้เฉินเฟยก็ยังคงไม่อยากทำให้กู้ชูหน่วนผิดหวัง ทำได้แค่รับปากไปแบบไม่ตรงกับใจ

นี่เป็นภาพที่มีความสุขอย่างกลมกลืนกันมาก แต่เพราะการปรากฏตัวของคนคนเดียวทำให้ภาพอันงดงามนี้ถูกตีจนแตกไปแล้ว

“อี้เฉินเฟยตัวดี เสียดายที่คนทั้งโลกบอกว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่เจ้ากลับอ้างคำว่าพี่ชายล่อลวงพี่สาว ทำไมเจ้าถึงได้ไร้ศีลธรรมเช่นนี้”

จอมมารไม่พูดพร่ำ ผลักอี้เฉินเฟยออกไปโดยตรง

ขณะที่ยังไม่ทันได้แตะต้องอี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนก็ปัดมือของเขาออกไปแล้ว

“เจ้าลูกหมา เจ้าเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?”

“เป็นเขาที่ฉวยโอกาสเอาเปรียบ ลวนลามท่าน”

“เอาเปรียบบ้าอะไร ลวนลามบ้าอะไรของเจ้า ไป รีบออกไปจากบ้านไม้ไผ่เดี๋ยวนี้ อย่ารบกวนการพักผ่อนของพี่เฉินเฟย”

“พี่สาว ท่านคงไม่ได้ถูกเจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่ที่ยั่วยวนให้หลงเสน่ห์แล้วหรอกนะ”

ทำไมชีวิตของเขาถึงได้ลำบากขนาดนี้ ไม่ง่ายกว่าจะเบียดให้เย่จิ่งหานจากไป ก็มีอี้เฉินเฟยมาอีกคน

เมื่อเห็นความสนิทสนมขนาดนั้นของกู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟย ความหึงหวงของจอมมารก็ทะยานขึ้นมาอย่างฉับพลันแบบอดไม่ได้

ภายใต้ความโกรธ ดอกลำโพงพุ่งตรงไปที่อี้เฉินเฟยโดยตรง พันรอบมือขวาของเขา ถือโอกาสจะเหวี่ยงเขาออกไปนอกบ้านไม้ไผ่

ทันทีที่ดอกลำโพงสัมผัสถูกอี้เฉินเฟย ความโกรธของจอมมารหายไปในพริบตา มองไปที่อี้เฉินเฟยด้วยความเหลือเชื่อ

เขา……ทำไมถึงไม่มีชีพจร?

คนที่ไม่มีชีพจรยังจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?

ไม่ เขามีชีพจรเพียงแต่ชีพจรของเขาอ่อนมาก อ่อนจนแทบสัมผัสไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีชีวิตดุจไฟที่ใกล้มอด เป็นคนที่กำลังจะตายแล้ว

ดวงตาแพรวพราวคู่นั้นเห็นความวิงวอนในดวงตาอันอ่อนโยนของอี้เฉินเฟย ราวกับกำลังวิงวอนเขาว่าอย่าบอกอาการบาดเจ็บของเขากับกู้ชูหน่วน

แล้วเมื่อมองดูสีหน้าอันซีดขาว ร่างกายอันอ่อนแอ และเส้นผมสีดำทั้งศีรษะที่ไม่รู้ว่ากลายเป็นสีขาวดั่งหิมะตั้งแต่เมื่อไหร่ของเขาอีกครั้ง ก็ช่างบาดตาจนทำให้คนรู้สึกปวดใจ

นี่……

“พึบ……”

ดอกลำโพงถูกกู้ชูหน่วนดึงออก

เสียงอันโกรธเคืองของกู้ชูหน่วนดังขึ้นข้างหูอย่างไม่เกรงใจ

“เจ้าลูกหมา ถ้าเจ้าจะบ้าก็ไปบ้าที่อื่น หากว่าพี่เฉินเฟยเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า”

“เขา……”

“จอมมาร ช่วงเวลาที่ผ่านมาขอบใจที่เจ้าที่ช่วยเหลืออาหน่วนไว้หลายครั้ง อี้เฉินเฟยจะจดจำไว้ในใจตลอดไป อาหน่วนมีเจ้าเป็นเพื่อนสนิทได้เช่นนี้ได้ ก็เป็นความโชคดีของนาง”

