ตอนที่ 233 อ้อมกอดของเป่ยเฉินอี้

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

มุมปากของจงรั่วปิงกระตุก ก็ดี

 

 

หากเยี่ยเม่ยเป็นอะไรไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องจัดการเสี่ยวกวนแน่ ความหวังของทั้งตระกูลฝากฝังไว้ที่เยี่ยเม่ยจริงๆ

 

 

เมื่อมองไปที่ซากศพเกลื่อนพื้น จงรั่วปิงก็ไม่ได้หยุดรั้งรอ นำสมุนไพรมุ่งหน้ากลับเมืองชายแดนอย่างรวดเร็ว

 

 

เสี่ยวกวนที่ออกตระเวนหาเยี่ยเม่ย เวลานี้ใจของเขาแอบคิดว่า ช่วงนี้ทำงานเสี่ยงอันตรายเหลือเกิน เขาสมควรรีบแต่งภรรยา จัดการเรื่องผู้สืบสกุลของตัวเองให้เรียบร้อย กันไม่ให้ครั้งหน้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วต้องมาแตกตื่นเช่นนี้อีก

 

 

แต่ว่าเขาคิดถึงนิสัยขององค์ชายสี่ได้ในไม่ช้า

 

 

เสี่ยวกวนแทบจะร้องไห้น้ำตาไหลนอง ช่างเถอะ ต่อให้มีทายาท แต่เมื่อเกิดเรื่องเกรงว่าเตี้ยนเซี่ยก็คงไม่ปล่อยทายาทผู้น่าสงสารของตนเองไปแน่

 

 

มีชีวิตอยู่ช่างยากเย็นเหลือเกิน

 

 

ชีวิตช่างไม่มีเรื่องน่ายินดีเลยสักน้อย

 

 

……

 

 

ซินเยว่เยี่ยนยังคงรบเร้าพัวพันกับคนชุดดำ

 

 

ถึงคนเหล่านั้นไม่อาจฆ่านางได้ แต่การปิดล้อมนางไว้ไม่ใช่ปัญหา อีกทั้งร่างของนางยังมีบาดแผลเล็กๆ จำนวนหลายแห่ง การต่อสู้แบบยืดเยื้อผลัดเปลี่ยนกำลังเข้ามาเช่นนี้ พละกำลังของนางมีไม่เพียงพอ

 

 

เมื่อเวลาผ่านพ้นไป นางแทบไม่เหลือพลังอีก

 

 

ยามนี้ใจของซินเยว่เยี่ยนรับรู้ถึงความตื่นเต้น

 

 

คนชุดดำเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนัก อย่างนั้นวันนี้ก็เป็นวันตายของเจ้า!”

 

 

ระหว่างที่เอ่ย เขาเสือกกระบี่ใส่ซินเยว่เยี่ยนอย่างดุดัน

 

 

ในเวลานี้

 

 

พลันมีเสียงบุรุษคนหนึ่งดังขึ้นมา “กลางวันแสกๆ ปิดล้อมจู่โจมสตรีนางหนึ่ง ช่างเป็นการกระทำที่โฉดช้านัก!”

 

 

เมื่อเอ่ยออกไป

 

 

คนชุดดำกลุ่มนั้นหันกลับไปมอง เห็นบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสองคนเดินเข้ามาก็ตกตะลึง คนชุดดำตวาดก้อง “พวกเจ้าอย่าได้แส่เรื่องชาวบ้าน ไม่เช่นนั้นวันนี้พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”

 

 

ซินเยว่เยี่ยนหันมอง เห็นผู้มาก็นิ่งอึ้งไปทันที

 

 

“จะให้ข้าตายอยู่ที่นี่ ก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!” ชายที่เอ่ยชักดาบออกมาทันที คมดาบปักลงบนพื้น ทันใดนั้นพลังดาบอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกไปทั้งสี่ทิศ กระแสพลังกดดันบีบคั้นทำให้คนหายใจไม่ออก

 

 

ผู้มามีพลังยุทธ์เข้มแข็ง ทำให้คนชุดดำกลุ่มนั้นพลันชะงักนิ่งไป

 

 

หัวหน้าคนชุดดำมองดาบบนพื้นเล่มนั้น ด้ามดาบสีเหลืองทองสลักลายมังกร คนชุดดำตกตะลึง “เป็น…เป็นดาบมังกรคำราม ท่านคือ…ราชาดาบ”

 

 

เซียวเซ่อหยางสีหน้านิ่งขรึม กวาดตามองคนทั้งหมด “ข้าไม่อยากลงมือกับพวกเจ้า รีบไปซะ!”

