ตอนที่ 258 อาการบาดเจ็บมีผลกระทบต่อครรภ์เล็กน้อย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อพระชายาฉีเข้ามา ญาติผู้ชายทุกคนก็ออกจากห้องไป ตอนนี้เหลือเพียงพระชายาฉี เมิ่งชื่อ ซุนเชี่ยน และหวังเยียนอยู่ในห้อง

 

 

ส่วนภรรยาของซุนเหลียงไฉ จูหลาน และเหวินซื่อนั้น เพราะว่าพวกเขาอุ้มลูกมาด้วย กลัวว่าจะรบกวนเมิ่งเชี่ยนโยวพักผ่อน จึงออกจากห้องไปด้วย

 

 

พระชายาฉีโบกมือเรียกหวงฝู่อี้เซวียน “เซวียนเอ๋อร์ มานี่ซิ แม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ “เสด็จแม่ ท่านพูดมาเลย ลูกฟังอยู่ขอรับ”

 

 

พระชายาฉีลุกขึ้นเดินไปตรงกลางระหว่างเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียน ชี้ไปที่หวงฝี้เซวียนและพูดขึ้นว่า “ถอยไป”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

 

 

พระชายาฉีเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว พูดต่อ “ถอยไป!”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถอยไปอีกหนึ่งก้าว

 

 

พระชายาฉีเดินขึ้นหน้าไปอีกหนึ่งก้าว เพื่อบอกให้เขาถอยไปอีก

 

 

ถอยไปจนห่างจากตำแหน่งเดิมที่เขาเคยยืนห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยว พระชายาฉีจึงพูดอย่างพอใจว่า “นี่คือระยะห่างปลอดภัยของเจ้ากับเมิ่งเชี่ยนโยว ก่อนนางจะคลอด เจ้าห้ามเข้าใกล้นางแม้เพียงหนึ่งก้าว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนอยากจะคุกเข่าเว้าวอนพระชายาฉีเสียเหลือเกิน ใต้ฟ้านี้มีแม่แบบนี้ด้วยหรือ ลูกชายที่ตนขนานว่ารักดั่งแก้วตาดวงใจ แต่กลับถูกสั่งให้เว้นระยะห่างจากภรรยาตนเองไกลแสนไกล ซ้ำยังสั่งห้ามเข้าใกล้ภายในสิบเดือนนี้อีก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดอย่างไม่พอใจว่า “เสด็จแม่ ข้าเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านนะขอรับ”

 

 

หมายถึงว่าท่านทำต่อลูกเช่นนี้ได้หรือ

 

 

พระชายาฉีแสร้งไม่รู้เรื่อง โบกมืออย่างไม่แยแสว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องบอก ทุกคนเขาก็รู้กันหมด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลั้นขำจนปวดท้อง จนสุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่อยู่ นางพ่นหัวเราะออกมา แต่ดันสำลักน้ำลายตนเอง จนไอออกมา

 

 

พระชายาฉีและเมิ่งชื่อแทบจะเหาะเหินไปหานางทันที พวกนางรีบตบหลังและถามขึ้นพร้อมกันว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือพลางไอ “ท่านแม่ พระชายาฉี ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”

 

 

ทั้งสองจึงโล่งใจ พระชายาฉีจ้องเขม็งไปที่หวงฝู่อี้เซวียน พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “เพราะเจ้าเลย หากไม่ใช่เจ้า โยวเอ๋อร์คงไม่ลำสัก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนผู้น่าสงสารทำได้เพียงเบิกตาโตมองเสด็จแม่ของตนด้วยสายตาน่าสงสาร

 

 

พระชายาฉีกลับไม่สนใจเขา โบกมืออย่างรำคาญว่า “วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของเจ้า ข้างนอกมีแขกรอเจ้าไปดื่มอวยพรอยู่น่ะ เจ้ารีบไปเถอะ ดื่มไม่เมาไม่ต้องกลับมา”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนได้แต่คิดหวังว่าตนไม่ใช่ลูกโดยแท้ของพระชายาฉี

 

 

