ตอนที่ 232 ประจำเดือนมากะทันหัน!

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

หัวใจเยี่ยเม่ยสับสนว้าวุ่น

 

 

เสี้ยวเวลาเพียงแค่ชั่ววูบ ความคิดต่างๆ นานา ผุดขึ้นในสมอง หากนางคืออาซี หากคนที่ตายคือบิดามารดาของนาง

 

 

เช่นนั้น…

 

 

ทันทีที่เป่ยเฉินอี้รู้ฐานะที่แท้จริงของนาง ไม่แน่ว่านางอาจจะถูกคนของเป่ยเฉินไล่ฆ่า คิดแก้แค้นก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว

 

 

จริงด้วย แก้แค้น

 

 

หากความทรงจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตล้วนเป็นความจริง นางจะต้องแก้แค้น ความเจ็บปวดเหมือนใจจะขาดทั้งเป็นนี้ ไม่สมควรมีนางคนเดียวที่รู้สึก

 

 

นางไม่อาจปล่อยให้เป่ยเฉินอี้จับพิรุธได้ แต่จะอธิบายเรื่องที่นางล้มอย่างไร

 

 

เพียงเวลาชั่ววูบ เยี่ยเม่ยครุ่นคิดมากมายถึงขั้นนี้

 

 

เห็นแววยินดีในดวงตาของเป่ยเฉินอี้ นางยิ่งลนลาน หากครั้งนี้กลบเกลื่อนไม่ได้อีก จุดยืนของนางภายภาคหน้าคงลำบากเต็มที

 

 

ในขณะที่สมองสับสนวุ่นวาย นางพลันรับรู้ได้ว่าช่วงล่างของตนมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลลงมา

 

 

ถัดมา เยี่ยเม่ยใจสั่นสะท้าน

 

 

ก้มหน้ามองอาภรณ์สีดำของตัวเองคล้ายถูกบางสิ่งทำให้ชื้น เพราะว่าชุดสีดำจึงไม่อาจเห็นชัดเจน ยามนี้นางรู้สึกคลายใจ…

 

 

นางเงยหน้ามองเป่ยเฉินอี้ สีหน้ากระอักกระอ่วนคล้ายมีคำพูดยากจะเอ่ย น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเคย “อืม…ข้ารู้สึกว่าวันนี้อ่อนเพลียมาก ที่แท้มีประจำเดือนนี่เอง! ทำเอาเมื่อครู่ข้ายืนไม่มั่นคงเสียเลย…”

 

 

เป่ยเฉินอี้หางตากระตุก

 

 

หัวใจที่แต่เดิมอัดแน่นไปด้วยความยินดี พลันจมดิ่งลง อย่างนั้นที่นางล้มลงไปเมื่อครู่ หาใช่เพราะอารมณ์ที่แปรเปลี่ยน แต่เพราะมีประจำเดือนแล้วหรือ

 

 

สตรีมีประจำเดือน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนไม่ขัดเขินเอ่ยวาจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้กับตน เขา…

 

 

ในระหว่างที่เขาสงสัย

 

 

เยี่ยเม่ยชี้ที่อาภรณ์ของตัวเอง ให้เขาเห็นผ้าที่เปียกชื้นผืนนั้น เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ท่านก็เห็นแล้ว ข้าเองก็…กระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน ข้าไม่หวังว่าท่านจะมีผ้าซับประจำเดือน ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะไปยังสถานที่แห่งใหม่ ต้องไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วก็ผ้าซับประจำเดือนด้วย”

 

 

เป่ยเฉินอี้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เส้นชีพจรตรงขมับเต้นตุบตับ

 

 

ตั้งแต่ความรู้สึกเบิกบานอย่างคลุ้มคลั่งพลันร่วงดิ่งลงจนถึงที่สุด ทั้งยังจนคำพูด ในความจนปัญญานั้น เขาสูดลมหายใจลึกคำหนึ่ง จ้องใบหน้าเบื้องหน้า เอ่ยเสียงขรึมว่า “ก็ได้ แม่นางเยี่ยเม่ยลุกขึ้นเองไหวหรือไม่”

 

 

