GGS:บทที่ 797 สตรีมอีกครั้ง
“ซูจิ้งมาแล้ว”
“พี่จิ้งในที่สุดก็มาแล้ว”
ทันทีที่ซูจิ้งลงมาจากรถ เขาก็ได้ยินเสียงเชียร์เขาดังสนั่น มีทั้งนักข่าวลงมารายงาน และเหล่าแฟนคลับที่ซูจิ้งคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง
พวกเขาแสดงท่าทางตื่นเต้นยินดีทันทีที่เห็นซูจิ้งแฟนคลับผู้หญิงบางคนถึงกับกรี๊ดลั่นออกมา
ฮัวเฟยหยุน จี้เสี่ยวถิง และไชวูเฟิงได้เดินออกมารับ พร้อมด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย
แค่พวกเขาได้เห็นศิลปะการต่อสู้จีนของซูจิ้งก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว นี่ยิ่งเป็นการต่อสู้กับศิลปะการต่อสู้ของต่างชาติด้วยยิ่งแล้วกันใหญ่ ทุกคนในที่นี้ต่างอยากให้ซูจิ้งสั่งสอนชาวญี่ปุ่นคนนี้อยู่เต็มแก่แล้ว
“ศิษย์พี่ ท่านอาจารย์วันนี้มาไม่ได้จึงได้ส่งพวกเรามาคอยเชียร์ศิษย์พี่แทน” จี้เสี่ยวถิงพูดออกมา
“โอ้… ขอบคุณมาก” ซูจิ้งตอบพวกเขาไปพร้อมรอยยิ้ม
“พี่จิ้ง พวกเราก็เป็นกำลังใจให้นะ” มีเสียงหนึ่งดังออกมาแต่ไกล
เมื่อซูจิ้งหันไปดูก็ถึงกับอึ้งเล็กน้อย เขาเห็นหวู่หลงและกลุ่มเด็กน้อยที่เรียนศิลปะการต่อสู้ พวกเขาแต่งชุดฝึกและมากันเป็นกลุ่มทำให้เป็นที่จับตามองด้วยคนรอบข้าง ซูจิ้งพยักหน้าให้พร้อมตะโกนกลับไปว่า “หวู่หลง นายมาด้วยหรอ คอยดูการต่อสู้นี้ให้ดีๆนะ”
“ได้ครับพี่จิ้ง” หวู่หลงสายตาเป็นประกายขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาเองจะโดนซูจิ้งอัดมาไม่น้อยแต่นั้นสำหรับเขานั้นที่ว่าเป็นการสอนสั่งจากซูจิ้งมากกว่า
ซูจิ้งเองหลังจากที่คอยเตะสั่งสอนเขาจนเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็ไม่ได้สั่งสอนเขาอีกต่อไป นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนนี้หวู่หลงเปลี่ยนไปอย่างมากและก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอะไรอีกเลย
สำหรับเขาแล้วซูจิ้งคือคนที่ให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างแท้จริง
“ในเมื่อนายมาแล้ว ซู อย่ามัวแต่ยืนอยู่ข้างนอกเลยน่า รีบเข้ามาสู้กันในสังเวียนดีกว่า” ในตอนนั้นก็ได้มีเสียงภาษาจีนแปลกๆดังมาจากประตูหอประลองยุทธ์
คิมูระในชุดขาวดำและกลุ่มของคนที่เป็นสมาชิกของสำนักคาราเต้แห่งนี้ได้เดินเข้ามา รวมถึงโอฉิงซงด้วย
“อยากได้ก็จัดให้” ซูจิ้งไม่พูดมากความอีกต่อไป เขาเดินตรงเข้าไปทันที
กลุ่มคนได้พากันทยอยเดินเข้าไปยังหอประลองยุทธ์ รวมไปถึงนักข่าวด้วย คนเยอะชนิดที่ว่าเขาไปได้ไม่หมดต้องหยุดอยู่ที่หน้าประตูเลยทีเดียว แม้แต่นักข่าวบางคนเองก็เข้าไปไม่รอดได้แต่ยืนแกร่วอยู่ข้างนอก
อย่างไรก็ตามโอฉิงซงเองก็ยังไม่ได้เข้าไป เหมือนกับว่าเขานั้นได้รอคอยใครซักคนอยู่ที่หน้าประตู หลังจากได้ยินเสียงรถออดี้สีขาวดังมา เขารีบวิ่งลงไปรับด้วยท่าทีที่ดีใจออกนอกหน้า เมื่อกระจกรถเปิดออกก็แสดงให้เห็นใบสีขาวเนียนที่ดูสง่างามของหญิงสาวคนหนึ่ง
“หยานเอ๋อ ในที่สุดเธอก็มา งานประลองใกล้จะเริ่มแล้ว” โอฉิงซงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“นี่หรอที่นายโทรมาบอกว่าอยากจะให้ดู” หวังหยานจ้องไปที่ประตูของสำนักต่อสู้
“น่า…. แค่เข้าไปดูแล้วนั่งดูอะไรสนุกๆเท่านั้นเองน่า” ความคิดของโอฉิงซงไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย
