ตอนพิเศษ 5-2 เซี่ยหมิงผู่ (ปลาย)

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เซี่ยเยียนเอ๋อร์กลับวิตก “ท่านแม่ ถ้าท่านพ่อและพี่ใหญ่ทะเลาะกันจะทำอย่างไร” นางสวมเสื้อผ้าสวยงดงาม ประดับเครื่องประดับงดงามเพื่อรอประกาศเรียกตัวเข้าพบองค์หญิงพี่สะใภ้ที่ไม่มาเสียที แต่กลับได้ยินมาว่าน้องสาวที่เกิดจากภรรยาเอกที่ควรจะตายเพราะปล้นฆ่าเมื่อปีนั้นกลับเข้ากันได้ดีกับลูกพี่ลูกน้องหญิงจากสกุลหลิว เด็กสาวสกุลหลิวที่ชื่อหลิวเย่ซึ่งนางดูถูกมาตลอดกำลังจะมีข่าวมงคล ทำเอานางโกรธเสียจนเกือบจะร้องไห้โฮ

 

 

จ้าวซื่อกลับส่งเสียง ฮึ “ถึงจะทะเลาะกันอย่างไรก็เป็นเรื่องของพ่อลูกเขา” จ้าวซื่อยุยงเซี่ยจิ้นอันให้โกรธก็เป็นเพราะจุดประสงค์นี้ ทะเลาะซี ทะเลาะกันเลยก็ดี อย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน เซี่ยหมิงผู่จะจับบิดาส่งเข้าคุกเชียวหรือ

 

 

จ้าวซื่อคิดในแง่ดียิ่งนัก แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าเซี่ยจิ้นอันจะไม่ได้เข้าแม้แต่ประตูใหญ่จวนข้าหลวงใหญ่ องครักษ์ที่หน้าประตูได้รับคำสั่งเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ห้ามให้เข้ามา ทำไมหรือ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นบิดาของท่านข้าหลวงใหญ่ของเราหรือ อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย บิดามารดาของใต้เท้าของเขานั้นเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว มีน้องสาวเพียงคนเดียว ไหนเลยจะมีบิดา แอบอ้างเป็นบิดาของท่านข้าหลวงนั้นมีโทษหนัก อย่างนั้นก็เท่ากับเดินไปเข้าคุกมิใช่หรือ

 

 

เซี่ยจิ้นอันพ่ายแพ้กลับมาอย่างรวดเร็ว เท้าข้างหนึ่งเพิ่งจะย่ำกลับมาถึงจวน พ่อบ้านของจวนข้าหลวงใหญ่ก็รายงานอยู่หน้าจวน “ขอให้เจ้าบ้านสกุลเซี่ยให้สัญญาต่อนายท่านเซี่ย แซ่เซี่ยเหมือนกัน ก่อเรื่องขึ้นมาจะไม่งาม”

 

 

สีหน้าของเซี่ยเหยียนฮว๋าหมองคล้ำลง ออกไปส่งพ่อบ้านแห่งจวนข้าหลวงใหญ่อย่างนอบน้อมแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตบหน้าลูกชายคนโตไปหนึ่งฉาด

 

 

ผิดหวัง เขาผิดหวังจริงๆ ก่อนหน้านี้ลูกชายใหญ่ของเขายังอยู่ดี ทำไมยิ่งอยู่ยิ่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้

 

 

ยิ่งชื่อเสียงและฝีมือของเซี่ยหมิงผู่ขจรไปไกล เซี่ยนเหยียนฮว๋าก็ยิ่งจมสู่ความเสียใจอยู่ทุกวัน แม้ว่าตระกูลเซี่ยของพวกเขาจะเป็นตระกูลขุนนาง เมื่ออยู่ในเจียงหนานก็ยังถือว่าไม่เลว แต่เมื่ออยู่ในต้ายง ก็ไม่ได้ถือว่ามีความสำคัญอะไร สกุลเซี่ยของพวกเขาเกือบจะได้เป็นตระกูลใหญ่ของต้ายง หลานชายของเขา หลานชายที่เป็นท่านข้าหลวงใหญ่ของเขา! ตอนนี้ถูกลูกชายที่เลอะเลือนของเขาทำพังหมด ตอนนี้เขายังไม่รู้ตัว หากปล่อยให้เขากระเสือกกระสนก่อเรื่องเช่นนี้ ต่อไปหลานชายของเขาคงหาเรื่องแก้แค้นแน่

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋าเสียใจอย่างสุดซึ้ง!

