GGS:บทที่ 798 สุนัข

 

ทันทีที่กรรมการให้สัญญาณเริ่มต้นการประลอง

คิมูระได้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและเตะเข้าไปที่ยอดอกของซูจิ้ง

มันเป็นการเตะที่เรียบง่ายแต่มันเร็วและแรงขนาดที่ว่าหากเตะใส่คนทั่วไป หรือแม้แต่นักศิลปะการต่อสู้ก็ตาม หากคนๆนั้นตั้งตัวไม่ทันล่ะก็สามารถน็อกพวกเขาได้ในทันทีเพียงการโจมตีเดียวเท่านั้น

 

ศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่าคาราเต้นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ใช้อาวุธ มุ่งเน้นในการใช้มือและเท้าเพื่อชนะในการสู้รบจริงๆเท่านั้น

หลังจากบ้านเมืองสงบสุขศิลปะการต่อสู้นี้จริงค่อยถูกพัฒนาให้กลายเป็นหนึ่งในกีฬาด้านการต่อสู้

ในภายหลังได้มีการนำเทคนิคอย่างมาผสมกันจนก่อให้เกิดโรงเรียนสอนคาราเต้เกิดขึ้นมากมายหลากหลายสไตล์

แต่ที่ค่อนข้างนิยมที่สุดคาราเต้ที่ผสมผสานเข้ากับศิลปะการต่อสู้มวยไทย

ซึ่งเป็นการเอาหลักการต่อสู้ทั้งสองมาผสมกันแล้วทำให้คาราเต้ค่อยๆสำแดงอนุภาพมากขึ้น

จนเรียกกันในชื่อ คาราเต้สายชินกุ(คาราเต้สุญญากาศ)

 

คิมูระคนนี้เองก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือของคาราเต้สายชินกุนี้เช่นกัน

คาราเต้สายชินกุนี้เป็นคาราเต้ที่มุ่งเน้นไปในการรู้ผลแพ้ชนะในทีเดียวหรือก็คือเป็นศิลปะการต่อสู้แบบมือเปล่าสำหรับการดวลอย่างแท้จริง ภายใต้สโลแกนที่ว่า “หนึ่งครั้ง-หนึ่งศพ”

กฎในการต่อสู้ของคาราเต้สายนี้ในฐานะกีฬาจะอนุญาตให้โจมตีร่างกายช่วงบนเท่านั้น

หากโจมตีตั้งแต่ช่วงคอขึ้นไปหรือช่วงล่างลงมาถือว่าผิดกติกา และอวัยวะที่ใช้ในการโจมตีจะใช้ได้หมดทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น มือ เท้า เข่า หรือว่าศอก ทำให้มีพลังอำนาจในการต่อสู้ค่อนข้างสูง

เมื่อทุกคนมองไปยังซูจิ้งที่ไม่มีท่าทีว่าจะหลบแต่อย่างใด ขนาดคนดูเองก็ยังมองตามกันแทบไม่ทันได้ยินแค่เสียงดังปังเท่านั้น พอมารู้ตัวกันอีกทีก็เห็นว่าลูกเตะของคิมูระได้ไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าหน้าอกของซูจิ้งเรียบร้อยแล้ว

ซูจิ้งในตอนนี้ลำตัวไม่ได้ไหวติงแต่อย่างใด เขาเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับเท้าของคิมูระไว้เท่านั้น

หลังจากซูจิ้งจับเท้าของคิมูระไว้เขาก็หันกลับไปมองกล้องก่อนที่จะพูดกับคนที่กำลังดูการสตรีมอยู่ด้วยรอยยิ้มว่า

 

“นี่คือกระบวนท่าที่หนึ่ง เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของรูปแบบการฝึกของเพลงหมัดวัวคลั่งรูปแบบที่หนึ่งที่ชื่อหมัดวัวคลั่ง