นางมิ่งซื่อสงสารหวงฝู่อี้เซวียนที่เป็นทั้งลูกชายและลูกเขยของตน จึงยิ้มพลางพูดขอความเป็นธรรมให้ว่า “เซวียนเอ๋อร์ไม่ชอบดื่มสุรามาแต่เล็ก อย่าไปเลยดีกว่า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพลันดีใจ “ขอบคุณท่านแม่ขอรับ”

 

 

“แต่ว่า เจ้าอย่าอยู่ในห้องเลย เกรงว่าจะกระทบต่ออารมณ์ของโยวเอ๋อร์” เมิ่งชื่อกล่าว

 

 

รอยยิ้มหวงฝู่อี้เซวียนเกร็งอยู่บนใบหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกครั้ง ความรู้สึกคลื่นไส้ก็มาเยือนอีกครั้ง นางรีบโน้มตัวไปขอบเตียง อ้าปาก แล้วอาเจียนอาหารที่เพิ่งทานลงไปเมื่อครู่ออกมาหมด

 

 

ทุกคนวุ่นขึ้นอีกครั้ง บ้างตบหลัง บ้างรินน้ำให้ หวงฝู่อี้เซวียนก็เดินขึ้นมา มองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความกังวล

 

 

ครั้งนี้อาเจียนจนถุงน้ำดีจะสำรอกออกมาด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวจึงค่อยรู้สึกดีขึ้น นางเงยหน้าขึ้นบ้วนปาก

 

 

เมิ่งชื่อช่วยเช็ดปากให้ด้วยความสงสาร เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปนอนบนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียวอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

 

 

พระชายาฉี เมิ่งชื่อ ซุนเชี่ยน หวังเยียนต่างเคยคลอดลูก แต่ไม่มีใครมีอาการเหมือนนางที่อาเจียนบ่อยขนาดนี้ ทุกคนต่างกังวลและร้อนรนใจ เมิ่งชื่อพูดขึ้นว่า “เป็นแบบนี้ต่อไปโยวเอ๋อร์และลูกไม่ไหวแน่ เชิญหมอมาดูเถอะ”

 

 

หมอหลวงเจียงผู้น่าสงสารจึงถูกหวงฝู่อี้เซวียนผู้ร้อนรนหิ้วตัวมา ที่พูดว่า ‘หิ้ว’ ก็เพราะว่าตั้งแต่ที่มือของหวงฝู่อี้เซวียนจับคอเสื้อของหมอหลวงเจียงได้ ส้นเท้าของเขาก็ไม่เคยได้สัมผัสพื้นอีกเลย

 

 

เมื่อครั้นหมอหลวงเจียงที่มึนงงอยู่นั้นรู้สึกเท้าของตนเหยียบอยู่บนพื้นแล้ว ก็ปักฐานมั่นไว้ คารวะหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความหวาดกลัว พูดด้วยเสียงสั่นระริกว่า “ซื่อจื่อ ครั้งหน้าให้ข้ามาเองได้ไหมขอรับ วิธีการของท่านข้าไม่ไหวจริงๆ”

 

 

“โยวเอ๋อร์อาเจียนหนัก เจ้าช่วยดูอาการนางหน่อย หากยังพูดมากอีก ข้าจะสั่งให้ทหารองครักษ์หิ้วเจ้าวนเมืองหลวงสักสามรอบ” หวงฝู่อี้เซวียนขู่เขา

 

 

หมอหลวงเจียงคอหด ส่ายหัวเล็กน้อย หลังจากตั้งสติได้แล้ว ก็เดินไปที่ข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

พระชายาฉีนำผ้าเช็ดหน้าวางบนข้อมือของเมิ่งเชี่ยนโยวไว้นานแล้ว ในขณะเดียวกันเมิ่งชื่อก็เดินออกมาเพื่อหลีกทางให้เขา

 

 

หมอหลวงเจียงนั่งลงบนเก้าอี้ ยื่นมือไปแตะบนชีพจรของนาง สักพักก็ขมวดคิ้วขึ้น

 

 

ทุกคนลุ้นด้วยความกังวล

 

 

ผ่านไปชั่วครู่ หมอหลวงเจียงจึงให้สัญญาณเมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมืออีกข้างมา

 

 

