ร้องยินดีนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง แต่จริงๆ อยากเห็นพวกเขาขายหน้าต่างหาก พวกเขาทั้งห้าคนคิดอย่างแค้นเคือง ทหารองครักษ์หนึ่งร้อยนายเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเมาจนตายรอบแล้วรอบเล่า

 

 

ผู้คนรอบข้างมองพวกเขาด้วยความเวทนา

 

 

โจวอันนำทหารองครักษ์มาหนึ่งร้อยนายจริงๆ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือ กำลังจะสั่งให้ทหารองครักษ์เดินเข้ามา ชิงหลวนเดินสาวเท้าเข้ามาข้างๆ เขา ก้มหน้าลง ซุบซิบข้างๆ หูเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเด้งขึ้นมาทันที กวาดตามองพวกเขาทั้งห้าคน “เห็นแก่โยวเอ๋อร์ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”

 

 

พูดจบ ก็โบกมือ ส่งสัญญาณให้โจวอันพาทหารองครักษ์กลับไป ส่วนตนเองก็รีบกลับไปเรือนใหม่ของตนทันที

 

 

มองตามแผ่นหลังของเขา เหวินซื่อและเพื่อนผองสบตากันครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ และยังรู้ซึ้งว่า ต่อไปอย่ายุแหย่หวงฝู่อี้เซวียนให้โมโหอีก ไม่ว่าใครก็ตาม เจ้าปีศาจอำมหิตตัวนี้ไม่ไว้หน้าแน่ๆ

 

 

เมื่อกลับถึงห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวนอนมองและส่งยิ้มให้เขา

 

 

เขาสาวเท้าเดินมาข้างเตียง คุกเข่าลง จนสายตาทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ดีขึ้นแล้วหรือยัง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ”

 

 

มือของหวงฝู่อี้เซวียนทาบลงบนท้องของนางเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม “ในนี้มีลูกของเราแล้วนะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “อื้ม”

 

 

“ต่อไปเขาจะเรียกเราว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่” เขาน้ำตารื้นขอบตา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพลางยิ้ม “เรียกพ่อแม่รื่นหูกว่า”

 

 

“อื้ม แล้วแต่เจ้าเลย เรียกพ่อแม่ก็ได้” หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าอย่างตามใจภรรยา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเบาๆ “เจ้าดีใจจนบ้าไปแล้วหรือ”

 

 

“อื้ม” พยักหน้าแรงๆ “ดีใจจนลืมสกุลตัวเองไปแล้ว”

 

 

“ให้ข้าเตือนไหม”

 

 

ยิ้มพลางส่ายหน้า “มิต้อง รอพวกเขาเรียกข้าว่าพ่อแล้ว ข้าจะนึกขึ้นได้เอง”

 

 

“อย่างนั้นต้องรอนานเลยนะ”

 

 

“ไม่เป็นไร ก่อนจะถึงตอนนั้นขอแค่ข้าจำได้ว่าตนเป็นสามีของเจ้าก็พอแล้วล่ะ”

 

 

น้ำตาเมิ่งเชี่ยนโยวรื้นขอบตา “ข้าไม่คิดเลยว่าฟ้าจะประทานของขวัญให้ข้าเร็วขนาดนี้ ข้าคิดว่าทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่มีเสียแล้ว”

 

 

เขาลุกขึ้น แนบกายลงไปกอดนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาไหลลงบนอกนาง “โยวเอ๋อร์ ข้ามีความสุขมากเลย ไม่ใช่เพราะเจ้ามีลูก แต่เพราะว่าตอนนี้มีเรามีสายใยกันแล้ว เจ้าจะไม่จากข้าไปไหนอีกแล้ว”

 

 

“เจ้าคนโง่” เมิ่งเชี่ยนโยวยกศีรษะขึ้นจูบเขาเบาๆ “แม้ไม่มีพวกเขา ตลอดชีวิตนี้ข้าก็จะไม่จากเจ้าไปไหนอีกแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหน้า “ข้าเคยกังวลและกลัวว่าไม่รู้เมื่อไหร่วิญญาณของเจ้าจะจากข้าไป แต่ตอนนี้ข้าไม่ต้องกลัวแล้ว เจ้ามีเลือดเนื้อของเราแล้ว จะไม่จากข้าไปไหนอีก”