 

 

คนชุดดำทั้งหมดหันมองโอวหยางเทาที่อยู่ข้างเซียวเซ่อหยาง

 

 

เสียงสั่นถามว่า “หรือว่าท่านนี้คือเทพกระบี่”

 

 

พวกเขาเพียงแค่มาจัดการกับซินเยว่เยี่ยนและจงรั่วปิงเท่านั้น ไฉนถึงพบคนทั้งสองด้วย แค่เจอคนหนึ่งก็มากพอทำให้พวกเขาตายจนหมดสิ้นแล้ว กลับพบถึงสองคน!

 

 

โอวหยางเทาถอนใจ มองคนชุดดำเอ่ยปากว่า “ถึงข้าไม่อยากเอ่ยคำพูดชวนขนลุกเช่นนี้ แต่ว่าเมื่อดาบมังกรคำรามของพี่น้องข้าชักออกมาแล้ว กระบี่มังกรครวญของข้าก็ทนไม่ไหวอีก หากพวกเจ้ายังไม่ไป ก็คงหมดโอกาสแล้ว!”

 

 

คนชุดดำเข้าใจชัดเจน ราชาดาบกับเทพกระบี่ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง ออกผดุงคุณธรรมในยุทธภพ

 

 

หากบอกกับพวกเขาว่า พวกตนทำไปเพื่อกำจัดจิ่วหุน คนทั้งสองอาจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้

 

 

แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาหาใช่จิ่วหุน แต่เป็นแม่นางผู้หนึ่ง หากจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ซินเยว่เยี่ยนคล้ายกับเป็นคู่หมั้นของเซียวเซ่อหยาง…

 

 

คนชุดดำไม่กล้ารั้งอยู่ต่อ “ขอตัวก่อน!”

 

 

คนทั้งหมดหมุนกาย ทะยานออกไป

 

 

สายตาของเซียวเซ่อหยางมองไปที่ซินเยว่เยี่ยนที่ตกอยู่ในอาการตะลึงงัน เมื่อเห็นเป็นนาง เขาก็อึ้งไป “แม่นางซิน ทำไมถึงเป็นเจ้า”

 

 

ซินเยว่เยี่ยนก็รู้สึกประดักประเดิดมาก

 

 

ตามจินตนาการของนาง ครั้งหน้ายามได้พบเซียวเซ่อหยางอีกครั้ง อากัปกิริยาของนางสมควรเฉิดฉายชวนให้คนหลงใหลจนไม่อาจลืมตาได้ จากนั้นนางจะบอกเซียวเซ่อหยางว่านางจะถอนหมั้นอย่างภาคภูมิ อยากเป็นชนชั้นสูงที่ครองตัวเป็นโสด ภายหน้ามีบุรุษในยุทธภพไล่ตามขอความรัก ใช้ชีวิตแบบหม่าลี่ซู[1]

 

 

แต่ว่า…

 

 

แต่ว่านางก้มหน้ามองตัวเองในยามนี้ เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกฟันจนขาดวิ่น แม้ไม่ถึงกับเปลือยเปล่า แต่รอยเลือดก็ทำให้เห็นสภาพอนาถเป็นอย่างมาก เมื่อมองผ่านดาบวาวเป็นประกายคล้ายกระจกที่เซียวเซ่อหยางปักอยู่บนพื้น ซินเยว่เยี่ยนยังค้นพบอย่างยากรับไหวว่า หลังจากผ่านการต่อสู้หลายชั่วยาม เหงื่อพรายบนใบหน้ากลายเป็นร่องรอยเลอะเทอะ ทั่วร่างเสมือนคนที่หนีเอาชีวิตรอดก็ไม่ปาน

 

 

เหตุใดความจริงกับจินตนาการมักจะแตกต่างกันนัก

 

 

ในชั่วขณะที่นางเสียใจ โอวหยางเทาก้าวมาด้านหน้ามองซินเยว่เยี่ยน “แม่นางซิน เกิดอะไรขึ้น ยามนี้เจ้าสมควรอยู่ที่ชายแดนมิใช่หรือ”

 

 

“พวกท่านเป็นใครกัน แม่นางซิน แม่นางซินอยู่ที่ไหน พวกท่านจำคนผิดแล้ว!” ซินเยว่เยี่ยนไม่เอ่ยมากความ ปิดหน้าตัวเอง ก้าวเท้าวิ่งหนี นางวิ่งออกด้วยความเร็วราวกับมีหมาป่าวิ่งไล่อยู่ด้านหลัง แม่เจ้าเถอะ! สภาพราวกับผีเช่นนี้ จะไปขอถอนหมั้นได้อย่างไร ขายหน้าคนเกินไปแล้ว

 

 

เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทามองหน้ากันไปมา…

 

 

เซียวเซ่อหยางจ้องโอวหยางเทามุ่นคิ้ว “จำผิดหรือ ถึงข้าจะไม่คุ้นเคยกับแม่นางซินมากนัก อีกทั้งไม่พบกันหลายปี แต่ว่าไม่น่าจะจำผิดนะ!”