ผ่านไปนาน นานจนหวงฝู่อี้เซวียนแทบจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปหิ้วคอเสื้อเขาอีกครั้งไม่ไหว หมอหลวงเจียงจึงปล่อยมือเมิ่งเชี่ยนโยวออก พูดขึ้นว่า “อาการบาดเจ็บขององค์หญิงชิงเหอส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ขอรับ แต่ว่าไม่เป็นไร ข้าจะสั่งยาบำรุงครรภ์ให้ ให้นางดื่มแล้วอาการแพ้ท้องของนางอาจจะลดลงบ้างขอรับ”

 

 

“อาจจะหรือ ต้องสิ ต้อง เข้าใจไหม หากโยวเอ๋อร์ดื่มไปแล้ว ยังคงแพ้ท้องรุนแรงแบบนี้ ข้าจะทุบสำนักหมอหลวงพวกเจ้าทิ้งเสีย” หวงฝู่อี้เซวียนร้องคำราม

 

 

หมอหลวงเจียงสะดุ้งเฮือก แต่ก็ยังคงพูดรักษาจรรยาบรรณของแพทย์ “ซื่อจื่อ เรื่องนี้ข้ารับประกันไม่ได้จริงๆ ขอรับ สภาพขององค์หญิงชิงเหอนั้นแตกต่างจากคนอื่น ก่อนหน้านี้นาง…”

 

 

“อย่าพูดมาก รีบเขียนใบสั่งยาซะ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดขัดเขาอย่างรำคาญ

 

 

หมอหลวงเจียงยังคงอ้าปากค้างไว้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมาอีกครั้ง “อี้เซวียน อย่าทำให้หมอหลวงเจียงลำบากเลย ให้ข้าสั่งยาให้ตัวเองเถอะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบมองหมอหลวงเจียงด้วยความเย็นชา

 

 

หมอหลวงเจียงตัวสั่นเทา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “หมอหลวงเจียง ข้าพูดแล้วท่านจด หากมีตรงไหนไม่ถูกต้อง ท่านเตือนข้านะเจ้าคะ”

 

 

หมอหลวงเจียงรีบพยักหน้า ลุกขึ้นเดินไปข้างโต๊ะ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสั่งคนเตรียมกระดาษและพู่กันมา

 

 

หมอหลวงเจียงจับพู่กันขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวไล่รายการยาทีละรายการ

 

 

หมอหลวงเจียงเขียนรายการยาไปเรื่อยๆ ยิ่งเขียนตายิ่งเบิกโต จนเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ เขาลุกขึ้นยืนทันที “แม่นางเมิ่ง นี่…”

 

 

“หัวเจ้าคงอยู่บนบ่านานไปแล้วใช่ไหม” หวงฝู่อี้เซวียนถามเสียงเย็นชา

 

 

หมอหลวงเจียงสะดุ้ง รีบกลับไปนั่งที่เดิม สีหน้าตื่นตะหนกยังคงไม่หายไป พูดขึ้นว่า “แม่นางเมิ่ง นี่…”

 

 

“เขียนเสร็จหรือยัง” น้ำเสียงเย็นชาของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

“ยังขอรับ” หมอหลวงเจียงตอบกลับทันที

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนส่งเสียง ฮึ ออกมาเบาๆ “หัวคงอยู่บนบ่านานเกินไปแล้วสินะ”

 

 

หมอหลวงเจียงคอหด รีบเขียนรายการยาตัวสุดท้ายลงไป ยื่นให้หวงฝู่อี้เซวียนด้วยความเคารพ “ซื่อจื่อ เขียนเสร็จแล้วขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรับมา

 

 

หมอหลวงเจียงกำลังจะปริปากพูด

 

 

เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนกลับดังขึ้นข้างๆ หูของเขา “ทหาร โยนออกไป!”

 

 

หมอหลวงเจียงผู้น่าสงสารกลัวจนถูกกลืนคำพูดลงไปหมด เขามองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดจนเดือดร้อนเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนร้อง ฮึ ในใจ มือของโยวเอ๋อร์ ครึ่งค่อนวันนี้ข้ายังไม่ได้สัมผัสเลย เจ้ากลับได้สัมผัสก่อน หากไม่ลงความโกรธที่เจ้า ข้าคงไม่สบายใจ

 

 

