เหมือนหลินเหม่ยหลิงยังไม่หายตกใจจากเมื่อครู่ เธอส่งเสียงประหลาดออกมา แล้วพยักหน้าซื่อๆ “ได้เลย!”

ทั้งสามคนเลือกร้านอาหารเล็กๆ แถวมหาวิทยาลัย ระหว่างทาง แววตาที่หลินเหม่ยหลิงมองเฉินโม่ หาความดูหมิ่นไม่เจออีกแล้ว

ทุกครั้งที่เจอกับสายตาที่เฉินโม่มองมา หลินเหม่ยหลิงก้มหน้าเหมือนหลบหนี ไม่กล้าสบตาเฉินโม่ เจี่ยงหยาวเห็นแล้วหัวเราะคิกคักออกมาทันที

หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินโม่เดินเป็นเพื่อนเจี่ยงหยาวอยู่ข้างนอกรอบหนึ่ง จากนั้นจึงแยกกัน

เฉินโม่เข้าพักในโรงแรมที่ค่อนข้างสะอาด แถวมหาวิทยาลัยซีเป่ย ส่วนเจี่ยงหยาวกับหลินเหม่ยหลิงกลับมาที่หอพัก

ในหอพักชายของมหาวิทยาลัยซีเป่ย อานหลิงหัวนอนอยู่บนเตียง มองพวกอาเปียวที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว เปิดนิยายในมือไปเรื่อยๆ

พวกอาเปียวก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

“พวกนายหกคนแพ้ไอ้หมอนั่นเพียงคนเดียวงั้นเหรอ” ผ่านไปครู่หนึ่ง อานหลิงหัวจึงถามขึ้น

อาเปียวรีบก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วอธิบายว่า “คุณชายอาน ไอ้หมอนั่นไม่ใช่คนธรรมดา ไม่รู้เขาใช้วิธีอะไร พวกเราโดนเขาซัดจนปลิวออกมาทันที”

“หืม” ใบหน้าอานหลิงหัวจริงจังขึ้น

“พูดแบบนี้ ไอ้หมอนั่นเป็นนักบู๊เหรอ” จากอำนาจของตระกูลอาน แน่นอนว่าอานหลิงหัวรู้จักกับคนในโลกฝึกบู๊ ตระกูลอานเองก็เชิญนักบู๊แดนในมาสักการบูชา

ถ้าสามารถเอาชนะพวกอาเปียวได้โดยไม่ต้องลงแรงเยอะ งั้นต้องเป็นนักบู๊แน่นอน

“นักบู๊เหรอ” พวกอาเปียวใบหน้าสงสัย คำว่านักบู๊ พวกเขาเคยได้ยินแค่ในนิยายกับในทีวีเท่านั้น

อานหลิงหัวไม่ได้อธิบายให้คนพวกนี้ฟัง บางสิ่งถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น ถึงอธิบายไปก็ใช่ว่าจะมีคนเข้าใจ

“ช่างเถอะ พวกนายลงไปพักผ่อนเถอะ รอหยั่นจิ้งกลับมา ฉันทำความเข้าใจกับรายละเอียดของไอ้หมอนั่นก่อน แล้วค่อยว่ากัน”

“ครับ!” พวกอาเปียวต่างคนต่างแยกย้ายกลับ

อานหลิงหัวปิดหนังสือลง ความเย็นชาฉายขึ้นมานัยน์ตา “หึ ถึงนายเป็นนักบู๊แล้วยังไง เด็กอายุ 18 ปี ให้ตายยังไงก็พละกำลังแค่แดนนอกเท่านั้นจะแย่งผู้หญิงกับฉัน นายยังห่างชั้นอีกเยอะ!”

อานหลิงหัวไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ และอ่านหนังสือต่อ ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดผู้ชายใส่แว่นคนนั้นกลับมาสักที

เมื่อเข้ามา ผู้ชายใส่แว่นรีบเดินมาข้างหน้าอานหลิงหัว ความดูหมิ่นผุดขึ้นบนหน้า มองอานหลิงหัวแล้วพูดว่า “คุณชายอาน ผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไอ้หมอนั่นชื่อเฉินโม่ มาจากมหาวิทยาลัยหัวหนาน เป็นคนบ้านนอกที่มาจากอำเภอเล็กๆ ไม่มีอำนาจอะไรอยู่เบื้องหลังครับ”

อานหลิงหัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ใบหน้าอึมครึม “คนบ้านนอกที่มาจากอำเภอเล็กๆ กล้าแย่งผู้หญิงของฉัน รนหาที่ตายชัดๆ!”

“คุณชายอาน หาคนไปสั่งสอนเขาสักหน่อยไหมครับ!” ผู้ชายใส่แว่นถามด้วยใบหน้าประจบ

อานหลิงหัวส่ายหน้า “ไม่ต้อง พวกอาเปียวไปมาแล้ว แต่โดนไอ้เด็กนั่นซัดจนหน้าตาฟกช้ำดำเขียว ขายหน้ามาก”

“อะไรนะครับ!” ผู้ชายใส่แว่นใบหน้าตกตะลึง “ไอ้เด็กนั่นมีคนช่วยเหรอครับ”

“เขาคนเดียว” อานหลิงหัวพูด

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แม้อาเปียวไม่ใช่ยอดฝีมือ แต่ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยๆ เด็กคนนั้นผอมแห้งแรงน้อย จะสู้อาเปียวได้ยังไง!” ผู้ชายใส่แว่นใบหน้าไม่อยากเชื่อ

อานหลิงหัวแสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ไอ้เด็กนั่นน่าจะเป็นนักบู๊!”

“นักบู๊!” ผู้ชายใส่แว่นตกใจทันที เขาเคยได้ยินข่าวของโลกฝึกบู๊จากอานหลิงหัวอยู่บ่อยๆ

“มิน่าล่ะเด็กนั่นถึงกล้าแย่งผู้หญิงของคุณชายอาน ที่แท้นี่คือที่พึ่งของเขานี่เอง!” ผู้ชายใส่แว่นพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย “คุณชายอาน ถ้าเด็กนั่นเป็นนักบู๊ งั้นคงจัดการยากแล้ว”

อานหลิงหัวส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “มีอะไรจัดการยาก ใช่ว่าตระกูลอานของฉันจะไม่มีนักบู๊ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาตั้งเยอะแยะ อีกไม่นานฉันจะทำให้เขารู้ถึงจุดจบของการเป็นศัตรูกับฉัน!”