[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื่อน] ตอนที่ 21 บทเพลงประกอบที่สวยงาม

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

เมื่ออวิ๋นเยี่ยได้ยินท่านผู้เฒ่าเล่าถึงวิธีจัดการกับหนุ่มสาวเหล่านี้ ก็หัวเราะจนท้องแข็ง คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนที่ไร้เดียงสา ต่อมาถึงได้รู้ว่า ไร้เดียงสากับโง่นั้นแตกต่างกัน เพื่อที่จะสามารถขนกล้วยออกไปให้ได้มากที่สุดในครั้งเดียว อวิ๋นเยี่ยเฝ้ามองดูพวกเขาที่กำลังสร้างรถขนของ 

 

ขึ้นชื่อว่างานย่อมไม่มีความสบาย หากมีคนบอกว่าทำงานอย่างมีความสุข นั่นแปลว่าการมีจิตวิญญาณที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนจะทำให้ได้รับความสุข แต่ไม่ใช่ร่างกาย ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความสุขมากแค่ไหนแต่ร่างกายก็จะบอกกับเจ้าว่าควรพักผ่อนได้แล้ว 

 

เหมือนกับร่างกายของอวิ๋นเยี่ยที่บอกว่าเขาต้องการการพักผ่อน แต่ว่าคนอื่นๆ กำลังทำงาน เหงื่อของเหมิงน่าไหลตั้งแต่ช่วงไหล่ลงไปจนถึงหลัง ชุดสีครามเปียกโชกไปหมด แต่ก็ยังขนกล้วยออกมาจากป่ากล้วยอยู่หลายรอบ กล้วยแต่ละเครือหนักมาก มีความยาวประมาณหนึ่งเมตร ตรงปลายยังมีปลีกล้วย เหมิงน่าไม่ให้ตัดออก บอกว่าจะเอากลับไป หากต้มกินกับเนื้อจะอร่อยมาก 

 

รอกที่สร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่มีน้ำหนักมาก ข้างหลังเต็มไปด้วยกล้วย รถคันหนึ่งหนักประมาณห้าสิบถึงหกสิบกิโลกรัม รอกของพวกสาวๆ จะมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย ส่วนรอกของผู้ชายใหญ่กว่าเกวียนในยุคต่อมาอีกหลายเท่า 

 

รถของเหมิงหลู่ใหญ่เป็นพิเศษ มองดูเขาลากรถ รู้สึกว่านี่คือการผสมผสานกันระหว่างความแข็งแรงและความสง่างาม กล้ามเนื้อที่แข็งแรง ขาที่ล่ำใหญ่ ใบหน้าที่ดูมุ่งมั่นไม่ยอมใคร การก้าวที่เชื่องช้าแต่หนักแน่นแสดงให้เห็นว่านี่เป็นลักษณะชายหนุ่มที่ดีสมกับเป็นลูกผู้ชาย แล้วยังหันไปให้กำลังใจเหมิงน่าที่อยู่ข้างหลังเสมอ เขาไม่มีวิธีที่จะช่วยเหมิงน่าได้ ทำได้แค่ให้กำลังใจนางเท่านั้น 

 

หน้าอกของเหมิงน่าถูกหวายสำหรับใช้ลากรถรัดจนเห็นรูปร่างชัดเจน เสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ บดบังรูปร่างที่งดงาม ที่แท้เด็กคนนี้นั้นรูปร่างดี 

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะมีนิสัยดื้อรั้นมาตั้งแต่เกิด นางขนกล้วยให้เต็มคันรถเหมือนกับผู้ชาย รถที่อาศัยไม้ไผ่ชักรอกในการลากไปต้องใช้แรงมหาศาลในการเอาชนะแรงเสียดทาน หากหลี่ไท่อยู่ที่นี่จะต้องส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไร้สาระ” เป็นแน่ แต่ว่าสำหรับในป่าเขาแห่งนี้ไม่มีรถที่ใช้งานได้ดีเท่ารถลักษณะแบบนี้แล้ว 