หากหมอหลวงเจียงรู้สิ่งที่เขาคิด จะต้องร้องขอความเป็นธรรมแน่ๆ ข้อมือของเมิ่งเชี่ยนโยวมีผ้าเช็ดหน้าวางอยู่บนนั้น เขาไม่ได้สัมผัสโดนมือนางเสียหน่อย ไม่สิ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้ ประเด็นคือหากเขาไม่สัมผัสข้อมือของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วจะให้เขาตรวจชีพจรอย่างไร

 

 

ไม่ว่าหมอหลวงเจียงจะไม่เข้าใจอย่างไร โจวอันที่ได้ยินคำสั่งก็เดินเข้ามา จากนั้นก็หิ้วหมอหลวงเจียงผู้มีวิชาการแพทย์ล่ำลือออกไป และยังถูกโยนออกไปจริงๆ ด้วย

 

 

เมื่อเห็นสภาพทุลักทุเลของหมอหลวงเจียง หวงฝู่อี้เซวียนค่อยสบายใจ กำลังจะสั่งคนไปซื้อยา เสียงพระชายาฉีก็ดังขึ้น “เซวียนเอ๋อร์ เจ้าไปเองดีกว่า”

 

 

จากนั้น ทุกคนในเมืองก็ได้เห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ จากที่ซื่อจื่อแห่งอ๋องฉีควรไหว้ฟ้าดิน และร่วมดื่มอวยพรกับแขกอย่างสำราญใจนั้น เขากลับขี่ม้าทะยานตัวไปร้านยาเต๋อเหรินด้วยสีหน้าร้อนรน จากนั้นก็ทะยานกลับตำหนักอ๋อง

 

 

ผู้คนต่างให้ความสนใจ และต่างคาดเดากันเอง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ หลังจากกลับตำหนักอ๋องแล้ว ก็เข้าไปในครัว คอยคุมให้สาวใช้เคี่ยวยาจนเสร็จด้วยตัวเอง แล้วจึงยกออกมาอย่างระมัดระวัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสงสารหวงฝู่อี้เซวียน วันสมรสของคนอื่นเขาเป็นเจ้าบ่าวกันอย่างมีความสุข แต่เขาน่ะ แม้แต่ไหว้ฟ้าดินก็ไม่ได้ไหว้ ซ้ำยังถูกสั่งให้ไปซื้อยาอีก

 

 

แต่นางก็ทำได้เพียงสงสาร ไม่กล้าปริปากขอร้องแทนหวงฝู่อี้เซวียนแม้แต่คำเดียว เพราะแม่สามีที่คอยเฝ้ามองและแม่แท้ๆ ที่อยากจะรับนางกลับไปอยู่ที่บ้านทุกเมื่อ

 

 

หลังจากดื่มยาลงไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกดีขึ้น เริ่มรู้สึกง่วง จนอดใช้มือป้องปากหาวออกมาไม่ได้

 

 

เมื่อพระชายาฉีเห็น ก็พูดว่า “โยวเอ๋อร์ ง่วงแล้วใช่ไหม มานอนดีๆ สักตื่นเถอะ ตื่นแล้วก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เอนตัวลงนอนบนเตียง หลับตาลง ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งเสียงลมหายใจก็เข้าออกอย่างมั่นคง

 

 

เมื่อเห็นนางหลับไป ทุกคนในห้องค่อยโล่งใจ ลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ย่องออกไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอาลัยอาวรณ์ ยืนไม่ขยับไปไหน

 

 

พระชายาฉีที่เดินผ่านเขาก็ถลึงตาใส่เขา เตือนเขาให้ตามออกไปด้วย

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าขัดขืน เดินออกไปพลางหันไปมองนางพลาง

 

 

“ชิ่นจยา” พระชายาฉีพูดเสียงเบาด้วยหน้าตายิ้มแย้มว่า “ยุ่งมาทั้งวัน หิวแล้วใช่ไหม ไปเรือนข้าเถอะ ข้าจะให้คนใช้ยกอาหารมาให้ทาน”

 

 

เมิ่งชื่อไม่ได้ปฏิเสธ ยิ้มพร้อมพยักหน้า เดินตามนางออกไปพร้อมซุนเชี่ยนและหวังเยียน

 

 

เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว พระชายาฉีก็หยุดเดิน หันหลังกลับ ขมวดคิ้วถาม “เซวียนเอ๋อร์ เจ้ายังไม่เข้าไปในเรือนร่วมดื่มอวยพรอีกหรือ ยืนทำอะไรอยู่”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนทำอะไรไม่ได้ เดินสาวเท้าออกไปข้างนอก