ไม่รอให้จอมมารพูดจา อี้เฉินเฟยก็ตัดบทเขาแล้ว ทั้งในคำพูดในดวงตาล้วนเป็นคำบอกใบ้

เหมือนว่าจอมมารจะเข้าใจแล้ว และก็เหมือนไม่ได้เข้าใจเช่นกัน

แต่เขากลับไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา

“อาหน่วน จอมมารเดินทางมาไกล เจ้ารับรองเขาให้ดี ดอกไม้นานาชนิดด้านหลังภูเขากำลังบานสะพรั่งพอดี เจ้าสามารถพาจอมมารไปชมดอกไม้ที่นั่นได้ จอมมารก็เป็นคนที่ชอบดอกไม้ด้วยพอดี”

“ได้……”

กู้ชูหน่วนตอบรับอย่างสะอึกสะอื้น มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันว่านอนสอนง่าย “เช่นนั้นข้าจะพาเขาออกไปเดินเล่น พี่เฉินเฟยพักผ่อนให้ดีๆ ข้ามีเวลาก็จะมาเยี่ยมท่าน ท่านจำเรื่องที่รับปากข้าไว้ด้วยนะ”

“ได้”

กู้ชูหน่วนดึงจอมมารออกไปอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่เดินมาถึงหน้าประตู นางก็หยุดลงอีกครั้ง เหมือนว่ากำลังลังเลอะไร จากนั้นครู่หนึ่งนางถึงได้กัดฟัน ออกไปจากบ้านไม้ไผ่โดยไม่หันกลับมามอง

แทบจะในเวลาที่กู้ชูหน่วนจากไป อี้เฉินเฟยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กระอักเลือดออกมา แต่เขาฝืนกดเสียงให้เบาลง ไม่ให้กู้ชูหน่วนที่อยู่ด้านนอกสังเกตได้

เสียงของเขาจะเบาแค่ไหน ก็ปิดบังจอมมารและกู้ชูหน่วนที่มีความว่องไวในการได้ยินไม่ได้

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น กลืนน้ำตาทั้งหมดในดวงตากลับไป

นางรู้ อี้เฉินเฟยทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้นนางจึงได้ออกมา

เขาไม่อยากให้นางรับรู้ถึงด้านที่น่าอนาถของเขา

จอมมารม้วนแขนเสื้อขึ้น กล่าวด้วยความเศร้าเล็กน้อย “พี่สาว…..ไม่งั้น ท่านกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขาจะดีกว่านะ ข้าไม่รบกวนพวกท่านก็ได้”

“ไม่ต้องแล้ว อาโม่ ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำ ไม่กี่วันนี้เจ้าอยู่ในเผ่าหยกดีๆ อย่าก่อความวุ่นวายได้หรือไม่?”

“ข้าเป็นคนที่ชอบก่อความวุ่นวายหรือไงกัน?”

“เจ้าไม่ใช่แน่นอน แต่ข้ากลัวว่าหากมีลูกศิษย์คนใดของเผ่าหยกมาพูดจากับเจ้าโดยไม่เคารพ หรือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เข้าหูเจ้า เจ้าก็จะทนไม่ได้แล้วฆ่าพวกเขา”

“วางใจเถอะ คนของพี่สาว ข้าจะไม่ฆ่ามั่วซั่วหรอก อย่างมากก็แค่สั่งสอนสักยก”

จอมมารเงยหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิ ใบหน้าอันเป็นเลิศปริรอยยิ้มอันพึงพอใจขึ้น “ข้ารู้ว่าพี่สาวต้องการหลอมรวมมุกมังกรให้ได้โดยเร็วที่สุด ท่านไปเถอะ รอจนท่านหลอมรวมมุกมังกรแล้ว ท่านค่อยพาข้าไปชมดอกไม้นานาพันธุ์หลังเขา”

“ดี”

กู้ชูหน่วนลูบผมสีหมึกของเขาโดยไม่รู้ตัว ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องชายแท้ๆจริงๆ

การกระทำที่ใกล้ชิดแบบนี้ ทำให้จอมมารรู้สึกได้รับความสำคัญยิ่งขึ้น

เขาหลับตาลง เหมือนดั่งลูกสุนัขตัวเล็กๆตัวหนึ่ง เสพสุขกับการสัมผัสของกู้ชูหน่วน ปากก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่สาว ข้าชอบให้ท่านลูบหัวข้า”

“พูดมาก”

กู้ชูหน่วนเอามะเหงกให้เขา เดินไปทางบ้านของเย่จิ่งหานทีละก้าว

เจี่ยงเสวียบาดเจ็บอาการสาหัส กู้ชูหน่วนปรุงยาบำรุงเลือดลมให้เขาเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่มีวิธีทำให้เลือดลมและกำลังวังชาของเขาฟื้นคืนมาได้ในทันที แต่ก็สามารถทำให้เขาฟื้นสภาพขึ้นมาได้มาก