 

สาวงามทำงานไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาลากรถ ใบหน้าแยกเขี้ยวยิงฟันดูดุร้าย อวิ๋นเยี่ยเห็นเส้นเลือดที่คอของนางเหมือนกับไส้เดือน แล้วก็เห็นว่าขาของนางนั้นสั่นไม่หยุด นางคงจะเหนื่อยแล้ว แต่กลับไม่บ่นสักคำ มุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างไม่ลดละ 

 

ไหล่ทั้งสองข้างโดนรัดด้วยหวายลากรถ พอโดนเหงื่อทำให้รู้สึกแสบร้อน นี่คือความรู้สึกของอวิ๋นเยี่ย คาดว่าคนอื่นก็คงจะรู้สึกเช่นกัน 

 

ที่จริงหาคนมาเยอะๆ ก็พอแล้ว แต่ว่าพวกคนงี่เง่าเหล่านี้ต้องการทำให้คนในชนเผ่าของพวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก และเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองนั้นมีความสามารถแค่ไหนจึงไม่ยอมไปหาคนมาเพิ่ม ทำเอาอวิ๋นเยี่ยก็ต้องมาลากรถกับคนพวกนี้ด้วย 

 

ถนนที่มีช้างเดินผ่านทำให้เป็นหลุมเป็นบ่อ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าพวกนี้กินไปลากไป บนทางเดินจึงเต็มไปด้วยอึช้างกองอยู่เต็มไปหมด เหมิงหลู่มักจะใช้ไม้ไผ่เขี่ยก้อนอึไปไว้ข้างทาง จากนั้นค่อยอนุญาตให้คนในขบวนลากรถผ่านไป แน่นอนว่าทำให้ลากรถได้ช้าขึ้น 

 

วั่งไฉมักจะมาปรากฏตัวในยามที่อวิ๋นเยี่ยลำบาก มันมีคุณสมบัติในการเป็นสหายที่ดี สองวันมานี้ได้ดื่มเหล้าก็ทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นร้อยเท่า หลังจากที่ตื่นมาไม่เห็นอวิ๋นเยี่ย มันก็ดมตามกลิ่นอวิ๋นเยี่ยมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงที่นี่จนได้ มันเข้าไปลากรถของอวิ๋นเยี่ยอย่างภูมิใจ เพียงครู่เดียวก็แซงเหมิงน่าไปได้แล้ว แน่นอนว่าเมื่อมีม้าดี ทำให้มีผู้หญิงติดตรึม อวิ๋นเยี่ยเอารถของเหมิงน่าเกี่ยวไว้ด้านหลังของรถตัวเอง 

 

เหมิงหลู่ที่ให้กำลังใจเหมิงน่ามาตลอดทางก็สู้กับพฤติกกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของท่านชายตระกูลสูงศักดิ์ไม่ได้ เมื่อไม่ต้องแบกของหนักแล้ว เหมิงน่าดีใจมากจึงหอมแก้มอวิ๋นเยี่ยไปหนึ่งที การกระทำของเหมิงน่าทำให้เหมิงหลู่อิจฉาจึงลากรถไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง 

 

อวิ๋นเยี่ยยิ้มแล้วลูบที่แก้มของตัวเอง อวิ๋นเยี่ยนำหวายไปเกี่ยวรถของหญิงสาวที่ผอมที่สุดเพื่อที่จะช่วยนางลากรถ เหมิงน่าก็ไปช่วยคนอื่นลากรถเช่นกัน 

 

รู้สึกผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย การลากรถต้องออกแรงโดยไม่พักเพื่อลากไปจนถึงจุดมุ่งหมายในทีเดียว หากหยุดพักกลางทางจะยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า หากต้องรวบรวมเรี่ยวแรงขึ้นมาลากอีกครั้งนับเป็นเรื่องยากทีเดียว 

 

