ตอนที่ 1094 - กลับสู่ความเป็นจริง

The Divine Nine Dragon Cauldron

เจิ่งฉิงหลงตกตะลึงเขาตกใจกับความมุ่งมั่นที่จะอยู่ต่อเพื่อต่อสู้ของซือหยู
  “ซือหยูข้ารู้ว่าเจ้ามีชัยเหนือล้ำจากชื่อเสียงเจ้า ข้าศึกษามาแล้ว มันคือความสำเร็จอันน่าจดจำ แต่ในการประลองของจริง เจ้าอาจจะเอาชนะข้าไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงฉีหมิง ในดินแดนมีดสวรรค์แห่งนี้ นอกจากรองจ้าวดินแดนกับเจ้าดินแดนก็ไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว!”
  เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างเร่งรีบวิกฤติกำลังใกล้เข้ามา
  ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ
  “เจ้าคิดว่าเราหนีได้หรือ?”
  เจิ่งฉิงหลงถอนหายใจหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
  “เจ้าหนีไม่ได้”
  เขาจะพ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่าหนึ่งกระบวนท่าคือหนึ่งลมหายใจ เพียงสิบลมหายใจคงหนีได้ไม่ไกลนัก
  “ลืมไปซะไม่มีใครช่วยเราได้ ฉีหมิงเองก็ไม่คิดปรานีเจ้า”
  ซือหยูเข้าใจสิ่งที่เจิ่งฉิงหลงต้องการในเวลาสำคัญ แทนที่จะหวังพึ่งปาฏิหาริย์? เป็นการดีกว่าหากจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า
  เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างขมขื่น
  “มีแค่เจ้ากับข้าและเจ้าหุ่นเชิดนั่นรึ?”
  “เกินพอแล้ว!
  ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น
  “ดี!”
  เจิ่งฉิงหลงปลดเสื้อเผยร่างกายแข็งแกร่งดุจหินผา เขาตะโกนทั้งที่ถือกระบี่
  “ข้าจะสู้ในวันนี้!”
  ฉั่วะ!
  รอยแยกมิติตรงหน้าเขาฉีกขาดขยายใหญ่ขึ้นจนคนลอดผ่านได้  ชายชุดแดงก้าวออกมา!
  “โอ้?ข้าคิดว่าจะต้องไล่ตามเจ้านานกว่านี้เสีัยอีก แต่เจ้ายังอยู่ที่นี่”
  ฉีหมิงพูดอย่างแปลกใจ
  เจิ่งฉิงหลงพูดด้วยความไม่พอใจ
  “เจ้าทำลายสายสัมพันธ์ตระกูลเจ้าต้องชดใช้!”
  “สิบกระบวนท่า…เจ้าจะยังรอดไหม?”
  ฉีหมิงหัวเราะ
  แต่ในเวลานี้เขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสองคนดาวรุ่งซือหยูอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา! เขามีกระบี่สีเงินที่มีพลังเหนือกว่าช้างหมื่นเชือก
  “รับกระบี่นี้ไปซะ!”
  เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกกระบี่ของเขาร่ายรำราวกับมังกรทรงพลัง
  ฉีหมิงเรียกโซ่ทมิฬออกมาฟาดราวกับอสรพิษดำมันปล่อยเพลิงทมิฬออกมา  กระบี่ร่ายรำพุ่งเข้าสู่เพลิงทมิฬราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
  “กำลังฝูงสัตว์ป่า!”
  เจิ่งฉิงหลงใช้กระบวนท่าถัดไป
  “วิญญาณมังกร!”
  “ดาวตกซัด!”
  “อสรพิษ!”
  การแลกเปลี่ยนกระบวนท่านั้นรวดเร็วจนเจิ่งเฉิงและฉิวเอ๋อเห็นแค่เพียงเงาของทั้งสองในการเคลื่อนไหวของกระบี่
  เทียบกันแล้วมันชัดเจนในสายตาของซือหยูที่ได้รับการฝึกฝนมา เขาเห็นเจิ่งฉิงหลงที่ยังห่างไกลกว่าจะเทียบเท่าฉีหมิง น่าเสียดายที่เขายังขาดทักษะในด้านอื่น และฉีหมิงเองก็มีพลังทำลายล้างมากกว่า
  ทั้งสองนั้นประมือกันอย่างสูสีในแรกเริ่มแต่เจิ่งฉิงหลงเริ่มอ่อนแอลงหลังจากผ่านกระบวนท่าที่สิบ โซ่ทมิฬซัดลำตัวของเขาราวกับอสรพิษร้าย  เจิ่งฉิงหลงถูกซัดจนเสียงกระดูกหักดังลั่นเกิดแผลขนาดเท่ากำปั้นที่ลำตัว
  สิบกระบวนท่าของพวกเขาทำให้ซือหยูมีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัวซือหยูประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าหากัน
  กระบี่เงินปั่นแสงสีเงินเป็นเส้นพลังหลายพันสายราวกับว่ากระบี่ได้กลายเป็นไผ่เงินต้นยาวในมือของซือหยู
  “หากไม่นับพลังวิชากระบี่ของเจ้าดูน่าตื่นตา”
  ฉีหมิงสวนกลับพลังของซือหยูด้วยพลังช้างหมื่นเชือก
  ซือหยูไม่แม้แต่เงยหน้ามองเขาแกว่งแขนขวา รอยแยกมิติเปิดออก คลื่นพลังของเขาโถมเข้าสู่รอยแยกมิติ
  “สร้างรอยแยกมิติด้วยกระบี่ช่างหาดูได้ยาก!ข้าอาจจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครในตำหนักโลหิต แต่การได้เจอข้าคือความตายของเจ้า”
  ฉีหมิงพุ่งมาที่ด้านข้างซือหยูอย่างรวดเร็วโซ่ทมิฬในมือพุ่งตรงเข้าใส่ลำตัวซือหยู
  ซือหยูหลบเปลวเพลิงทมิฬจากโซ่เพลิงนั้นแข็งแกร่งจนร่างกายเขาสั่นไหว พลังของเพลิงนี้ไม่ได้เพลิง แต่เป็นคลื่นพลัง!