หมัดวัวคลั่งนี้มีกระบวนท่าโดยประมาณแล้วอยู่ที่ 100 กระบวนท่า และกระบวนท่าสายนี้สามารถยืดหยุ่น ผสมผสาน รวมถึงพลิกแพลงเข้ากับเพลงหมัดวัวคลั่งอีกสองรูปแบบได้ทุกอิริยาบถ

 

ถ้าคุณฝึกเพลงหมัดนี้จนชำนาญล่ะก็บอกได้เลยว่าสามารถไปวัดฝีมือกับศิลปะการต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ

เอาล่ะผมจะเริ่มอธิบายการเคลื่อนไหวของกระบวนท่าต่อไปให้ทุกคนได้ฟังกัน”

 

เหล่าคนที่ดูการสตรีมอยู่ในตอนนี้หรือแม้แต่คนที่ชมการประลองเองก็ถึงกับทำหน้าโง่งมในทันใด

เอาจริงๆพวกเขาเองก็พอจะเห็นลูกเตะของคิมูระว่าเร็วและแรงในระดับที่หน้ากลัวขนาดไหน

 

แต่สำหรับฝั่งซูจิ้งแล้วทุกคนเห็นเพียงแค่ตอนที่เขาจับเท้าของคิมูระไว้เท่านั้น ไม่มีใครเห็นได้เลยว่าซูจิ้งเคลื่อนไหวอีท่าไหนถึงหยุดท่าเท้านี้ได้ แถมซูจิ้งยังมีอารมณ์มาอธิบายเพลงหมัดของเขาหน้าตาเฉยอีก

คือเขาทำเหมือนกับว่ากำลังทำการสอนเพลงหมัดอยู่จริงๆมากกว่าจะเป็นการประลองยุทธ์อย่างที่ทุกคนรู้มา

 

“ตายยยยย” คิมูระที่เห็นว่าการโจมตีของตัวเองถูกหยุดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แถมคู่ต่อสู้ของเขายังไม่ได้สนใจที่ถูกการโจมตีที่หนักหน่วงของเขาแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เขาโกรธขึ้นมา

ทันใดนั้นเขาได้ดึงเขากลับนั่งลงพร้อมหมุนตัวเตะกวาดไปยังเท้าของซูจิ้ง

ซูจิ้งทำเพียงก้าวเท้าซ้ายออกมาข้างหน้าแล้วเบี่ยงตัวเล็กน้อยก่อนที่จะย่อตัวลงโดยกดเข่าลงกระแทกไปยังขาท่อนล่างของคิมูละที่กำลังเตะออกมา

เมื่อคิมูระโดนเข้าไปทำได้เพียงร้องโอดโอยพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

“กระบวนท่าที่สองนี้เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของเพลงหมัดวัวคลั่งสายที่สองมีชื่อว่าเท้าวัวคลั่ง” ซูจิ้งยังคงหันไปมองกล้องและอธิบายต่อไป

 

คิมูระได้โกรธยิ่งกว่าเดิม เขารีบก้าวเคลื่อนไหวเขาโจมตีในทันทีที่ตั้งสติได้

เขาเคลื่อนไหวร่างกายหลอกซูจิ้งว่าจะโจมตีด้วยมือซ้ายออกไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ดึงมือกลับแล้วใช้มือขวาตั้งให้เป็นสันตรงเกร็งให้แข็งแล้วฟันลงมาที่เรียกกันว่ามือดาบ โดยเขานั้นเล็งเป้าไปที่คอของซูจิ้ง

โดยวิธีการโจมตีลักษณะนี้สำหรับคาราเต้แล้วถือว่าน่ากลัวมาก โดยเฉพาะมือดาบของคิมูระสามารถตัดอิฐได้หลายก้อนด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว

 

ซูจิ้งก็ได้ก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง พลางใช้มือขวากุมมือซ้ายและยกศอกซ้ายขึ้น ประหนึ่งใช้มือเป็นตัวช่วยเพิ่มแรงเหวี่ยงของศอกตีเข้าไปยังข้อมือของคิมูระได้อย่างพอดิบพอดี