ในที่สุดก็มาถึงริมแม่น้ำ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างเหมิงหลู่ยังต้องเอาหัวไปแช่น้ำเพื่อคลายร้อน ความจริงหลังจากที่ออกแรงไม่ควรจะใช้น้ำเย็นรดศีรษะทันที มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ป่วยได้ 

 

อวิ๋นเยี่ยห้ามไม่ให้คนอื่นทำเช่นนี้ พักผ่อนก่อนสักพักให้อุณหภูมิของร่างกายเย็นลงแล้วค่อยไปดื่มน้ำจะดีกว่า ยุคปัจจุบันสอนให้เขามีความเคยชินที่ดี ทำให้แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยดื่มน้ำที่ไม่ผ่านการต้มเลย 

 

หยิบมีดขึ้นมาตัดไม้ไผ่ ก่อไฟต้มน้ำ หาก้อนหินที่สะอาดเพื่อนั่งลงดื่มน้ำอย่างช้าๆ 

 

เหมิงน่ามองเหมิงหลู่ที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่พื้นไม่พูดอะไรสักคำ แล้วหันไปมองอวิ๋นเยี่ยที่กำลังดื่มน้ำอย่างสง่างาม ในใจสับสนวุ่นวายเล็กน้อย 

 

ลากรถในน้ำทำให้รู้สึกเบาลงมาก เพียงแต่ต้องประคองไม่ให้รถคว่ำก็พอ แม่น้ำที่ไหลเอื่อยๆ จะพากล้วยไปส่งที่ประตูหมู่บ้านได้ 

 

ตอนที่เหมิงน่ายังอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน นางได้ส่งเสียงดังออกมา ทำให้สาวๆ ที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำตกใจลุกขึ้นดู เห็นกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้ามาทางหมู่บ้าน 

 

คนในหมู่บ้านออกมาต้อนรับหนุ่มสาวที่กลับมาพร้อมกับรถลากมากมาย พากันเดินลงแม่น้ำไปรับรถมาจากพวกหนุ่มสาว ยิ้มพร้อมเอากำปั้นต่อยที่ไหล่เบาๆ ลูบเนื้อตัวของหนุ่มสาวด้วยความเอ็นดู มีผู้อาวุโสหลายคนยืนยิ้มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ พวกเด็กน้อยปีนขึ้นรถไปกินกล้วย มีหญิงสาวบางคนจับชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา 

 

อวิ๋นเยียรับการแสดงความยินดีของคนเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา ต่อยที่ไหล่เบาๆ แล้วสวมกอด ไม่ปฏิเสธผู้คนที่เข้ามาแตะเนื้อต้องตัว จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าตั้งแต่มายังต้าถัง เรื่องที่น่าประทับใจที่สุดกลับเป็นการลากรถขนกล้วยกลับมาที่หมู่บ้าน ตอนที่ได้รับการแต่งตั้งที่ตำหนักจินหลวนยังไม่รู้สึกดีเท่าตอนนี้ 

 

วั่งไฉยืดคอขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เด็กๆ เหล่านั้นเริ่มเกาที่ท้องของมัน นี่เป็นช่วงเวลาที่มันชอบมาก 

 

เหมิงหลู่กำลังเหม่อลอย ถึงแม้คนทั้งหมู่บ้านกำลังดีใจแต่ว่าเขากลับรู้สึกเศร้า เหมิงน่าชอบอวิ๋นเยี่ยจริงๆ หรือ หากคนผู้นั้นเป็นคนหลอกลวง เหมิงหลู่จะไม่เอาเขาไว้แน่นอน แต่ว่าคนๆ นี้เป็นคนดีแล้วยังช่วยหากล้วยมากมายมาให้แก่คนในหมู่บ้าน เมื่อมีป่ากล้วยคนในหมู่บ้านก็จะไม่ต้องทนหิว แถมยังมีกินไปอีกหลายยุค เหมิงหลู่รู้จักตอบแทนคนตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะบุญคุณอันใหญ่หลวงเช่นนี้ และอีกอย่าง อวิ๋นเยี่ยมีหลายอย่างที่เก่งกว่าตัวเองมาก ได้ยินท่านผู้เฒ่าบอกว่าเขาเขียนหนังสือได้ นี่เป็นความสามารถที่เทียบไม่ได้ ท่านผู้เฒ่ายังเขียนไม่ได้เลย เขาจะต้องกลายเป็นผู้นำที่ฉลาดในอนาคตแน่นอน 