 

 

เซี่ยจิ้นซง เซี่ยจิ้นเหนียน และเซี่ยจิ้นหรงก็นึกตำหนิพี่ชายใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าหลานชายยิ่งสนับสนุนสกุลหลิว แต่ไม่หาไม่ถามถึงสกุลเซี่ย พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากยิ่งขึ้น ความจริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเก้าปีก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุ จะต้องเกี่ยวข้องกับพี่สะใภ้ใหญ่แซ่จ้าวแน่ เป็นเพราะหากสองพี่น้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือจ้าวซื่อและลูกๆ!

 

 

พี่ใหญ่ไม่เพียงไม่จัดการจ้าวซื่อเพื่อคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวผู่ กลับได้ยินว่าจ้าวซื่อยุยงพี่ใหญ่ให้ไปยังจวนข้าหลวงใหญ่ มันช่าง…มันช่างไม่สมเหตุสมผลเสียเลย!

 

 

สะใภ้รอง สะใภ้สาม สะใภ้สี่ของสกุลเซี่ยก็คงจะไม่พอใจแน่ๆ เสี่ยวผู่เป็นหลานชายคนใหญ่สุด พวกนางล้วนแล้วแต่มีบุตรธิดาทั้งนั้น หากมีอำนาจอยู่ในมือก็คงจะมีประโยชน์มาก! แล้วตอนนี้ล่ะ ทุกอย่างล้วนต้องโทษจ้าวซื่อที่แสนร้ายกาจคนนั้น พวกนางไม่กล้าที่จะกล่าวโทษเซี่ยจิ้นอัน ดังนั้นจึงย้ายความโกรธไปลงที่จ้าวซื่อแทน

 

 

หลังจากที่เซี่ยเหยียนฮว๋าโกรธแล้วก็ช่วยลูกชายคนโตเก็บกวาดเรื่องยุ่งยาก หลายวันมานี้เขาเริ่มจะมองออก หลานชายของเขาเป็นคนดุดัน ไม่มีเรื่องใดที่เขาจะไม่กล้าทำ ไหนเลยจะเอาแต่จ้องมองสกุลเซี่ยโดยไม่ทำอะไรเลย ใช้โอกาสตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ปรามลูกชายคนโต รีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นหากเขาต้องตายไป ลูกชายคงทำลายสกุลเซี่ยจนย่อยยับแน่ เช่นนั้นเขาคงตายตาไม่หลับ

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋าส่งจดหมายไปที่จวนข้าหลวงใหญ่ เซี่ยหมิงผู่ถือจดหมายหมิ่นๆ ในมือ แล้วหัวเราะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านปู่ และปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ก็คงต้องไว้หน้าบ้าง

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋านำลูกชายทั้งสี่คนไปยังจวนข้าหลวงใหญ่ ก่อนจะมายังออกคำสั่งให้ลูกชายคนโตเงียบเอาไว้ ไม่อนุญาตให้เขาพูด มิเช่นนั้นจะลงโทษเขาตามกฎของบ้าน เซี่ยจิ้นอันจำต้องพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋ามองสีหน้าเคร่งขรึมของหลานชายคนโต ในใจก็รู้สึกต่างๆ นานา นี่คือหลานชายเขาอย่างชัดเจน เขากลับต้องคุกเข่า นอกจากคุกเข่า เขายังต้องค่อมตัวโค้งให้ สุดท้ายเขาก็สะบัดชายเสื้อแล้วกัดฟัน “เสี่ยวผู่!”

 

 

“ท่านปู่ทำอะไร ไม่มีเหตุผลเลยที่จะให้ผู้อาวุโสคุกเข่าเคารพหลานชาย” เข่าของเซี่ยเหยียนฮว๋ากำลังจะโค้งลงพื้นเซี่ยหมิงผู่ก็ประคองเขาเอาไว้

 

 

เพียงแค่ประโยคธรรมๆ เช่นนี้ เซี่ยเหยียนฮว๋าก็ตาแดง “เสี่ยวผู่ เป็นเพราะปู่ทำตัวไม่ดีกับเจ้า” เป็นเพราะเขาไม่คุ้มครองหลานชายให้ดี

 

 

เซี่ยหมิงผู่กลับพูดเสียงเรียบ “เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับท่านปู่” อย่าว่าแต่ท่านปู่ เขาเองก็ยังถูกสีหน้าที่ฉาบความเป็นคนดีของจ้าวซื่อหลอกลวงเอาด้วยมิใช่หรือ

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋ามองหลานชายคนโต ความรู้สึกอ่อนไหวมากมาย เขาเองก็อดที่จะกังวลขึ้นมาไม่ได้ “เสี่ยวผู่ ปู่รู้ดี พวกเราสกุลเซี่ยติดหนี้พวกเจ้าสองพี่น้อง เจ้าต้องการให้พวกเราทำอย่างไร” คำพูดนี้ช่างออกมาได้น่าอึดอัดใจนัก