อย่างกับว่าซูจิ้งรู้จักคิมูระดีว่าเขาจะโจมตีมาแบบไหนบ้าง

 

“กระบวนท่าที่สามนี้เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของรูปแบบการฝึกฝนรูปแบบที่สามเรียกว่าร่างกายวัวคลั่ง

โดยรูปแบบนี้หากฝึกแล้วนอกจากไว้ใช้ในการป้องกันตัวชนิดที่ว่าต่อกรได้ทุกรูปแบบการต่อสู้ได้เป็นอย่างดีแล้ว

ลักษณะการฝึกจะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและยังช่วยในการกระชับสัดส่วนไปในตัวทั่วทุกสัดส่วนเลยก็ว่าได้” ซูจิ้งก็ยังคงอธิบายต่อไป

 

“ย่ะ ย่ะ ย่ะ ย่ะ” คิมูระได้โกรธจนคลั่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขานั้นได้กระหน่ำโจมตีไปยังซูจิ้งอย่างไม่ยั้ง

 

“กระบวนท่าที่สี่นี้… กระบวนท่าที่ห้า…”

ซูจิ้งก็ยังค่อยๆอธิบายแต่ละกระบวนท่าอย่างช้าๆ ในขณะที่คิมูระกำลังกระหน่ำโจมตีไม่หยุดราวกับพายุประดุจดั่งสัตว์ร้ายก็ตาม

ซูจิ้งรับการโจมตีไว้ได้ทุกกระบวนโดยยังไม่ได้ขยับไปจากตำแหน่งเดิมเลยแม้แต่น้อย

เขานั้นทำราวกับการรับมือคิมูระเป็นเรื่องง่ายๆ

ถ้าหากสังเกตุดีๆแล้วซูจิ้งยังไม่มีเหงื่อออกมาซักหยดเดียว แม้แต่ลมหายใจเองก็ยังไม่ติดขัดแต่ประการใด

 

นี่ทำให้คนที่ดูการประลองอยู่ได้แต่มองด้วยสายตาโง่งม

“เทพเซียนพยดา เป็นไปได้ยังไงกัน”

“ซูจิ้งตอบโต้คู่ต่อสู้พร้อมทั้งอธิบายกระบวนท่าของเขาไปด้วย นี่เขาไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”

“แถมเขายังทำเหมือนสบายๆเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่อย่างนั้นแหละ”

“ไม่ใช่ว่าคิมูระนั่นเป็นยอดฝีมือไม่ใช่หรอ หรือจริงมันอ่อนกันแน่?”

“จะเป็นไปได้ไง นายก็เห็นนี่นาว่าความเร็วในการโจมตีของเขานั้นเทียบได้กับระดับโลกเลยนะ

แล้วหมัดที่เร็วขนาดนั้นจะไม่มีแรงได้ยังไง อย่าว่าแต่คนทั่วไปจะตอบโต้ไม่ทันเลย

โดนทีเดียวก็เจ็บหนักแล้ว ไม่ใช่ว่าคิมูระอ่อนหรอก แต่เป็นซูจิ้งต่างหากที่แกร่งเกินไป”

 

จี้เสี่ยวถิง ฮัวเฟยหยุน ไชวูเฟิง และหวู่หลง ที่ก่อนหน้านี้เป็นกังวลนั้นในตอนนี้ได้แต่ทำการจ้องมองด้วยหน้าตาที่โง่งม

พวกเขานั้นก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งเกินไปขนาดนี้ แข็งแกร่งชนิดที่ว่าเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กน้อย

เอาจริงๆพวกเขาเองก็ดูเหมือนจะยังไม่เคยเห็นซูจิ้งต่อสู้โดยใช้ศิลปะการต่อสู้แบบจริงจังมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

 

ฉือชิงที่กำลังถือกล้องถ่ายทอดการสตรีมให้ซูจิ้งด้วยโทรศัพท์มือถือของเธออยู่นั้น ตอนแรกเธอเองก็มีท่าที่โง่งมนิดหน่อย