 

เหมิงหลู่ที่รักเหมิงน่าเป็นที่สุดกลับไปบ้านเตรียมเก็บกระเป๋าเดินทาง รอให้ฟ้ามืดก็จะแอบจากไปเงียบๆ คนเดียว ผู้แพ้หากยังอยู่ที่หมู่บ้านจะถูกหัวเราะเยาะเอา 

 

อวิ๋นเยี่ยมองเหมิงหลู่อยู่ตลอดเวลา ในฐานะมนุษย์เหมือนกันทำไมเขาจะมองความรู้สึกของเหมิงหลู่ไม่ออก ถึงแม้ว่าในใจจะแอบหัวเราะอยู่ก็ตาม เมื่อยิ้มทักทายกับคนทั้งหมดเสร็จแล้วจึงรีบตามเหมิงหลู่ไป 

 

คนที่รู้สึกว่าเหมิงหลู่มีท่าทางผิดปกติไม่ได้มีเพียงแค่อวิ๋นเยี่ยคนเดียว ยังมีเหมิงน่าอีกคน นางมองพวกเขาสองคนจากที่ไกลๆ กังวลว่าพวกเขาจะทะเลาะกัน หากเหมิงหลู่โมโหขึ้นมา ใครก็เอาไม่อยู่ 

 

เหมิงหลู่กำลังเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่มีไม่กี่ตัวภายในห้อง เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว จึงหันมองไปรอบๆบ้านของตัวเองก่อนจะจากไป แต่กลับเห็นอวิ๋นเยี่ยผลักประตูเดินเข้ามา ยิ้มทักทายเขา หยิบไหเหล้าขึ้นมาจากใต้เตียงของเขาอย่างคุ้นเคย แล้วหยิบหลอดต้นอ้อจากข้างหลังสองหลอด ทำตัวตามสบายเหมือนกับเป็นบ้านของตัวเอง 

 

เหมิงหลู่รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม เขาพึ่งนึกได้ว่าตอนนี้อวิ๋นเยี่ยอาศัยอยู่ในบ้านของเขา จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เขาอยากจะใช้หอจู๋โหลวนี้แต่งงานกับเหมิงน่า ตอนนี้ไม้ไผ่ลายหยดน้ำนั้นหายากแล้ว กว่าจะเก็บไม้ไผ่จากหุบเขาได้มากพอเขาใช้เวลาตั้งครึ่งปี แต่อย่างไรตัวเองก็ไม่ต้องการแล้ว มอบให้อวิ๋นเยี่ยจะดีกว่า 

 

อวิ๋นเยี่ยตบที่ไหล่ของเหมิงหลู่เบาๆ บอกเป็นนัยๆ ว่าให้ตามเขามา เท้าเหยียบอยู่บนแท่น โต๊ะเหล้าวางอยู่ตรงกลางระหว่างเขาสองคน น่าแปลกที่มีแผ่นหินวางอยู่ตรงกลาง 

 

อวิ๋นเยี่ยดื่มเหล้าไปหนึ่งอึกแล้วดันไหเหล้าไปให้เหมิงหลู่ อวิ๋นเยี่ยใช้ก้อนถ่านวาดรูปสาวงามหนึ่งรูป รูปลักษณะคล้ายกลับซินเย่ว แต่ว่าวาดได้ไม่ดี จะดูอย่างไรก็ดูความสวยงามของซินเย่วไม่ออก 

 

เมื่อจิตใจเย็นลงก็เริ่มวาดได้ดีขึ้นมากกว่าเดิม คิ้วของซินเย่วเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกคิดถึงบ้านก็มีเพิ่มมากขึ้น อวิ๋นเยี่ยอยากจะรีบกลับฉางอันในทันที แล้วไปหลบอยู่ในเขาอวี้ซันไม่ออกมาอีก การทำการเกษตรถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด 