  การหยุดคลื่นพลังเหล่านี้เขาต้องดับเพลิงนี้ให้ได้
  “เจ้าจะหนีไปไหน?”
  ฉีหมิงส่ายหน้า
  “มันจบแล้ว!”
  โซ่ทมิฬในมือของเขาพุ่งไปข้างหน้ายาวกว่าเดิมสิบเท่าเสียงสายฟ้าลั่นหวั่นไหว เพลิงทมิฬอันทรงพลังปะทุออกมาจากโซ่ปกคลุมทุกอย่างเอาไว้
  แสงสีเงินเปล่งทะลวงออกมาจากเพลิงเส้นพลังร่ายรำผ่านเปลวเพลิง แสงสีเงินเหล่านี้มาจากกระบี่ของซือหยู
  “เจ้าดับเพลิงของข้าด้วยพลังมิติเรอะ!”
  ฉีหมิงสงสัยแต่ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการอยู่รอดในตอนนี้ มันคือการต่อสู้ที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
  “มังกรทมิฬรุ่งสาง!”
  ฉีหมิงกระบี่โซ่ทมิฬพุ่งตรงไปยังซือหยู
  ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปซือหยูถูกบังคับให้ต้องโต้กลับ ใบหน้าเขาเยือกเย็น แขนไขว้กันเพื่อป้องกัน ดวงตาเพ่งไปที่กระบี่
  “แสงย้อนกลับ!”
  แสงกระบี่สีเงินพุ่งออกมาจากรูขุมขนของเขาราวกับหยดพิรุณมันพุ่งออกไปยังทุกทิศทาง
  ซือหยูไม่ต่างกับดวงตะวันสีเงินที่อาบแสงสีเงินทั้งร่างมันดูตระการตา
  ดวงตะวันสีเงินและมังกรทมิฬเข้าปะทะกันระเบิดเสียงดัง
  ตู้ม!
  พลังรุนแรงจนผลักทั้งซือหยูและฉีหมิงถอยไปหลายก้าว
  ซือหยูสัมผัสได้เพียงแต่ความเจ็บปวดโลหิตไหลบนเส้นเลือดอย่างเชี่ยวกราก
  ฉีหมิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
  แสงกระบี่เข้าสู่ร่างกายของเขาทำลายจากภายในสู่ภายนอก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต่อต้านพลังของมัน
  “สายกระบี่ที่ปล่อยพลังออกมาได้อีกจากข้างในรึ!เจ้าฝึกพลังนี้มายังไง?”
  ฉีหมิงผงะด้วยความตกใจ
  การซ่อนรังสีกระบี่ไว้ข้างในพลังที่ดูน้อยนิดเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์กระบี่หลายคนมักพยายามทำมันคือพลังที่เทียบเท่ากับพลังที่เหล่าเทพใช้ เมื่อได้กลายเป็นเทพ การใช้พลังจะรุนแรงขึ้นไปอีก
  แต่การใช้วิธีของซือหยูที่ซ่อนรังสีกระบี่ไว้หมื่นสายนั้นไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!
  “มันคือรางวัลยังไงล่ะ”
  ซือหยูกดแผลอย่างแรงพร้อมกับเรียกเข็มทมิฬออกมาในมือจากนั้นเขาก็กระชากมิติและหายตัวไปในพริบตา  ต่อมาที่เขาปรากฏตัวเข็มทมิฬได้พุ่งตรงไปที่กลางหน้าผากฉีหมิง!
  สีหน้าฉีหมิงทั้งตกใจและแปลกใจเขาพยายามจะผลักเข็มออกไป แต่ก็ราวกับว่าเข็มนี้ไร้คุณสมบัติทางกายภาพ มันเข้าแทงดวงวิญญาณของฉีหมิงตรง ๆ
  เสียงกรีดร้องราวคนใจสลายดังมาจากฉีหมิง
  “อ๊าาา!นี่มันเข็มแทงวิญญาณ! อาวุธวิเศษของเจ้าดินแดน! มันไปอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?”