ในส่วนของเย่จิ่งหาน อาการบาดเจ็บของเขาได้ผ่านการรักษาของนางมาแล้วชั่วขณะนี้ก็คงที่แล้ว เพียงแต่อยากจะฟื้นขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องอีกหลายวัน

กู้ชูหน่วนมอบอำนาจทั้งหมดไหว้วานให้ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าดูแลเย่จิ่งหาน กำชับให้เขาใช้ยาที่ดีที่สุด วิธีการรักษาที่ดีที่สุด

จิตใจของไป๋เฉ่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ด้วยคำสั่งของหัวหน้าเผ่า ก็ทำได้เพียงจำใจตกลงเท่านั้น

จัดการทุกอย่างเรียบร้อย กู้ชูหน่วนก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เรียกเสี่ยวลู่มาด้านหน้า

“เสี่ยวลู่ เจ้าติดตามข้ามาก็หลายปีแล้วสินะ”

“เรียนหัวหน้าเผ่า ใช่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้าซื่อสัตย์ภักดีต่อเผ่าหยก หรือว่าซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า?”

“เสี่ยวลู่ซื่อสัตย์ภักดีต่อนายหญิงเป็นแน่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นได้ ข้าต้องการให้เจ้าเฝ้าคุ้มกันเย่จิ่งหานไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ห้ามให้เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เผ่าหยกเด็ดขาด”

“นายหญิงกลัวคนในเผ่า จะฉวยโอกาสตอนท่านหลอมรวมมุกมังกร ทำให้เทพสงครามอยู่ในความลำบาก?”

แม้ว่าทุกคนในเผ่าหยกล้วนอยากจะให้เย่จิ่งหานตาย แต่คำสั่งของนายหญิง ผู้ใดจะกล้าไปสร้างความลำบากให้เทพสงครามกัน?

“ข้าไม่อยากคิดว่าคนอื่นเลวร้ายเกินไป และไม่กล้าคิดว่าคนอื่นดีเกินไป”

ร่างกายของเสี่ยวลู่สั่นสะท้านทันที โค้งคำนับรับคำสั่ง “นายหญิงวางใจได้ แม้ว่าเสี่ยวลู่จะต้องสู้ด้วยชีวิต ก็จะปกป้องอ๋องหานให้ดี”

“ดี”

จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่กู้ชูหน่วนก็ยังรู้สึกว่าจิตใจเคว้งคว้าง มักจะรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่เสมอ เหมือนว่าในไม่ช้าเผ่าหยกจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น

อาจเป็นเพราะนางขมวดคิ้วมากเกินไป เสี่ยวลู่ยิ้มแล้วกล่าว “นายหญิงกำลังกังวลใจเรื่องมุกมังกรหรือเจ้าคะ? หามุกมังกรได้ครบเจ็ดเม็ดแล้ว จะต้องถอนคำสาปโลหิตได้แน่ ท่านวางใจได้เลยเจ้าคะ สำหรับเพื่อนที่ท่านพากลับมา ข้าน้อยรับรองว่าในเผ่าจะไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรพวกเขาเจ้าค่ะ”

ใช่แล้ว มุกมังกรเจ็ดเม็ดก็หาเจอหมดแล้ว นางยังจะกังวลอะไรอีก?

เพราะกลัวว่าหวังมากเกินไป ถึงเวลาก็จะยิ่งผิดหวังมากงั้นหรือ?

ถุ้ย

นางจะปากเสียอะไร มีมุกมังกรแล้ว จะถอนคำสาปโลหิตไม่ได้ได้ยังไง

ห้องหลอมยาของเผ่าหยกก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สถานที่หนึ่งของเผ่าหยกมาโดยตลอด

ปกติแล้วที่นี่จะมีการคุ้มกันหนาแน่น วันนี้ก็ยิ่งเป็นแบบด้านนอกสามชั้นด้านในสามชั้น แต่ละชั้นมีคนคอยดูแล

ในห้องลับของห้องหลอมยา ผู้อาวุโสผู้เป็นที่นับหน้าถือตาของทุกคนล้วนมากันแล้ว พวกเขาโอบอุ้มมุกมังกรด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความตื่นเต้นเต็มอก

“หัวหน้าเผ่า มุกมังกรเจ็ดเม็ดอยู่ตรงนี้หมดแล้ว เพียงแค่เอามุกมังกรเจ็ดเม็ดวางไว้ในเตาหลอมยา ใช้เลือดของท่านและลมปราณขับเคลื่อนขึ้นมา ก็สามารถหลอมรวมมุกมังกรได้แล้ว”