 

เหมิงหลู่มองภาพวาดสาวงามบนแผ่นหิน แล้วมองใบหน้าที่อ่อนโยนของอวิ๋นเยี่ย ดูเหมือนจะเข้าใจว่าอวิ๋นเยี่ยต้องการจะพูดอะไร หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น 

 

อวิ๋นเยี๋ยหยิบถุงผ้าปักลายออกมาจากเสื้อ เปิดออกแล้วหยิบปรอยผมออกมาเป็นสัญลักษณ์ว่าแต่งงานแล้วให้เหมิงหลู่ดู แล้วใส่กลับไปในถุงผ้าแนบไว้ที่หน้าอก ตบที่หน้าอกเบาๆ ชี้ไปที่เหมิงน่าที่กำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หลังหอจู๋โหลว แล้วชี้มาที่เหมิงหลู่เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชิดกัน มองที่เหมิงหลู่แล้วหัวเราะออกมา 

 

ต่อให้โง่แค่ไหนก็ดูออกว่านี่หมายความว่าอะไร เหมิงหลู่กอดอวิ๋นเยี่ย ตบที่หลังเขาแล้วหัวเราะออกมา มีเพียงแค่เหมิงน่าที่แอบดูด้วยความงุนงง 

 

พวกผู้ชายมักจะมีเรื่องที่ดีใจอย่างไร้เหตุผลอยู่มากมาย ผู้ชายสองคนนี้ควรจะทะเลาะกันแต่กลับมานั่งกินเหล้าด้วยกัน แล้วยังหัวเราะเสียงดัง ตบไหล่กันและกันด้วยท่าทางดีใจ พวกเขาต่างฟังไม่รู้เรื่องว่าฝ่ายตรงข้ามพูดว่าอะไร มีเพียงคำว่าเหมิงน่าที่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน หรือจะบอกว่าพวกเขากำลังปรึกษากันว่าจะจีบตัวเองอย่างไร แต่ว่าพวกเขานั้นมีกันสองคนนี่ 

 

หากเทพเจ้าหล่อหลอมหนุ่มชาวฮั่นกับเหมิงหลู่ให้เป็นคนๆ เดียวกันมันคงจะดี เหมิงน่ามองดูอย่างสับสนวุ่นวายใจ 

 

หลายวันต่อมา เป็นวันที่ผู้ชายในหมู่บ้านร่วมแรงร่วมใจกันขนกล้วยมากมายออกมาจากหุบเขา ทั้งหมู่บ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานอย่างแรง เสื่อไม้ไผ่เต็มไปด้วยกล้วยตากแห้ง มองไปเป็นสีขาวเต็มไปหมด และตอนนี้พื้นที่สีขาวได้เลยออกไปนอกหมู่บ้านแล้ว 

 

ตอนหลิวจิ้นเป่าได้พบอวิ๋นเยี่ย เขากำลังถือมีดเล่มเล็กหั่นกล้วย มีเด็กน้อยสองคนอยู่ข้างๆ คอยช่วยงาน นำกล้วยที่อวิ๋นเยี่ยหันเรียบร้อยไปว่าเรียงไว้บนเสื่อไม้ไผ่ เมื่อวางจนเต็มแล้วก็นำออกไปตากแดด ตอนนี้ที่พื้นมีกองเปลือกกล้วยขนาดใหญ่ อวิ๋นเยี่ยหั่นกล้วยด้วยความใส่ใจ ทุกชิ้นมีความหนาใกล้เคียงกัน ฝีมือดูเชี่ยวชาญ ท่าทางดูสง่างาม 

 

กำลังจะถามสารทุกข์สุกดิบ แต่อวิ๋นเยี่ยกลับต้อนรับเขาด้วยสายตาที่ดูเย็นชา หลิวจิ้นเป่ารู้สึกตกใจ คุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