 “ข้าไม่กล้ารบกวนท่านอ๋องพยุงหรอก ท่านอ๋องเชิญนำทางเถิด!” น้ำเสียงของเยี่ยเม่ยยังนับว่าเกรงใจอยู่ พูดจบก็ลุกขึ้น

 

 

เป่ยเฉินอี้ไม่ยินยอมถกเรื่องประจำเดือนกับสตรีนางหนึ่งต่อไปแน่ เมื่อฟังนางเอ่ยจบ เขาก็สะบัดชายเสื้อเดินนำออกไป

 

 

เสี้ยวเวลาที่เขาหมุนตัวไป

 

 

เยี่ยเม่ยรู้สึกคลายใจ หัวใจที่ปวดหนึบ หางตายังคลอด้วยน้ำตา ยังดีที่สวรรค์ยุติธรรมสักครั้งหนึ่ง ช่วยเหลือนาง ไม่เช่นนั้นหากไม่เพราะวันนี้ประจำเดือนมา ยามที่นางได้รับความทรงจำกลับคืนมาได้ ก็ตกอยู่ในสภาพถูกไล่สังหารทันที

 

 

นางไม่อยากตาย

 

 

ทั้งไม่อาจถูกคนไล่ฆ่า

 

 

นางจำเป็นต้องใช้ฐานะเยี่ยเม่ยเพื่อทำความเข้าใจเรื่องในปีนั้นให้แจ่มแจ้ง เพื่อล้างหนี้เลือดของน้องชายและบิดามารดา

 

 

น้องชาย…

 

 

จริงด้วย

 

 

ในเสี้ยวเวลาเดียวกันนี้เอง ในหัวของเยี่ยเม่ยปรากฏภาพมือเล็กๆ นิ่มเด้งของทารกน้อยห่อด้วยผ้าอ้อมจับนิ้วชี้ของนางไว้ ส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

 

 

นั่นคือน้องชายของนาง

 

 

แต่ว่าบิดามารดาตายหมดแล้ว แล้วน้องชายเล่า

 

 

เขาไปที่ไหนแล้ว

 

 

ไม่รู้เป็นเพราะอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันหรือไม่ ยามที่อารมณ์บีบรัด นางพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นอย่างร้ายกาจ สิ้นสติล้มลงไป

 

 

เป่ยเฉินอี้ได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง

 

 

ช่วงเวลาที่เขาหันกลับไป ก็เห็นร่างของเยี่ยเม่ยล้มพับลงกับพื้น

 

 

หัวใจเขากระตุก รีบพุ่งไปเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย ส่งสายตามองรอยชื้นบนชุดของนาง

 

 

เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง

 

 

ในเวลานี้นอกจากพวกเขาสองคน ก็ไม่มีใครในสถานที่นี้อีก ชิงเกอและคนขับรถเฝ้าอยู่ด้านนอก

 

 

เมื่อจ้องมองใบหน้าเย็นชาราวถ้ำน้ำแข็งของเยี่ยเม่ย เป่ยเฉินอี้พรูลมหายใจออก

 

 

ก้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมา เดินออกไปนอกวัง ร่างกายอบอุ่นอ่อนนุ่มอยู่ในอก ทว่าเขากลับรู้สึกเย็นเยียบคล้ายเยี่ยเม่ยผู้นี้มีร่างกายและหัวใจเย็นยะเยือก ถึงได้ไม่อาจสัมผัสความอบอุ่นได้

 

 

เขาก้มหน้าลง จ้องมองใบหน้าที่เหมือนจงเจิ้งซีอย่างเงียบๆ

 

 

หัวใจว้าวุ่นไม่หยุด…

 

 

นางล้มลงไป ซ้ำยังเป็นลมอีกด้วย สรุปแล้วเป็นเพราะประจำเดือนหรือเป็นอย่างที่เขาคาดเดากันแน่

 

 

แต่ใบหน้าของสตรีนางนี้เย็นชาอยู่เป็นนิจ ต่อให้เป็นเขาก็จับพิรุธใดๆ ไม่ออก ในชั่วขณะคิด เขาก็อุ้มเยี่ยเม่ยเดินออกจากวังมาแล้ว

 

 

ชิงเกอเห็นภาพเบื้องหน้า พลันตะลึงงัน

 

 

มองเป่ยเฉินอี้อย่างไม่เชื่อสายตา ถามว่า “ท่านอ๋อง หรือว่าจะเป็น…”

