เขายังคงครุ่นคิด เสียงตื่นเต้นเล็กน้อยของหมอหลวงเจียงก็เปล่งออกมาว่า “หากข้าวินิจฉัยไม่ผิด องค์หญิงชิงเหอน่าจะมีลูกแฝดขอรับ”
ในห้องเงียบงัน
ผ่านไปนาน เสียงพูดแหลมสูงอย่างตื่นเต้นและสับสนของพระชายาฉีก็ดังออกมาจากในห้องอย่างต่อเนื่อง “หมอหลวงเจียง ท่านพูดจริงหรือ แน่ใจแล้วหรือ วินิจฉัยผิดหรือเปล่า โยวเอ๋อร์ได้ลูกแฝดจริงๆ หรือ”
หมอหลวงเจียงยังไม่ทันตอบ อ๋องฉีที่ทนไม่ไหวก็หุนหันเข้ามาในห้องอย่างไม่สนเรื่องมารยาทอีกต่อไป น้ำเสียงตื่นเต้นกว่าพระชายาฉี “จริงหรือ”
หมอหลวงเจียงพยักหน้า “แม้จะเพิ่งตั้งครรภ์ แต่ข้าแน่ใจว่าองค์หญิงชิงเหอได้ลูกแฝด ยินดีด้วยขอรับ ท่านอ๋อง พระชายาอ๋อง ซื่อจื่อ”
ในใจหวงฝู่อี้เซวียนดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ ลำตัวสั่นระริกนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ยื่นมือที่สั่นเทาของตนกุมมือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ “โยวเอ๋อร์ เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าอย่างดีใจ
หมอหลวงเจียงเป็นหมอหลวงตำแหน่งสูงสุดในสำนักหมอหลวง วิชาการแพทย์แม่นยำและช่ำชองประสบการณ์ ในเมื่อเขาบอกว่าได้ลูกแฝด ก็ไม่ผิดแน่นอน ความปลาบปลื้มยินดีของอ๋องฉีและพระชายาฉีก็แทบจะล้นออกมา พระชายาฉียื่นมือไปดึงมือของหวงฝู่อี้เซวียนที่กุมมือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ออกทันที พูดเตือนว่า “ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ โยวเอ๋อร์เพิ่งตั้งครรภ์เดือนแรก ต้องระวังเป็นพิเศษ เจ้ามือหนักเกินไป ต่อไปอย่าริอาจแตะต้องตัวนางอีก”
หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เสด็จแม่ ข้า…”
พระชายาฉีพูดขึ้นตัดบทเขาว่า “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าดูแลโยวเอ๋อร์เอง เจ้าย้ายไปอยู่เรือนอื่นเสีย”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดคัดค้านขึ้นว่า “เสด็จแม่ วันนี้คือวันสมรสของข้า ข้ายังไม่เข้าเรือนหอเลย”
พระชายาฉีโบกมืออย่างไม่แยแส “ลูกในท้องก็มีแล้ว ยังต้องเข้าเรือนหออีกทำไม แม่จะให้คนไปเก็บกวาดเรือนให้เจ้าตอนนี้เลย เจ้าย้ายออกไปเดี๋ยวนี้”
หวงฝู่อี้เซวียนมองไปอ๋องฉีหวังขอความช่วยเหลือ เรียกอย่างเว้าวอนว่า “เสด็จพ่อ”
อ๋องฉีไอกระแอมไปทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เสด็จแม่เจ้าพูดถูก”
คำพูดของหวงฝู่อี้เซวียนถูกกลืนกลับไปหมด
เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสามคน หมอหลวงเจียงอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า กลั้นไว้จนปวดท้อง
ฮ่องเต้และฮองเฮาก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดของทุกคนในห้อง สบตากันครู่หนึ่ง เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ‘งานมงคลสมรสที่ไม่ได้ไหว้ฟ้าดิน ไม่เข้าเรือหอ เรื่องแบบนี้คงมีเพียงเซวียนเอ๋อร์คนเดียวแล้วล่ะ’
ฮ่องเต้ไอกระแอมไปทีหนึ่ง ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “พระอนุชา จวนอ๋องมีทายาทแล้ว นี่เป็นเรื่องดีเรื่องใหญ่เลยนา เจ้าไม่รีบออกมารินสุรามงคลให้เราดื่มหน่อยหรือ”
ฮองเฮาก็ยิ้มและพูดสำทับว่า “น้องสะใภ้ เจ้าก็ออกมาเถอะ นี่เป็นเรื่องมงคล อย่างน้อยให้เราได้ร่วมยินดีด้วยเถอะ”
ในเมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาเอ่ยปากแล้ว ทั้งสองก็ไม่กล้าขัดขืน หลังจากพระชายาฉีพูดย้ำจ้ำจี้จ้ำไชหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว ก็เดินออกมาพร้อมกับอ๋องฉี
หมอหลวงเจียงเดินตามหลังมา