เขาเพียงคิดว่าเหตุผลที่หวังหยานไม่สามารถปล่อยวางเรื่องของซูจิ้งได้นั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่มีอะไรที่สู้ซูจิ้งได้เลยสักอย่าง
เธอสมควรจะเห็นซูจิ้งอยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมไปถึง และเธอก็ยิ่งถลำลึกติดอยู่ในวังวนจิตใจมากกว่าเดิมเมื่อซูจิ้งได้เล่นเพลง ณ ชั่วขณะจิตแห่งความสวยงามและเพลงขอให้คู่รักได้แต่งงานกัน
ถ้าหวังหยานได้เห็นว่าซูจิ้งถูกกระทืบจนปางตายน้ำลายฟูมปากเหมือนหมาข้างถนน ภาพของเธอที่มีต่อซูจิ้งย่อมเปลี่ยนไปแน่นอน
“ถ้านายท้าสู้กับซูจิ้งด้วยตัวเองฉันก็คงไม่ว่าอะไรหรอก
แต่นี่นายไปหาคนอื่นมาท้าสู้ แถมยังเป็นคนญี่ปุ่นซะอีก
ไม่ว่ายังไงก็ตามไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของฉันที่มีต่อซูจิ้งไปได้หรอก
และแน่นอนว่าฉันเองก็จะสนับสนุนคนจีนด้วยกันอย่างสุดกำลังมากกว่าไปยืนอยู่ฝั่งญี่ปุ่นอย่างแน่นอน” หวังหยานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โอฉิงหยุนยืนนิ่งไปในทันทีเมื่อได้ยิน เขาในตอนนี้หน้าเปลี่ยนสีจนซีดเซียวลง
ก่อนหน้านี้เขานั้นสำหรับหวังหยานก็ไม่มีอะไรดีอยู่แล้วแต่เธอก็ยังพอไว้หน้าเขาบ้าง
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอนั้นรังเกียจเขาจนเข้ากระดูกดำไปแล้วขนาดแค่มองหน้าเขาก็รู้สึกได้เลย นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้เขานั้นยากจะยอมรับได้ เขายังคงพยายามหาข้อแก้ตัวโดยพูดออกมาว่า “ฉันไม่ได้สั่งให้คิมูระท้าซูจิ้งประลองนะ แต่เป็นซูจิ้งที่มาแย่งการทำธุรกิจของพวกเราไปต่างหาก นั่นทำให้คิมูระโกรธมากซะจนทนไม่ไหว โกรธจนขนาดที่เขาต้องเอาเรื่องนี้ไปโยงเข้ากลับเรื่องอื่นอย่างศิลปะการต่อสู้จีนแบบนี้ มันเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวของคนสองคนไม่เกี่ยวกับเรื่องเกียรติยศของประเทศหรืออะไรพวกนั้นหรอก”
“ลองเข้าไปดูด้วยตาของนายเองคนเดียวแล้วกันนะ ฉันไม่เข้าไปกับนายหรอก” หวังหยานพูดออกมาก่อนที่จะปิดกระจกรถ
โอฉิงซงตอนนี้ทำหน้าน่าเกลียดในทันที แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามการประลองนี้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป
เขาเองก็อยากเห็นซูจิ้งโดนกระทืบไม่น้อยจนเขาเริ่มหยุดความรู้สึกนี้ไม่ได้อีกต่อไป
เขาได้หันหลังกลับและตรงไปยังลานประลองในทันที
“ซูจิ้งประลองกับชาวญี่ปุ่นและคุณก็ยังคงถือหางฝั่งซูจิ้งอันนี้ฉันก็เข้าใจได้นะ แล้วถ้าเกิดเป็นซูจิ้งประลองกับโอฉิงซงหล่ะ คุณจะถือหางฝั่งไหน” นั่งที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร ผู้หญิงที่ดูภูมิฐานในชุดเดรสสีดำถามเธอด้วยรอยยิ้ม ถ้าซูจิ้งอยู่ที่นี่เขาเองก็คงจะพอจำได้อยู่บ้างว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอคือมู่ติง เพื่อนสนิทของหวังหยานในตอนมหาวิทยาลัย หลังจากออกมาจากมหาวิทยาลัยมาแล้วเขาเองก็เคยเจอเธอเพียงครั้งเดียวก็คือตอนที่เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงเป็นครั้งแรกตอนที่ทำอาหารจีนนั่นเอง ในตอนนี้พ่อครัวอาหารจีนของภัตตาคารตระกูลหวังได้ท้าดวนเขา หวังหยานเองก็ได้ดูการประลองทำอาหารนี้ข้างๆกับมู่ติงด้วยเช่นกัน
“ไม่ถือหางใครทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่” หวังหยานพูดออกมา
