นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปลอบโยนใครสักคน แต่เขากลับถูกปิดกั้นทันที เสี่ยวเทียนเหยาพูดไม่ออกไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นเขาก็แค่ไอและพูดขึ้น “คนที่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองในวันนี้ เปิ่นหวางจะให้เจ้าจัดการกับพวกมันทุกคน” เพราะเรื่องนี้ เขาถึงได้รอ หลิน ชูจิ่ว จนเกือบจะหนึ่งชั่วยาม อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย หลิน ชูจิ่ว จะต้องพอใจกับสิ่งนี้ใช่ไหม

“ ไม่ พวกเขาไม่ได้ทำให้ข้าขุ่นเคือง พวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่าน” หลิน ชูจิ่วดึงน้ำตากลับลงไปในดวงตาของเธอ แล้วมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา จากนั้นเธอก็ถามขึ้นอีกครั้ง“ หวางเย่ ท่านต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด?”

       เสี่ยวเทียนเหยาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าหลิน ชูจิ่วไม่ต้องการเสียเวลา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดถึงเรื่องที่เป็นธุระของเขา“ เรื่องของตระกูลเมิ่ง……”

“ข้าจะไม่ทำให้หวางเย่ต้องยุ่งยากในเรื่องนี้ นี่คือปัญหาของครอบครัวของเรา ครอบครัวของข้าก็เป็นธุระของข้า ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบมันเอง” เสี่ยว เทียนเหยาเพิ่งจะพูดขึ้น แต่หลิน ชูจิ่วก็ขัดจังหวะเขาขึ้น

       ด้วยน้ำเสียงของนาง มันฟังออกว่านางโกรธอย่างเห็นได้ชัด การเห็นหลิน ชูจิ่วกำลังอารมณ์เสีย เสี่ยวเทียนเหยาผู้ซึ่งมักจะเป็นคนอารมณ์เสียอยู่เสมอก็ช่วยไม่ได้ที่จะโกรธขึ้น “ หลิน ชูจิ่ว เจ้ากำลังไม่พอใจเปิ่นหวางหรือ? ใครให้ความกล้าที่จะทำเรื่องที่ไม่สนควรเช่นนี้ต่อหน้าเปิ่นหวาง? อย่าคิดว่าเพียงเพราะเปิ่นหวาง ปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดีเมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าจะสามารถทำเช่นนี้ได้”

       หลิน ชูจิ่ว เป็นคนดีมาก เขามีความรู้สึกที่ดีต่อนางจริงๆ เขายังถือว่านางเป็นภรรยาของเขาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะตามใจนาง ผู้หญิงของเขาไม่ควรเย่อหยิ่งและโง่เขลา

“ไม่ใช่ข้าไม่พอใจท่าน ก็อย่างที่ท่านพูด เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านได้ปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี” หลิน ชูจิ่วไม่ปฏิเสธความจริงข้อนี้ เธอไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุผลของเสี่ยวเทียนเหยา ที่ทำเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องรออีกต่อไป แล้วถามขึ้น“หวางเย่ ท่านปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดีนั่นเป็นเพราะท่านมีข้าอยู่ในใจของท่านแล้วหรือไม่”

“ อะแฮ่ม อะแฮ่ม……” เสี่ยวเทียนเหยาไม่เคยคิดเลยว่า หลิน ชูจิ่ว จะถามคำถามตรงๆ เช่นนี้ เขาเกือบหายใจไม่ออกหลังจากได้ยิน ดังนั้นเขาจึงไอขึ้นสองครั้งแล้วพูดขึ้น“ เจ้าเป็นหวางเฟยของเปิ่นหวาง” เขายอมรับว่านางเป็นหวางเฟยของเขา ดังนั้นนางจึงอยู่ในใจของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ ถ้าเช่นนั้น ท่านเคยชอบข้าแม้แต่น้อยหรือไม่” หลิน ชูจิ่ว ถามคำถามอื่นขึ้นอีก หูของเสี่ยวเทียนเหยา กลายเป็นสีแดง แต่เขาไม่ได้ให้คำตอบที่เป็นทางบวกกับนาง เขาเพียงพูดโพล่งๆ ขึ้น”หลิน ชูจิ่ว เปิ่นหวางต้องการพูดคุยกับเจ้าเกี่ยวกับตระกูลเมิ่งและสิ่งที่เจ้าควรจะทำ” มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ หญิงโง่

“ มาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันก่อน จากนั้นท่านค่อยมาพูดถึงเรื่องครอบครัวของข้า หวางเย่ ท่านชอบข้าหรือไม่ ท่านจูบข้าในวันนั้นเพราะท่านชอบข้าหรือไม่” บางสิ่งต้องพูดอย่างชัดเจนเพื่อให้เข้าใจ เธอต้องการที่จะรู้ว่ามันคุ้มค่าที่จะมองไปข้างหน้าหรือไม่

“ สิ่งนี้สำคัญด้วยหรือ? เจ้าเป็นภรรยาของเปิ่นหวาง การจูบเจ้าเป็นสิ่งที่แปลกด้วยหรือ? “เสี่ยวเทียนเหยารู้สึกรำคาญมาก สำหรับผู้ชายมีบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถพูดได้

“ เพียงเพราะพวกเราเป็นสามีภรรยาหรือ แต่ท่านเคยเห็นข้าเป็นภรรยาของท่านด้วยหรือ” ความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวเทียนเหยาเป็นเหมือนเจ้านายและคนรับใช้มากกว่า

“ เมื่อไหร่ที่เปิ่นหวางไม่เคยเห็นเจ้าเป็นภรรยา?” เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยาก็ราวกับถูกบังคับให้พูดเพิ่มขึ้นอีก“เปิ่นหวาง ไม่ได้ฆ่าเจ้า เพราะยอมรับว่าเจ้าคือเสี่ยวหวางเฟย มันยังไม่เป็นหลักฐานที่บอกว่าเปิ่นหวางเห็นเจ้าอยู่ในฐานะภรรยาอีกหรือ ? ถ้าเปิ่นหวาง ไม่เห็นเจ้าเป็นภรรยา เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่หรือ”

       หากเขาต้องการชีวิตของ หลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่ต้องยกมือขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อนางต้องการความช่วยเหลือ เขาก็วิ่งออกไปนอกเมืองหลวง แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะเพิ่งหายเป็นปกติ โดยไม่คำนึงถึงใบหน้าของเขา เขาไล่ตามนางและพานางกลับมา เมื่อนางต้องการจะทำบางอย่าง เขาก็ทิ้งความขุ่นเคืองที่มีต่อฮ่องเต้และพานางไปที่วัง…

       เขายังไม่ดีพอสำหรับนางใช่ไหม แล้วทำไมในขณะนี้ ผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาถามคำถามโง่ ๆ เช่นนี้ หรือว่านาง …

       โง่เขลาจนช่วยไม่ได้แล้ว!