หวงฝู่อี้เซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ก็กุมมือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่น เรียกด้วยเสียงตื้นตันใจว่า “โยวเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
มือที่สั่นระริกของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ ยื่นออกไป วางลงบนท้องของนางอย่างเบามือ ค่อยๆ ลูบสัมผัส น้ำตาคลอเบ้า
ณ จวนตระกูลเมิ่ง
ซุนเหลียงไฉวิ่งกลับจวนตระกูลเมิ่งหายใจหอบหนัก วิ่งไปเรือนของเมิ่งชื่อ เสียงหายใจหอบพลางมองทุกคน
ทุกคนตกใจ
ซุนเชี่ยนเดินขึ้นไปตีเขาไปทีหนึ่ง ยิ้มแล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือ ถูกตีไล่กลับมาหรือ”
ภาพที่พวกเขาถูกสกัดจุดลอยขึ้นมาในหัวทุกคนอีกครั้ง เสียงหัวเราะก็ดังแผดขึ้นในห้องอีกครั้ง
“โยวเอ๋อร์ท้องแล้ว!” ซุนเหลียงไฉพูด
ทั้งห้องพลันเงียบงัน
ทุกคนเบิกตาโตมองไปที่เขา
“โยวเอ๋อร์ท้องแล้ว!” ซุนเหลียงไฉพูดซ้ำ
เมิ่งชื่อเดินไปข้างหน้าเพียงก้าวเดียวก็ถึงข้างหน้าเขา ถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ และร้อนรนว่า “เหลียงไฉ เจ้าพูดว่าอะไรนะ เจ้าพูดอีกทีสิ”
ซุนเหลียงไฉพูดซ้ำอีกรอบ
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งฉีตกใจจนลุกยืนพรวด
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร” เมิ่งชื่อพูดพึมพำอย่างไม่เชื่อ
“เป็นเรื่องจริงขอรับ ระหว่างทางเกี้ยวหยุดลง ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไปสืบความมา คนใช้จวนอ๋องบอกข้าเอง ไม่ผิดแน่นอนขอรับ” ซุนเหลียงไฉพูดอย่างมั่นใจ
เมิ่งชื่อยังคงรู้สึกไม่น่าเชื่อ “เสียนเอ๋อร์ก็ไปส่งตัวด้วย หากโยวเอ๋อร์ท้องจริง เขาต้องส่งคนกลับมาแจ้งข่าวแน่”
ซุนเชี่ยนตบไหล่ซุนเหลียงไฉแรงๆ ไปทีหนึ่ง พูดอย่างเคร่งครัดว่า “ซุนเหลียงไฉ เจ้ารู้ว่าร่างกายของโยวเอ๋อร์เป็นอย่างไร เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาพูดล้อเล่นนะ”
เมื่อเห็นทุกคนไม่เชื่อ ซุนเหลียงไฉเริ่มร้อนรน “ก็เพราะว่ารู้ว่าร่างกายโยวเอ๋อร์เป็นอย่างไร ข้าจึงรีบวิ่งกลับมาบอกพวกท่านไง”
นิสัยของซุนเหลียงไฉ เมิ่งชื่อก็เข้าใจดี ถึงแม้บางครั้งเขาจะเป็นคนประหลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะมาพูดจาเหลวไหลแน่นอน เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็เชื่อสิ่งที่เขาพูด
ความชื่นมื่นยินดีปรากฏบนใบหน้าของนางอย่างซ่อนไว้ไม่อยู่ นางจึงรีบสั่งว่า “ฉีเอ๋อร์ รีบไปเตรียมรถม้า เราไปจวนอ๋องเดี๋ยวนี้เลย”
เมิ่งฉีขานรับอย่างดีใจ แล้วหันหลังวิ่งไปหลังเรือน
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ แต่ก็ยังพอมีสติ เอ่ยปากเตือนเมิ่งชื่อ “วันนี้เป็นวันสมรสของโยวเอ๋อร์ ครอบครัวเราไปคงไม่ค่อยเหมาะสมนะ”
เมิ่งชื่อไม่สนใจ “ช่างประไร ลูกสาวข้าท้อง ข้าต้องไปหาเดี๋ยวนี้!” พูดจบ ก็เดินสาวเท้าออกไป
ซุนเชี่ยนและหวังเยียนเดินตามหลังไป
ทุกคนในห้องต่างลุกพรวดออกไปทันที เหลือเพียงเมิ่งเอ้ออิ๋นและซุนเหลียงไฉ
เมิ่งเอ้ออิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตามทุกคนออกไป
มองซ้ายทีขวาที ในห้องไม่เหลือใครเลย ซุนเหลียงไฉจึงรีบตามออกไป
ทุกคนเดินไปถึงหน้าประตู เหวินเปียวและเมิ่งฉีนำรถม้ามาสองคัน เมิ่งซื่อขึ้นรถม้า สั่งอย่างรีบร้อนว่า “เร็วเข้า ไปจวนอ๋อง”
ด้วยเหตุนั้น หวงฝู่อี้เซวียนผู้น่าสงสารเพิ่งได้นั่งลง ยังไม่ทันได้นั่งคุยดีๆ กับเมิ่งเชี่ยนโยว เสียงของชิงหลวนจากในเรือนก็ดังขึ้น “นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“โยวเอ๋อร์ล่ะ” เมิ่งชื่อถามด้วยความร้อนรน
“นายหญิงอยู่ในห้องเจ้าค่ะ ซื่อจื่อ…” ชิงหลวนยังไม่ทันพูดจบ เมิ่งซื่อก็เปิดม่านประตูเดินเข้ามาทันที
เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวนอนอยู่บนเตียง รีบเดินขึ้นไป ดันหวงฝู่อี้เซวียนออก ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า”
“เสด็จแม่ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหน เพียงแต่ตอนมาระหว่างทาง ข้าอาเจียนใส่อี้เซวียนจนเลอะไปทั้งตัว” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเสียงเบา
ในขณะที่เมิ่งชื่อโล่งใจ น้ำเสียงก็ปะปนด้วยคำติเตียน “อย่างนั้นก็ดีแล้ว เจ้าน่ะรู้สึกไม่สบายทำไมไม่บอกแต่แรก ถ้าเป็นอะไรไป…” พูดถึงตรงนี้ ก็นึกอะไรขึ้นได้ รีบถุยสองสามที “ถุย ถุย ถุย เมื่อกี้ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะ
ซุนเชี่ยนเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “น้องเล็ก เจ้าอาจจะเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน เพิ่งเริ่มมีอาการ ต้องระวังหน่อยนะ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปล่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ซ้อใหญ่”
เสียงของหวังเยียนเปี่ยมไปด้วยความปิติ จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “น้องเล็ก ซ้อรองรู้ว่าวันนี้เจ้าเพิ่งแต่งงาน แต่บางเรื่องก็ควรระวังหน่อย ทางที่ดีที่สุดอย่า…”
ทุกคนในห้องอาบน้ำร้อนมาก่อน ความหมายของนางคืออะไร ทุกคนต่างรู้ดี เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ หน้าเริ่มแดง ได้แต่พยักหน้าเบาๆ “รู้แล้วเจ้าค่ะ ซ้อรอง ข้าจะระวัง”
เมิ่งฉีเหลือบมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนรีบพยักหน้า “ขอรับ พี่รอง ข้าจะระวัง”
ซุนเหลียงไฉที่ตามหลังมาเห็นสภาพของหวงฝู่อี้เซวียน ความคับแค้นที่อดกลั้นในใจก็มลายไปบ้าง รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
เมิ่งชื่อถามต่อว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง หิวไหม”
ตอนเช้าทานแค่ไข่ต้มไปสองฟอง แต่ระหว่างทางก็อาเจียนออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ถึงรู้สึกว่าตัวเองหิว เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเบาๆ “ท่านแม่ ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ อยากกินอาหารฝีมือท่านแม่”
เมิ่งชื่อลุกขึ้นยืนทันที “อยากกินอะไร แม่ไปทำให้เดี๋ยวนี้เลย”
“ข้าวต้มกับกับข้าวสองสามอย่างก็พอแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากทานอย่างอื่น”
“ได้เลยลูกแม่ ข้าจะไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ ก็ก้าวเท้าเดินออกไป
เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันหลังกลับมาพูดว่า “อี้เซวียน เจ้ามากับแม่สิ แม่ไม่รู้ว่าห้องครัวของจวนอ๋องอยู่ตรงไหน”
หวงฝู่อี้เซวียนจึงเดินตามออกไปทันที แล้วพาเมิ่งชื่อไปถึงห้องครัว
วันนี้คนในครัวเยอะเป็นพิเศษ เมื่อเห็นหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามา ต่างตกใจ และรีบคารวะเขา
หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือ “ทำต่อเถอะ เหลือเตาไว้หนึ่งเตาก็พอ”
คนดูแลห้องครัวรีบสั่งให้คนเว้นที่เตาไว้หนึ่งเตาทันที
หลังจากเมิ่งชื่อถามที่เก็บถังข้าวสารแล้ว ก็นำข้าวสารออกมา ล้างข้าวจนสะอาด แล้วจึงเทใส่ในหม้อ
หวงฝู่อี้เซวียนคอยเดินตามอยู่ข้างหลังตลอด
ระหว่างที่เมิ่งชื่อทำอาหารก็สอนเขาไปด้วย “คนในตำหนักนั้นมีมาก อาจบกพร่องไปบ้าง ตอนนี้โยวเอ๋อร์มีครรภ์ จะทานอะไรแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ถ้าแม่ไม่อยู่ เจ้าควรลงมือทำข้าวต้มด้วยตัวเองจะเป็นการดีที่สุด”