 

 

โอวหยางเทายักไหล่ ปรายตามองเซียวเซ่อหยาง “อย่างไรซะข้าก็ไม่คิดว่าจำคนผิด เจ้าเคยพบนางเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งพบนาง ต้องเป็นนางแน่!”

 

 

“เช่นนั้นทำไมนาง…” เซียวเซ่อหยางเป็นชายชาตรีตรงไปตรงมา ขบคิดไม่เข้าใจเลยสักน้อย

 

 

โอวหยางเทาลูบคาง คาดเดาว่า “หรือว่านางคิดว่าตัวเองอยู่ในสภาพน่าอนาถเกินไป เจ้าเป็นคู่หมั้นของนาง นางสู้หน้าเจ้าไม่ไหว!”

 

 

ในสถานการณ์ปกติสมควรเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่

 

 

คราวนี้ สีหน้าเซียวเซ่อหยางยิ่งสับสน ถอนใจออกมา “หากแม่นางซินชอบข้าจากใจ ข้าขอถอนหมั้นกับนาง นางจะไม่เสียใจจนเกินไปหรือ เซียวเซ่อหยางช่างทำผิดเกินให้อภัยแล้ว!”

 

 

“เฮ้อ…” โอวหยางเทาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่เอ่ยว่า “พวกเราหาสมุนไพรชนิดที่สองพบแล้ว ตัวยาที่เหลือเดินทางไปอีกสองที่ก็ได้จนครบหมด ไปทำธุระก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”

 

 

“ดี!”

 

 

……

 

 

ร้านขายเสื้อผ้า

 

 

หลังจากตามตัวเถ้าแก่เนี้ยมาช่วยเยี่ยเม่ยเปลี่ยนชุด ชิงเกอก็หน้าแดงก่ำ เดินออกไปซื้อผ้าซับประจำเดือนด้วยความกระดากอาย เขาพบหญิงที่แต่งงานแล้วนางหนึ่งหน้าประตู มอบเงินให้อีกฝ่ายเล็กน้อยวานให้อีกฝ่ายเข้าไปซื้อของให้เยี่ยเม่ย

 

 

หลังจากหญิงนางนั้นมอบของให้ชิงเกอ เขาก็เดินทางกลับมาสั่งให้เถ้าแก่เนี้ยช่วยเยี่ยเม่ยเปลี่ยนผ้า

 

 

ทั้งยังตามตัวหมอมาช่วยตรวจชีพจรให้เยี่ยเม่ย

 

 

หมอวินิจฉัยว่าเยี่ยเม่ยเพียงแต่ตรากตรำติดต่อกันหลายวันจนเหน็ดเหนื่อยกระทบหัวใจ กอรปกับมีประจำเดือน เลือดลมไม่ไหลเวียน ถึงได้เป็นลมไป นอนพักหลายชั่วยามก็ฟื้นแล้ว ไม่เจ็บป่วยร้ายแรง ทั้งยังกำชับเป่ยเฉินอี้อย่าให้ภรรยาของเขาเหน็ดเหนื่อยเกินไป

 

 

ทำเอาชิงเกอประหม่าส่งสายตามองเป่ยเฉินอี้เป็นระยะ

 

 

เยี่ยเม่ย ท่านอ๋อง…แค่กๆ ฮูหยิน

 

 

คำพูดของท่านหมอก็ทำให้เป่ยเฉินอี้ใบหูแดงก่ำ คิดจะแก้ต่างแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ยอมรับอย่างเงียบๆ

 

 

ท้องฟ้ามืดลงแล้ว

 

 

บนรถม้า

 

 

เยี่ยเม่ยค่อยๆ ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเป่ยเฉินอี้

 

 

 

 

 

 

[1] แมรี่ซู หมายถึงผู้หญิงที่เก่งรอบด้าน มีทุกคนมาห้อมล้อมขอความรัก