 

 

เมื่อเข้าใจความหมายของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกสงสารเขาจับใจ ยื่นมือไปประคองหน้าเขาขึ้น ให้เขามองตรงมาที่สายตาของตน ยิ้มและพูดว่า “ภพชาติที่แล้วของข้า มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว กลับไปไม่ได้อีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอีก ภพชาตินี้เราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”

 

 

มองดูใบหน้าโฉมงามของนาง ฟังภาพบรรยากาศที่นางสาธยาย หวงฝู่อี้เซวียนพลันรู้สึกตื้นตัน ประทับริมฝีปากของตนลงไป แม้จะเร่าร้อน แต่ก็นุ่มนวล

 

 

ในห้องคลุกเคล้าไปด้วยความอบอุ่น

 

 

ชิงหลวนได้รับคำสั่งจากเมิ่งเชี่ยนโยวให้เรียกหวงฝู่อี้เซวียนมา แล้วไปแอบยืนรอนอกเรือนของพระชายาฉี

 

 

หลังจากทานข้าวเที่ยงกับเมิ่งชื่อและคนอื่นๆ แล้ว พวกนางเห็นว่าจวนจะถึงเวลา พระชายาฉีจึงพูดขึ้นว่า “โยวเอ๋อร์น่าจะใกล้ตื่นแล้วล่ะ เราไปดูกันเถอะ”

 

 

เมิ่งชื่อและคนอื่นๆ พยักหน้า ลุกขึ้น เดินตามนางออกไป

 

 

ชิงหลวนได้ยินเสียงจากในห้อง รีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปที่เรือนของหวงฝู่อี้เซวียนทันที พูดเสียงดังว่า “นายหญิง พระชายาฉีกำลังมาแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังกอดเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเงียบๆ พลันสะดุ้งโหยง ปล่อยเมิ่งเชี่ยนโยวออกอย่างระมัดระวัง ลุกขึ้นพรวดและรีบเดินออกไปทันที

 

 

เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็อดขำไม่ได้

 

 

เมื่อเดินออกจากห้อง เขาก็เดินฝีเท้าไม่หยุดออกจากเรือนของตนไปอย่างรวดเร็ว มุ่งไปทางเรือนรับรอง แต่กลับพบฮ่องเต้และฮองเฮาที่กำลังจะกลับวังหลังจากเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว

 

 

เขาหยุดเดิน คารวะ “เสด็จลุง เสด็จป้า”

 

 

“ไม่ใช่ดูแลองค์หญิงชิงเหออยู่หรือ เหตุใดมีเวลาว่างออกมาเดินเล่นล่ะ” ฮ่องเต้ถามด้วยน้ำเสียงแฝงด้วยความตำหนิ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโกหกหน้าตายว่า “โยวเอ๋อร์หลับไปแล้ว กระหม่อมกำลังจะไปร่วมดื่มในเรือนรับรองขอรับ”

 

 

“หากมีเวลาว่างไปเข้าเฝ้าเด็จย่าของเจ้าบ้างเสียนะ เจ้าไม่ได้ไปนาน เสด็จย่าคิดถึงเจ้ามาก”

 

 

“ครรภ์ของโยวเอ๋อร์ยังไม่แข็งแรงดี กระหม่อมยังจากไปไหนไม่ได้ แต่กระหม่อมรับรองว่าหลังจากโยวเอ๋อร์คลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว กระหม่อมจะไปเข้าเฝ้าเสด็จย่าแน่นอนขอรับ”

 

 

นี่ต้องรอหลังจากสิบเดือนนู่นล่ะ ฮ่องเต้โมโหจนหัวเราะและก่นด่าว่า “ชายใต้ฟ้าทุกนายตบแต่งภรรยาทั้งนั้น สตรีทุกนางก็คลอดลูกเป็น ทำไมพอถึงตาเจ้า กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่พ้นฟ้าเสียล่ะ”

 

 