  นี่คืออาวุธวิเศษของเจ้าดินแดนมีดสวรรค์มันคือเครื่องมือที่ใช้ควบคุมวิญญาณของเหล่าเทพ! เขาได้ให้ยอดฝีมือแย่งดินแดนยืมไป และมันก็มาตกอยู่ในมือของซือหยู
  เข็มเล่มนี้อย่างเดียวก็กินพลังเขาไปครึ่งส่วนแล้ว!
  แต่ฉีหมิงที่แม้จะเจ็บปวดเขาก็เป็นคนที่ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เขาขยับตัวหลบการจู่โจมอย่างแม่นยำ  เคราะห์ร้ายที่เป็นเวลาเดียวกับที่เส้นด้ายโลหิตหลายพันสายเข้ามารัดตัวเขาเขาเลือกผิดที่ไม่หนีไปบนพื้น เขาจึงต้องถูกด้ายโลหิตเหล่านั้นรัด
  “ไปให้พ้น!”
  ฉีหมิงตะโกนเสียงดังเขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ด้ายโลหิตพันรอบกายราวกับสายฟ้า
  แต่ที่น่าแปลกคือระยะหมื่นลี้นี้เต็มไปด้วยทะเลเลือดมันเหมือนกับเส้นด้ายโลหิตที่ถักทอกันอย่างหนาแน่น!
  ด้ายโลหิตที่ฉีหมิงสลัดออกไปเป็นเพียงแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น!
  “ฮ่าๆไอ้แก่ ลองรอดให้ได้สิ!”
  ซือหยูหัวเราะเยาะ
  ด้ายโลหิตไม่รู้จบปกคลุมท้องนภาตั้งแต่บนถึงล่างมันเคลื่อนที่รวดเร็วเข้ารัดฉีหมิง
  ฉีหมิงตื่นตระหนกด้ายโลหิตเหล่านั้นไม่มากพอที่จะเป็นภัยกับเขา แต่ทันทีที่มันรัดเขา พลังของมันจะทวีคูณขึ้นและเป็นปัญหาที่จะกำจัดทั้งหมดออกจากตัว
  เมื่อเขาตัดสินใจทำลายมันในมือของเขาก็มีพลังที่ปล่อยออกมาสี่ทิศทาง เขาซัดพลังฉีกมิติและหนีไปทั้งอย่างนั้น
  แต่ต่อมาก็เกิดลำแสงมาจากด้านหลังมันเป็นพลังแข็งแกร่งที่รบกวนพลังมิติรอบตัวเขา
  รอยแยกมิติกำลังจะแตกสลาย
  ในความปั่นป่วนของพลังมิติเช่นนี้แม้จะมีพลังมากมายเท่าใด ความตายก็เป็นที่แน่นอน
  หนึ่งมิติแตกสลายเขาซัดฉีกอีกมิติด้วยมือขวา
  แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
  ทะเลโลหิตไหลเข้ามาพร้อมกับด้ายโลหิตนับไม่ถ้วนจนเป็นกำแพงขวางทางหนี
  “เจ้าอยากตายเรอะ!”
  ฉีหมิงกระวนกระวายเล็กน้อยเขาทั้งกำจัดพลังกระบี่ออกจากตัวและสลัดเข็มแทงวิญญาณออกไป เขาสาบานว่าเขาจะต้องล้างแค้นเรื่องในวันนี้ให้ได้  แต่ในตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่กำลังจะควบคุมการต่อสู้ เสียงสายฟ้าคำรามลั่นดังมาจากด้ายโลหิต
  แต่จำนวนด้ายโลหิตนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วนดั่งน้ำในมหาสมุทรเมื่อด้ายโลหิตกลุ่มหนึ่งขาดไป อีกกลุ่มก็จะกรูเข้ามาปิดช่องว่าง
  เขาไม่เหลือช่องให้หนีอีกแล้ว
  เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจแต่หลังจากไม่ถึงสิบลมหายใจ ฉีหมิงก็ล้มลงด้วยแรงลม!
  “ท่านพ่อท่านติดตามหนทางใดกัน? ท่านไม่ได้พูดว่าเขาคือปีศาจร้ายที่ชิงชังผู้คน ไม่เหมือนท่านพำ่อ แล้วทำไม…”
  เจิ่งเฉิงจ้องมองซือหยูด้วยความตกใจเกินจะอธิบาย
  พวกเขาอายุไม่ต่างกันนักแต่เขาไม่เคยหวังจะได้ครอบครองพลังระดับนี้
  “นี่มัน…เป็นความโง่เขลาของข้าเอง”
  ใบหน้าแก่เฒ่าของเจิ่งฉิงหลงแดงด้วยความอับอายเขาพูดจาดูถูกซือหยูถึงสองครั้ง เขาพูดว่าถ้าซือหยูกับเขาประลองกัน ซือหยูก็สู้กับเขาไม่ได้เลย แต่สุดท้าย…