 

 

องค์หญิงซีจริงๆ

 

 

ไม่เช่นนั้นจะเป็นลมไปได้อย่างไร ท่านอ๋องจะอุ้มออกมาได้อย่างไร

 

 

ในขณะที่เขาใช้ความคิด

 

 

เป่ยเฉินอี้ปรายตามองเขา น้ำเสียงขรึมดังว่า “นางมีประจำเดือนแล้ว”

 

 

ชิงเกอ “…”

 

 

 “อ้อ!” ชิงเกอหมุนตัวไปเงียบๆ เปิดม่านรถม้าออกอย่างจนคำพูด ในใจก็แอบครุ่นคิด แม่นางเยี่ยเม่ยที่ยามปกติดูแล้วแข็งแกร่งไร้ที่ติ ไฉนวันนี้เป็นลมไปเพราะมีประจำเดือนได้เล่า

 

 

ช่างเถอะ เขาเป็นบุรุษไม่เคยมีประจำเดือนมาก่อน ไม่อาจวิจารณ์ได้

 

 

อย่างไรเสีย ชั่วชีวิตนี้ก็ไร้วาสนาจะรับรู้แล้วว่าอะไรคือการปวดท้องประจำเดือน

 

 

เป่ยเฉินอี้อุ้มเยี่ยเม่ยขึ้นรถ ชิงเกอเห็นฉากนี้ เสี้ยววินาทีนี้สติสัมปชัญญะหมุนคว้างคล้ายย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านอ๋องกับจงเจิ้งซีพบกันครั้งแรก วันนั้นท่านอ๋องก็อุ้มนางที่หมดสติขึ้นรถม้า

 

 

ระหว่างที่ตื่นตระหนกอยู่นั้น เป่ยเฉินอี้ขึ้นรถม้าไปแล้ว

 

 

ม่านรถม้าร่วงลงมาปิดสายตาของชิงเกอเอาไว้  

 

 

ชิงเกอค่อยได้สติ ถามคนด้านในว่า “ท่านอ๋อง จะไปที่ไหนต่อ”

 

 

 “ไปร้านเสื้อผ้าก่อน อีกอย่างประจำเดือนของนาง…” เป่ยเฉินอี้เอ่ยถึงตรงนี้ คล้ายยากจะเอ่ยปากต่ออีก

 

 

ในฐานะคุณชายสูงศักดิ์ เชื้อพระวงศ์ เขาพูดว่าหาผ้าซับประจำเดือนไม่ออกจริงๆ

 

 

ชิงเกอหาได้โง่งม เข้าใจได้ในบัดดล เขาพยักหน้า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”

 

 

ชิงเกอมองคนขับรถ เอ่ยปากว่า “ไปเถอะ!”

 

 

……

 

 

ฝั่งหุบเขา

 

 

กลุ่มคนที่ไล่สังหารจงรั่วปิง ถูกเสี่ยวกวนกำราบ

 

 

เสี่ยวกวนมองจงรั่วปิงทีหนึ่ง ถามว่า “แม่นางจง พระชายาองค์ชายสี่ของพวกเราเล่า”

 

 

ระยะนี้เสี่ยวกวนทำงานเกิดแต่ข้อผิดพลาด แต่สมองยังนับว่าใช้การได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกเยี่ยเม่ยเป็นพระชายาองค์ชายสี่

 

 

จงรั่วปิงรู้ว่าเขาถามถึงใคร รีบตอบว่า “นางถูกเป่ยเฉินอี้รั้งไว้แล้ว บอกว่าจะพานางไปสถานที่สักสองสามแห่ง…”

 

 

 “อะไรนะ!” เสี่ยวกวนลนลานทันที

 

 

จงรั่วปิงปลอบว่า “เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น ดูแล้วไม่น่าเกิดเรื่อง”

 

 

 “ข้าจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร! ตระกูลข้าสามชั่วอายุคนมีข้าเสี่ยวกวนเป็นผู้สืบทอดคนเดียว ความหวังของตระกูลข้าล้วนฝากไว้กับแม่นางเยี่ยเม่ย! ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ขอตัวก่อน!” เสี่ยวกวนเอ่ยจบก็โบกไม้โบกมือ นำคนทั้งหมดจากไป