 

 

เซี่ยหมิงผู่ทักทายพ่อและอาทั้งสามอย่างง่ายๆ จากนั้นจึงค่อยพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อเก้าปีก่อน พวกท่านก็คงทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนแรกข้าขอร้องให้คุณหนูพาข้ากลับมาแก้แค้นที่เจียงหนาน คุณหนูบอกกับข้าเช่นนี้ ท่านปู่ลองฟังดูว่ามีเหตุผลหรือไม่”

 

 

“คุณหนูดุด่าข้าก่อนไปหนึ่งยก ด่าที่ข้าไร้ความสามารถ นางบอกว่าความแค้นของตัวเองก็แก้แค้นเองซี นางบอกว่าข้าไม่ต้องทำอะไรเลย แม้แต่หลักฐานอะไรก็ไม่ต้องไปหา ขอเพียงให้ข้าได้ตำแหน่งราชการ มีอำนาจอยู่ในมือ ให้ข้าได้มีตำแหน่งที่สูงกว่าสกุลเซี่ย ข้าไม่ต้องลงมือเองเลย แต่กลับจะมีคนลงโทษผู้ร้ายแทนข้าเอง ท่านปู่ ท่านว่ามีเหตุผลหรือไม่”

 

 

ใบหน้าของเซี่ยหมิงผู่มีรอยยิ้มบางๆ “น่าเสียดายที่ข้ารอมาถึงสองเดือน จ้าวซื่อและลูกๆ ของนางก็ยังคงอยู่ดีที่บ้านสกุลเซี่ย ท่านปู่ ข้านั้นผิดหวังยิ่งนัก!”

 

 

เมื่อสบดวงตาแหลมคมของหลานชายคนโต ใจของเซี่ยเหยียนฮว๋าก็สั่น ใบหน้าฉายแววลำบากใจ ทว่าเซี่ยจิ้นอันกลับขมวดคิ้ว “เรื่องนี้เกี่ยวกับมารดาและน้องชายน้องสาวของเจ้าอย่างไรกัน”

 

 

เซี่ยหมิงผู่ไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงมองเซี่ยเหยียนฮว๋า “ท่านปู่ ท่านลองบอกหน่อยซี อ้อ ใช่แล้ว คุณหนูยังบอกอีกว่า สุดท้ายแล้วการแก้แค้นนั้นไม่จำเป็นต้องทำร้ายศัตรูจนตาย ปล่อยให้นางมีชีวิตรอดเถิด มีชีวิตให้ยาวนาน มีชีวิตแบบที่ค่อยๆ ริบสิ่งของที่เป็นของนางทีละชิ้น ให้นางเห็นคนที่นางรักค่อยๆ ตกลงไปในนรก แต่นางต้องมีชีวิตอยู่ทั้งๆ ที่อยากตาย อย่างนั้นซีจึงจะมีความสุข”

 

 

น้ำเสียงของเซี่ยหมิงผู่ฟังดูอบอุ่น ท่าทีอ่อนน้อม ทว่าเซี่ยเหยียนฮว๋ากลับรู้สึกเย็นวาบ เป็นนานจึงค่อยพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “จ้าวซื่อวางแผนทำร้ายบุตรเอกต้องถูกส่งไปอยู่ในวัดนอกเมือง หมิงฉินถูกปลดออกจากตำแหน่งบุตรเอก ไม่สามารถรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปได้อีก”

 

 

สีหน้าของเซี่นจิ้นอันเปลี่ยนไปในทันที เมื่อกำลังจะวิ่งเต้นก็ถูกน้องชายทั้งสามกดตัวเอาไว้ไม่ให้หนี

 

 

เซี่ยหมิงผู่ปรายตามองพ่อของเขาแวบหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน หันกลับไปพูดกับท่านปู่ว่า “ท่านปู่ช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก” วินาทีต่อมาก็เปลี่ยนเรื่องโดยฉับพลัน “ข้าจำได้ว่าน้องเยียนเอ๋อร์อายุสิบห้าปีแล้ว ได้ยินว่ายังไม่ได้ดำเนินการเรื่องงานหมั้นงานแต่งใช่หรือไม่”

 

 

ใจของเซี่ยเหยียนฮว๋าสั่นเทา แต่จำต้องยอมรับเท่านั้น “ใช่แล้ว เยียนเอ๋อร์จะถึงวัยปักปิ่นในเดือนหน้าแล้ว”

 

 