 

 

พระชายาฉีสั่งชิงหลวนและจูหลี “เฝ้าซื่อจื่อให้ดี หากเขากล้าเข้าไปในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพวกเรา พวกเจ้ารีบมารายงานข้าทันที”

 

 

ทั้งสองขานรับ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนชะงักฝีเท้า เกือบจะล้มลงบนพื้น

 

 

พระชายาฉีแกล้งทำเป็นไม่เห็น พาทุกคนออกจากเรือนไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเศร้าเสียใจยิ่งนัก เมื่อไปถึงเรือนรับรอง ขุนนางน้อยใหญ่ต่างมากล่าวแสดงความยินดีกับเขา แต่กลับไม่มีใครกล้ามาดื่มอวยพร

 

 

เหวินซื่อ เปาอีฝาน เซี่ยเจียงเฟิง อันอี่หยวน และจูหลาน เจ้าคนปัญญาอ่อนทั้งห้าค่อยๆ เดินเข้ามา โอบไหล่โอบเอวหวงฝู่อี้เซวียนจนมาถึงโต๊ะอาหารของตน พูดว่า “วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้า มา เรามาดื่มให้เปรมกันไปเลย”

 

 

ยังไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร อาจจะแค่ต้องการทำให้ตนเองเมาจนเข้าเรือนหอไม่ได้ จะได้แก้แค้นตนที่สั่งคนสกัดจุดพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าแม้จะทำให้ตนเมาไม่ได้ ตนก็เข้าเรือนหอไม่ได้อยู่ดี หวงฝู่อี้เซวียนผู้ซึ่งห่อเ**่ยวใจไม่สามารถระบายลงที่ใครได้นั้นก็เหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง ถามขึ้นว่า “อยากดื่มให้เปรมใช่ไหม”

 

 

ทั้งห้าคนพยักหน้า

 

 

“อยากให้ข้าอยู่กับพวกเจ้า?” ถามอีก

 

 

ทั้งห้าพยักหน้าอีกครั้ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเผยรอยยิ้มพิลึก โบกมือ โจวอันเดินเข้ามา

 

 

ทั้งห้าคนเริ่มใจคอไม่ดี

 

 

เป็นไปตามคาด หวงฝู่อี้เซวียนจ้องพวกเขา ยิ้มพลางสั่งโจวอันว่า “จัดทหารองครักษ์มาหนึ่งร้อยนาย มาร่วมดื่มกับ ‘เพื่อนสนิท’ ของข้า หากพวกเขายังดื่มไม่เปรม พวกเจ้าจงถอดยศไปปลูกผักเสีย”

 

 

โจวอันเข้าใจความหมายของเขาทันที ลุกจากไปอย่างรวดเร็วและเรียกคนมา

 

 

เหวินซื่อตั้งสติได้คนแรก “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าคนใจดำ เราบอกว่าจะดื่มกับเจ้าจนเปรม กับเจ้า! กับเจ้า! กับเจ้า!” พูดเสียงดังซ้ำสามรอบ

 

 

หวงฝ่อี้เซวียนนั่งสบายใจบนเก้าอี้ต่อหน้าพวกเขา ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้น ข้าได้ยินแล้ว”

 

 

“แล้วเจ้าให้ทหารองครักษ์ดื่มกับพวกข้า?” จูหลานเพิ่งตั้งสติได้ พูดตะโกนเสียงดัง

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนกว้างขึ้นกว่าเดิม กางมือออก “ข้ารู้ แต่ว่าวันนี้โยวเอ๋อร์สั่งห้ามข้าดื่ม บอกว่าหากดื่มจะไม่ให้เข้าเรือนหอ แต่พวกเจ้าเป็นพี่น้องแสนดีของข้า ข้าคงรู้สึกผิด หากงานมงคลของข้าไม่ให้พวกเจ้าดื่มจนเปรม ข้าก็เลยคิดวิธีดีๆ ให้” พูดจบ ยังทำท่าทางอวดตัวเป็นพี่ชายแสนดี “วางใจเถอะ ข้าจะอยู่ร้องยินดีข้างๆ พวกเจ้าเอง”