บทที่ 734 หลอมรวมมุกมังกรไม่ได้

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 734 หลอมรวมมุกมังกรไม่ได้
“เตาหลอมยาอันนี้ถูกทิ้งไว้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน มีเพียงมันเท่านั้นที่สามารถบรรจุมุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดได้”

ผู้อาวุโสเก้ามองดูเตาหลอมยาด้วยความรู้สึกอนิจจังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลายพันปีมานี้เตาหลอมยาได้สูญหายไปหลายครั้ง และทุกครั้งที่พวกเขาต้องพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อหากลับมา

เพื่อที่จะปกป้องเตาหลอมยาเตานี้ คนเผ่าหยกของพวกเขาก็สละชีวิตไปไม่น้อย

มุกมังกรทั้งเจ็ดแบ่งเป็นสีแดงส้มเหลืองเขียวฟ้าน้ำเงินม่วงเจ็ดสี มุกมังกรทุกเม็ดล้วนเปล่งประกายแวววาว

ไม่ว่าจะเป็นมุกมังกรเม็ดไหน ก็เป็นการทุ่มเทด้วยเลือดเนื้ออย่างนับไม่ถ้วนของพวกเขา ผู้คนหลายยุคสมัยรุ่นแล้วรุ่นเล่าต้องเสาะหามากว่าจะรวบรวมให้ครบได้

ผู้อาวุโสหลายคนหลั่งน้ำตาอย่างคุมตัวเองไม่ได้

แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้เวลามากมายนักที่จะมารู้สึกเศร้าเสียใจ

นางรู้เพียงแค่พี่เฉินเฟยของนางแทบจะทนไม่ไหวแล้ว นางเสียเวลาไปสักนาทีเดียว พี่เฉินเฟยก็มีสิทธิ์จะเสียชีวิตได้มากขึ้น

และนาง ไม่มีทางยอมรับที่พี่เฉินเฟยจะเสียชีวิตไปต่อหน้านางได้

“เลือดของข้าต้องใช้อย่างไร?”

“เอาเลือดของท่านหยดลงไปในเตาหลอมยาทันที”

“มีเงื่อนไขปริมาณการใช้เลือดหรือไม่?”

“นี่……น่าจะไม่มี คนรุ่นก่อนไม่ได้บอกเกี่ยวกับเงื่อนไขปริมาณการใช้เลือดเอาไว้”

กู้ชูหน่วนพยักหน้า กัดนิ้วของตัวเองและเอาเลือดหยดลงในเตาหลอมยา

เมื่อเตาหลอมยาสัมผัสกับเลือดของนาง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงร้องของนกฟีนิกซ์ดังขึ้น กระทั่งยังมีฟีนิกซ์หลากสีที่มีสีสันถึงเจ็ดสีตัวหนึ่งบินฉวัดเฉวียนไปมา วนเวียนอยู่รอบๆเตาหลอมยา

“เกิดอะไรขึ้นกับฟีนิกซ์หลากสีตัวนี้?”

ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน

พวกเขาไม่เข้าใจเช่นกัน

บางทีอาจจะมีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่รู้ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้ และไม่รู้เบาะแสเช่นกัน

พวกเขาไปเชิญสุดยอดผู้อาวุโส แต่สุดยอดผู้อาวุโสก็เข้าฌาน พวกเขาตะโกนเรียกหลายครั้งก็เชิญสุดยอดผู้อาวุโสมาไม่ได้

เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการฝึกวิทยายุทธของสุดยอดผู้อาวุโส พวกเขาจึงไม่กล้ารบกวนสุดยอดผู้อาวุโสมาโดยตลอด

กู้ชูหน่วนแบะปาก “เผ่าเทียนเฟิ่นมีสุดยอดผู้อาวุโสมากมายขนาดนั้น แล้วเผ่าหยกของเราไม่มีสุดยอดผู้อาวุโสบ้างหรือไง?”

“เอ่อ…..สุดยอดผู้อาวุโสก็มีอยู่ แต่ว่าเข้าฌานแล้ว หัวหน้าเผ่า เพราะคำสาปโลหิตเป็นเหตุทำให้คนในเผ่าหยกของพวกเราไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่นานได้ ส่วนใหญ่ก็จากไปตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เทียบกับเผ่าเทียนเฟิ่น…..ไม่ได้จริงๆ”

กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว

เพราะเหตุนี้ แม้เจ้าของร่างเดิมจะมีกองกำลังมากมายขนาดนั้น ก็ไม่กล้าต่อต้านเผ่าเทียนเฟิ่น

เพราะว่าพื้นภูมิของเผ่าหยกไม่ได้หนาแน่เท่าเผ่าเทียนเฟิ่น และเผ่าเทียนเฟิ่นยังมีตาแก่อมตะอีกมากมายเท่าไหร่กันแน่ คนนอกก็คาดเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิง

เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ทำได้เพียงเอามุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดใส่เข้าไปในเตาหลอมยา และให้ผู้อาวุโสไม่กี่ท่านนั้นช่วยปกป้องรักษาความปลอดภัยค่ายกลให้นาง

นางใช้กำลังภายในขับเคลื่อนเตาหลอมยา ใช้เปลวไฟโหมกระหน่ำในเตาหลอมยาหลอมรวมมุกมังกร

เวลาผ่านไปหนึ่งวินาทีหนึ่งนาที เตาหลอมยานอกจากจะมีเสียงร้องของฟินิกซ์ตอนเริ่มแรกแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มุกมังกรทั้งเจ็ดก็ไม่มีแนวโน้มที่จะถูกหลอมรวมกัน

กู้ชูหน่วนตะลึง

ไม่ควรนี่นา ไม่ได้บอกว่าหลังจากที่รวบรวมมุกมังกรทั้งเจ็ดครบ ใช้เตาหลอมยานี่ก็จะสามารถหลอมรวมมุกมังกรนี่ได้หรือ?

หรือว่าใส่เลือดน้อยเกินไป?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ชูหน่วนหยิบมีดเล็กๆมา แล้วกรีดข้อมือตัวเอง เอาเลือดหยดลงในเตาหลอมยา

นางไม่กล้าหยดมากเกินไปในคราวเดียว เพราะเกรงว่าจะได้ผลตรงกันข้าม

ทว่านางหลอมครั้งแล้วครั้งเล่า เพิ่มเลือดเข้าไปรอบแล้วรอบเล่า มุกมังกรก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหลอมรวมกันสักนิด

“เกิดอะไรขึ้น? พวกท่านทำอะไรผิดรึเปล่า?”

ผู้อาวุโสเก้าหยิบม้วนหนังแกะโบราณขึ้นมาเล่มหนึ่ง