ได้ยินเซี่ยหมิงผู่เอ่ยขึ้นว่า “ท่านปู่ ข้าจำได้ว่าบุตรเอกของสกุลเหยายังไม่มีงานมงคล สกุลเซี่ยและสกุลเหยาถือว่าเข้ากันได้ดีเสมอมา ท่านปู่คิดว่างานแต่งงานครั้งนี้เป็นอย่างไร” ความหมายของคำพูดของเขาก็คือต้องการจะให้เซี่ยเยียนเอ๋อร์แต่งงานกับบุตรเอกสกุลเหยานั่นเอง

 

 

สีหน้าของเซี่ยเหยียนฮว๋าแลดูแย่มาก เซี่ยหมิงผู่กลับทำเหมือนมองไม่เห็น ใบหน้ายังยิ้มน้อยๆ แล้วรอเงียบๆ

 

 

“เจ้าสัตว์นรก เยียนเอ๋อร์เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้านะ!” เซี่ยจิ้นอันหลุดพ้นจากการเกาะกุม จ้องมองเซี่ยหมิงผู่ด้วยสายตาโกรธเคือง ใครจะไม่รู้บ้างว่าบุตรเอกของสกุลเหยาเป็นคนขี้โรค หลังจากคลอดออกมาแล้วก็อยู่แต่ในเรือน เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ มาจนถึงอายุสิบหก ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดจนถึงเมื่อไหร่ หากเยียนเอ๋อร์แต่งออกไป จะต้องเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว อย่างนี้ก็เท่ากับทำลายชีวิตนางทั้งชีวิตหรือ จิตใจของเจ้าลูกชั่วคนนี้ทำไมถึงได้โหดร้ายนัก

 

 

“เก้าปีก่อน ม่านเอ๋อร์ยังอายุแค่ห้าปี และนางยังเป็นธิดาเอกเพียงคนเดียวด้วย” เซี่ยหมิงผู่มองบิดาด้วยสายตาเย็นเยียบ แม้แต่เด็กห้าขวบก็ยังไม่ปล่อย ตอนนี้กลับมาพูดเรื่องเมตตาธรรมกับเขา น่าหัวเราะไปหน่อยหรือเปล่า

 

 

“ดี! การแต่งงานครั้งนี้เหมาะสมนัก! ” เซี่ยเหยียนฮว๋ากัดฟันพูด หากไม่ตอบรับจะให้ทำอย่างไร เยียนเอ๋อร์ก็ต้องตกที่นั่งลำบากกว่านี้แน่

 

 

เซี่ยหมิงผู่ยิ้ม “ขอบพระคุณท่านปู่ที่รอบคอบ รอให้จัดการให้เรียบร้อย หลานจะพาองค์หญิงและน้องสาวกลับสกุลเซี่ยไปไหว้ท่านแม่”

 

 

คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องนัก เมื่ออำนาจอยู่ในมือ ตัวเขาเองก็ไม่ต้องลงมือเลย สกุลเซี่ยก็จัดการเรื่องทุกอย่างตรงหน้าให้เขาเอง เก้าปีก่อน คุณหนูยังเด็กกว่าเขาอยู่เล็กน้อยกลับมองเห็นทุกอย่างทะลุรุโปร่ง ช่างน่าชื่นชมเหลือเกิน!

 

 

แต่ว่า เซี่ยหมิงฉินคล้ายยังทุกข์ไม่พอ ไม่มีสถานะบุตรเอกของตระกูล ไม่มีสถานะเจ้าบ้านคนถัดไปก็พอแล้วหรือ ไม่ ยังไม่พอ ยังไม่พอที่จะทำให้จ้าวซื่ออกแตกตาย

 

 

วันต่อมา สกุลเซี่ยก็ส่งจ้าวซื่อไปยังวัดเพราะความผิดในฐานปองร้ายบุตรเอก สามวันหลังจากนั้น ลูกสาวที่นางทุ่มเททุกอย่างให้อย่างเซี่ยเยียนเอ๋อร์ก็หมั้นหมายกับบุตรชายเอกของสกุลเหยา หลังจากผ่านไปหกวัน เซี่ยหมิงฉินที่จ้าวซื่อทำทุกอย่างให้ก็ตกบันไดจากการทะเลาะเบาะแว้งในหอนางโลม ศีรษะบาดเจ็บ กลายเป็นคนปัญญาอ่อน

 

 

จ้าวซื่อที่อยู่ที่วัด เมื่อได้ยินข่าวของบุตรธิดา ก็กลายเป็นบ้า

 

 

แล้วในตอนนี้ เซี่ยหมิงผู่กลับพาภรรยาและน้องสาวไปไหว้ป้ายวิญญาณของมารดาที่แท้จริงในโถงบรรพบุรุษสกุลเซี่ย