“เพราะว่าใต้ฟ้ามีโยวเอ๋อร์เพียงคนเดียว” หวงฝู่อี้เซวียนตอบอย่างเชื่องช้าและสงบจิตสงบใจ

 

 

ฮ่องเต้สะอึก หันหน้าไปจ้องอ๋องฉีเขม็ง ต้องการบอกว่าลูกชายแสนดีที่เจ้าเลี้ยงบังอาจเถียงคำไม่ตกฟาก

 

 

อ๋องฉีเอียงศรีษะ แกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่มุมปากของเขากลับเผยอยิ้มอย่างได้ใจ

 

 

ฮองเฮาไม่พอใจ กำลังจะปริปากติเตียนหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

สายตาของฮ่องเต้เหลือบมองนางแวบหนึ่ง คำพูดที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมาของฮองเฮาก็ถูกกลืนกลับไปหมด

 

 

ฮ่องเต้หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ดีๆๆ เจ้าตบแต่งกับภรรยาแสนดี ไม่มีชายใต้หล้าใดดีเหมือนเจ้าแล้ว”

 

 

ฮ่องเต้พูดประชดประชันจบก็รอดูปฏิกิริยาของหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

ไม่คิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนกลับโค้งศรีษะประสานมือ “ขอบคุณเสด็จลุงที่ชมขอรับ”

 

 

ฮ่องเต้สะอึกจนเกือบจะเหลือกตามองบน พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ชี้นิ้วไปที่เขา สุดท้ายสะบัดเขนเสื้อและเดินจากไปด้วยความโมโห

 

 

อ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนส่งฮ่องเต้และฮองเฮาออกไปอย่างนอบน้อม มองดูขบวนเสด็จจากไปแล้วจึงหันหลังกลับตำหนัก

 

 

“เสด็จแม่ของเจ้าล่ะ”

 

 

“อยู่ห้องของลูกขอรับ”

 

 

อ๋องฉีขมวดคิ้ว “แม่นางเมิ่งดีขึ้นบ้างไหม”

 

 

“เมื่อครู่ไม่ค่อยสบาย แต่หลังจากดื่มยาไปแล้วก็ดีขึ้นเยอะแล้วขอรับ”

 

 

“ข้าขอไปดูหน่อย” พูดจบ อ๋องฉีก็หันหลังกลับทันที กำลังจะเดินมุ่งไปเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

“เสด็จพ่อ” หวงฝู่อี้เซวียนเรียกเขาและพูดขึ้นว่า “ในห้องมีแต่ผู้หญิง หากท่านไปอาจจะไม่เหมาะสมขอรับ”

 

 

อ๋องฉีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวตระกูลเมิ่งมา จึงถอนหายใจ หันหลังกลับไปถามอย่างจริงจังว่า “แล้วข้าจะได้เจอหลานรักของข้าเมื่อไหร่”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกุมขมับ “เสด็จพ่อ โยวเอ๋อร์เพิ่งตั้งครรภ์ได้เดือนเดียว เร็วสุดก็ต้องรอเก้าเดือนขอรับ”

 

 

“อีกเก้าเดือนเลยหรือ” น้ำเสียงอ๋องฉีเต็มไปด้วยความผิดหวัง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพลันรู้สึกว่าเสด็จพ่อผู้เก่งกล้าสามารถของเขากลายเป็นคนเพี้ยนไปในทันที

 

 

เมื่อเขาคิดจบ อ๋องฉีก็ถามอีกหนึ่งคำถามด้วยความจริงจัง ซึ่งทำให้หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งมั่นใจว่าเสด็จพ่อของเขาเป็นคนเพี้ยนจริงๆ “ต้องนานขนาดนี้เลยหรือ เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่อยากยอมรับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าที่ถามคำถามโง่ๆ เช่นนี้คือเสด็จพ่อของเขา เขากุมขมับอีกครั้งแล้วถอนหายใจ “เสด็จพ่อ หากท่านมีเวลากังวลเรื่องนี้ เอาเวลาไปห้องหนังสือตั้งชื่อลูกไม่ดีกว่าหรือ ต้องรู้ว่า…”

 

 