“ฮ่าฮ่า” มู่ติงจ้องหวังหยานด้วยหางตาก่อนจะพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้หรอกน่าว่าแฟนของซูจิ้งจะสวยซักแต่ไหน
และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งคู่รักกันจริงหรือแค่หลงกันเท่านั้น
ฉือฉิงอาจจะใช้สุดยอดแป้งเสริมความงามที่ไม่มีขายในตลาดนั่นก็ได้
ถ้าเธอไม่เลิกกับเขาไปซะก่อนฉันเองก็ยังอยากจะได้มาไว้ซักขวดสองขวดเลย
ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าหมอนี่จะกลายเป็นยอดคนได้ขนาดนี้”
“มาถึงตอนนี้จะยังพูดอะไรอีก” หวังหยานพูดพลางถลึงตาใส่
“งั้นก็อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่าน่า ซูจิ้งตอนนี้น่าจะกำลังสตรีมในช่องกีฬาอยู่นะ ถ้ายังไงในเมื่อพวกเราไม่คิดจะเข้าไปดูเราก็ดูจากทางนั้นแล้วกันจะได้รู้ว่าเขาชนะรึเปล่า”
มู่ติงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเข้าไปยังช่องสตรีมที่มีรูปซูจิ้งกำลังประลองฝีมืออยู่กับคิมูระอยู่ในขณะนี้
“ถ้าเธอไม่สนเรื่องกีฬาแล้วเธอจะเปิดดูทำไมล่ะเนี่ย” หวังหยานบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง พลางจ้องไปยังโทรศัพท์ของมู่ติงด้วยสีหน้าเซ็งๆในตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มจ้องเขม็งและมองตาไม่กระพริบ
ในหอประลอง ฉือฉิงที่กำลังถือโทรศัพท์ให้ซูจิ้งอยู่ข้างสนาม และได้ทำการล็อกอินช่องสตรีมของซูจิ้งเพื่อทำการสตรีมซูจิ้ง ซูจิ้งที่อยู่บนสนามได้หันหน้ามายังกล้องพร้อมพูดว่า
“สวัสดียามเช้าทุกคน วันนี้ผมมีนัดประลองยุทธอยู่ที่สำนักคาราเต้แห่งหนึ่งเพื่อทำการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของจีนแขนงหนึ่งให้กับคนที่นี่และกับทุกคนด้วย ถ้าพวกคุณสนใจสามารถเรียนรู้ได้ในภายหลัง เพลงหมัดชุดนี้มีชื่อเรียกว่า “หมัดวัวคลั่ง” ”
ท่าทางของซูจิ้งในตอนนี้ทำให้ใบหน้าของคิมูระแสดงสีหน้าน่ากลัว แม้แต่ลูกศิษย์ของเขาเองก็โกรธกันจนตัวสั่น
จี้เสียวถิง ฮัวเฟยหยุน ไชวูเฟิง และคนอื่นๆ เมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็พูดไม่ออก พี่จิ้งจริงจังอยู่รึเปล่าเนี่ย
ศัตรูของเขาคือคาราเต้สายดำเลยนะ ก่อนต่อสู้เขายังมีเวลามาอธิบายรายละเอียดวิชาอย่างนี้อยู่อีก
ฉือฉิงเองถึงกับต้องพูดออกมาด้วยท่าทีระอาว่า “ระวังตัวหน่อยสินายควรจะมองเขานะไม่ใช่มามองกล้อง ไม่งั้นฉันเลิกถ่ายนะ”
คนที่กำลังดูสตรีมอยู่ตอนนี้ก็มีความรู้สึกแบบเดียวกันจนถึงกับต้องพิมออกมาบอกกันเลย
“พี่จิ้งผมก็รู้ว่าพี่เก่งนะแต่ว่าอย่าประมาทสิ”
“จริงจังหน่อยสิพี่ ต่อให้พี่มีกึ๋ยดีแค่ไหนก็พลาดได้นะ”
“ถ้าจะสอนมวยล่ะก็พี่สอนทีหลังก็ยังไม่สายนะ”
“เพลงหมัดวัวคลั่งนี่เป็นยังไงหรอ”
“ฉันเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เท่าที่ฟังดูน่าจะแกร่งน่าดู”
“มีฉันคนเดียวใช่ไม๊ที่สังเกตุเห็นสาวสวยคนนั้น”
“นั่นต้องเป็นฉือฉิงคู่หมั้นของพี่จิ้งแน่นอน ช่างสวยจริงๆ”
“ฮ่าฮ่าพี่จิ้งอย่าทำให้พี่สะใภ้ผิดหวังล่ะ”
ในระหว่างที่มีการแซวกันนี้เอง กรรมการได้ส่งสัญญาณให้คิมูระและซูจิ้งเตรียมพร้อม
หลังจากนั้น เขาก็ได้ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าการประลองได้เพิ่มขึ้นแล้ว
คิมูระได้ปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวด้วยการใส่ทุกอย่างลงไปในการโจมตีแรกของเขาในทันที