แต่ด้วยการที่เธอเองได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งจากซูจิ้งมาแล้วบางส่วนเมื่อคืน ในตอนนี้เธอก็ทำได้เพียงรู้สึกมหัศจรรย์ในอาณุภาพของเพลงหมัดชุดนี้

อย่างไรก็ตามเรื่องที่ซูจิ้งบอกเธอว่าถ้าเธอฝึกแล้วจะสามารถล้มได้แม้แต่กับคิมูระนั้นเธอไม่มีทางเชื่อโดยเด็ดขาดในตอนแรก แต่ในตอนนี้เธอเองก็เริ่มเชื่อบ้างแล้ว

 

เหล่าคนที่อยู่ฝั่งเดียวกับคิมูระอย่างโอฉิงซงและลูกศิษย์ในสำนักคาราเต้ของคิมูระขนาดพวกเขาเห็นด้วยตาตัวเองขนาดนี้ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนแรกพวกเขาต่างก็คิดว่าคิมูระจะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้อย่าว่าแต่จะชนะเลย แต่จะทำอะไรซูจิ้งได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ พวกเขาในตอนนี้เปรียมได้ดั่งเหล่ามดที่ตกลงไปในหม้อที่ตั้งไฟเอาไว้

พวกเขาตัดสินใจจะตะโกนออกไปว่าพักยก เพื่อหวังว่าจะทำให้คิมูระได้พักและหาทางแก้ไขสถานการณ์ได้

 

“ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากยอดปรมาจารย์ตั้งแต่เด็กหรอกนะ”

ที่หน้าหอประลองยุทธ ในรถยนต์ออดี้ มู่ติงได้เอ่ยถามออกมา

“ตอนที่เขาอยู่ในมหาลัยก็ไม่เห็นว่าจะรู้เรื่องศิลปะการต่อสู้เลยนี่นา” ตาของหวังหยานในตานี้เบิกโตเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น

“บากะยาโล”(งี่เง่า) คิมูระโกรธจนพูดคำนี้ออกมาซ้ำๆในขณะที่กำลังกระหน่ำโจมตีซูจิ้งไม่ยั้ง

ทุกการโจมตีล้วนแฝงไว้ด้วยความรุนแรงและเกรี้ยวกราด บางการโจมตีถือว่าผิดกฎด้วยซ้ำ

ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถทำอะไรซูจิ้งได้เลย สิ่งที่เขาทำก็แค่เพียงการป้องกันได้ทุกกระบวนท่าอย่างหน้าตาเฉย

 

“เอาล่ะทีนี้ผมคิดว่าพวกคุณทุกคนเห็นไปแล้วว่าเพลงหมัดนี้สามารถใช้ในการตั้งรับในขณะถูกโจมตีได้ดีขนาดไหน

อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของเพลงหมัดวัวคลั่ง จะบอกว่าเพียงครึ่งเดียวก็ว่าได้

เพลงหมัดนี้พอจะบอกได้อยู่ว่ากระบวนท่าครึ่งหนึ่งเป็นการรับ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นการรุก

เอาล่ะ ต่อไปผมจะแสดงกระบวนท่ารุกของเพลงหมัดชุดนี้ให้ชมกันนะ”

หลังจากพูดจบประโยคซูจิ้งก็เริ่มโจมตีออกไปในทันที

เอาจริงๆเขานั้นทำเพียงแค่ปล่อยหมัดตรงไปเท่านั้นแต่ทุกคนที่กำลังจ้องมองอยู่กลับเห็นเป็นหัววัวที่กำลังพุ่งชนไปยังใบหน้าของคิมูระจนทำให้ใบหน้าเหยเกในทันที

ขนาดคิมูระยกมือมาตั้งการ์ดได้ทันแต่ด้วยความแรงระดับวัวพุ่งชนจนทำให้ทะลุการ์ดของคิมูระได้อย่างง่ายดาย

ร่างกายของคิมูระได้ลอยถอยหลังตามแรงไปไกลกว่าสองเมตร มือและแขนของเขาสั่นประหนึ่งดังเกิดการหักอยู่ภายใน