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกอ๋องฉีพูดขัดขึ้น “ใช่ๆๆ ต้องตั้งชื่อให้หลานข้า ต้องตั้งสองชื่อด้วย ข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

 

 

พูดจบ ก็ไม่สนใจหวงฝู่อี้เซวียนอีก เดินไปห้องหนังสืออย่างเบิกบานใจ

 

 

ผ่านไปนาน ปากที่อ้าค้างอยู่ของหวงฝู่อี้เซวียนจึงหุบลง แล้วก้าวเท้าเดินไปทางเรือนรับรอง

 

 

เพิ่งเดินถึงประตู หมอหลวงเจียงก็เดินยิ้มเข้ามา ยื่นของขวัญชิ้นใหญ่ให้ “ซื่อจื่อ!”

 

 

ฝีเท้าของหวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่หยุด “รอโยวเอ๋อร์ตื่นแล้ว ข้าจะถามนาง หากนางเห็นด้วย ข้าจะนำรายการยาให้เจ้า”

 

 

“ขอบพระคุณซื่อจื่อขอรับ ขอบพระคุณซื่อจื่อขอรับ” เสียงดีอกดีใจของหมอหลวงเจียงดังขึ้นจากด้านหลัง

 

 

ในเรือนรับรองก๊งเหล้ากันเสียงดัง

 

 

เมื่อหวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไป ทุกอย่างก็พลันเงียบลง ทุกคนมองไปที่เขา

 

 

เขาขมวดคิ้ว หยุดเดินและประสานมือขึ้น “วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของข้า เชิญทุกท่านดื่มให้อิ่มหนำสำราญเถิด”

 

 

พูดจบ ก็หันหลังออกจากเรือนไป

 

 

ทุกคนในเรือนมองหน้ากันไปมา ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงแห่งความปิติยินดีออกมา ซื่อจื่อมาประสานมือแสดงความเคารพต่อพวกเขาแล้ว เป็นบุญหนักหนายิ่งนัก หากวันนี้ดื่มจนตายก็คุ้มค่า แล้วเสียงในเรือนก็ดังขึ้นกว่าเดิม

 

 

มีแต่คนมาร่วมอวยพร หวงฝู่อี้เซวียนเดินเล่นไปหนึ่งรอบ แล้วเพิ่งพบว่าตนไม่มีที่ไป เมื่อครั้นกำลังจะหันหลังกลับเรือนของตนเอง เพื่อขอร้องพระชายาฉีให้เขาอยู่ เมิ่งเสียนก็เดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาชื่นมื่น “อี้เซวียน”

 

 

“พี่ใหญ่”

 

 

เขาเดินจนหยุดอยู่ตรงหน้า ถามอย่างดีใจว่า “น้องเล็กเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ขอรับ หมอหลวงตรวจชีพจรแล้ว เป็นลูกแฝด”

 

 

เมิ่งเสียนยิ่งดีใจ “ลูกแฝดหรือ ดีจังเลย”

 

 

“นางหลับไปแล้ว ท่านแม่และเสด็จแม่ดูแลอยู่ ข้าถูกไล่ออกมา”

 

 

เมิ่งเสียนชะงัก “ทำไมล่ะ”

 

 

“เสด็จแม่บอกว่าข้ามือหนักเกินไป กลัวว่าจะถูกโยวเอ๋อร์”

 

 

เมิ่งเสียนหัวเราะ ตบบ่าเขาเบาๆ “น้องชายผู้น่าสงสาร ตั้งแต่โบราณกาลมาเจ้าจะเป็นเจ้าบ่าวคนแรกที่ถูกไล่ออกมา”

 

 

“พี่ใหญ่” หวงฝู่อี้เซวียนเรียกด้วยเสียงทุกข์ใจ “ข้าเป็นทุกข์จะตายแล้ว พี่ยังหัวเราะข้าอีก”

 

 

เมื่อเขาพูดจบก็คิดอะไรขึ้นได้ มองเมิ่งเสียนอย่างมีความหวัง “พี่ใหญ่ พี่ช่วยข้าโน้มน้าวให้ท่านแม่กลับไปได้ไหมขอรับ”