 

ถึงคิมูระจะตกอยู่ในสภาพนั้นแล้ว ซูจิ้งก็ยังไม่ได้หยุดแต่อย่างใด เขานั้นยังอธิบายต่อไปเกี่ยวกับหนึ่งในกระบวนท่าที่เขาเพิ่งโจมตีออกไปเมื่อสักครู่นี้ ว่าเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของรูปแบบที่หนึ่งหมัดวัวคลั่ง

หลังจากนั้นซูจิ้งก็ยังคงโจมตีออกไปเรื่อยๆพร้อมกับอธิบายไปเรื่อยเปื่อยพร้อมหน้าตานิ่งๆด้วยน้ำเสียงเน้นๆในจังหวะที่โจมตีโดนคิมูระ

แต่ละกระบวนท่าที่คิมูระโดนโจมตีใส่นั้นแทบจะไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย

เอาจริงๆแล้วเขาก็พยายามจะป้องกันอยู่เหมือนกัน แต่ทุกการโจมตีของซูจิ้งล้วนแล้วแต่ทะลวงการป้องกันของเขาได้เกือบทั้งหมด

มีเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่ยังพอป้องกันไหวอยู่บ้าง แต่เพียงรับการโจมตีครั้งแรกครั้งเดียวก็ทำให้มือ แขนและของเขานั้นชาจนบอกไม่ถูกว่ายังมีอวัยวะส่วนนั้นอยู่รึเปล่า คนเพียงคนเดียวจะไปหยุดวัวคลั่งได้ยังไง

“ปั้ก ปั้ก ปั้ก”

หลังจากเกิดเสียงดังเน้นๆไปสองสามที ภาพที่ทุกคนเห็นในตอนนี้ล้วนชวนสยองกันถ้วนหน้า คิมูระในตอนนี้ที่กลายเป็นกระสอบทรายไปแล้วนั้น ได้กระเด็นลอยไปนู่นไปนี่จนไม่มีโอกาสสวนกลับเลยแม้แต่น้อย

คิมูระในตอนนี้กำลังจมดิ่งในความเจ็บปวดของร่างกายและมึนจนหัวหมุนไปหมด

เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกฝูงวัวพุ่งชนทีละตัวจนทำอะไรไม่ได้เลย

 

“นี่คือกระบวนท่านี้เป็นหนึ่งในรูปแบบที่หนึ่งของเพลงหมัดวัวคลั่ง” เพียงสิ้นประโยค ซูจิ้งได้ยกแขนทั้งสองลู่ไว้ข้างลำตัว ขยับตำแหน่งข้อศอกให้ไปอยู่ข้างหลัง และขยับตำแหน่งของหมัดให้อยู่อยู่ในระนาบไม่เกินลำตัวแต่อยู่ในละดับลิ้นปี่

หลังจากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมทั้งปล่อยทั้งสองหมัดออกไปพร้อมๆกัน พร้อมที่ทุกคนเห็นในตอนนี้เหมือนกับเขาของวัวสองข้างเลยทีเดียว

ทันทีที่ทุกคนได้ยินเสียงการปะทะ ร่างของคิมูระในตอนนี้ตัวงอโค้งจนกลายเป็นกุ้ง ลอยตัวไปในกลางอากาศ ประหนึ่งดั่งมีคนปาหมอนออกไป เมื่อถึงจุดสูงสุดของวิถีโค้ง ร่างกายของคิมูระก็ค่อยๆลอยต่ำลงมา ร่วงหล่นใส่เหล่าคนที่ถือหางฝั่งคิมูระที่อยู่นอกสนามประลองดังโครมอย่างสวยงาม พร้อมทั้งกลิ้งออกไปอีกเล็กน้อย

หลังจากทุกอย่างสงบนิ่ง สภาพของคิมูระในตอนนี้ไม่ต่างจากหมาตายซากข้างถนนตัวหนึ่ง