ตอนที่ 888 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น

เฝิงหยู่ถูคางของเขาและคิดสักพัก “ที่จริงยังมีวิธีแก้ปัญหาที่อาจขัดต่อข้อบังคับอีกวิธีนะครับ แต่มีประโยชน์แน่นอน”

ขัดต่อข้อบังคับหรอ? จางรุ่ยเฉียงลังเล ในวัยของเขา เขายังสามารถก้าวหน้าและไปต่อได้อีก หากเขาละเมิดกฎหมาย อาชีพของเขาอาจจะจบลงแม้ว่าเขาจะทำงานบรรลุผลสำเร็จได้ก็ตาม

แต่จางรุ่ยเฉียงก็กลับมาคิดอีกครั้ง เขาอาจไม่ใช่คนที่ละเมิดกฎข้อบังคับ ทำไมจังหวัดจึงต้องแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกือบจะเกษียณแล้วให้เป็นหัวหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจด้วยล่ะ? พวกผู้นำต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในกรณีที่จำเป็น ใช้มาตรการที่รุนแรงในการแก้ไขปัญหานี้ และหากมีอะไรผิดพลาด คนอื่นจะเป็นแพะรับบาปแทน

“ทางออกคืออะไร? ไหนลองบอกมาซิ”

“จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์!” เฝิงหยู่ยิ้มและตอบกลับ

“จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรอ? คุณกำลังจะบอกให้เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรอ?” จางรุ่ยเฉียงถามอย่างงงๆ วิธีแก้ปัญหานี้คืออะไร?

เจ้าบ้าคนนี้พูดถึงการละเมิดกฎข้อบังคับ เขาหมายความว่าการที่บริษัทพวกนั้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายหรอ?

“ใช่แล้วครับ บริษัทสามารถได้รับเงินทุนหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำไมรัฐวิสาหกิจหลายแห่งจึงไม่สามารถปฏิรูปได้? ก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีเงิน ทำไมพวกเขาถึงพัฒนาและเติบโตไม่ได้? ก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีอุปกรณ์ที่ดี สรุปก็คือพวกเขาไม่มีเงินนั่นแหละ หลังจากได้รับการจดทะเบียนแล้ว พวกเขาจะระดมทุนให้เพียงพอเพื่อซื้ออุปกรณ์ เทคโนโลยีใหม่และชำระหนี้ได้ พวกเขาจะมีเงินมากพอที่จะได้รับทรัพยากรที่เพียงพอ เงินที่พวกเขาต้องจ่ายก็แค่การจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีอำนาจน้อยกว่าเท่านั้น”

ตลาดทุนเป็นแพลตฟอร์มทางการเงินของบริษัท และเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัท และช่วยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศด้วย

การปฏิรูปบริษัทรัฐวิสาหกิจไม่สามารถแยกออกจากตลาดทุนได้ การระดมทุน การปฏิรูปและรูปแบบเงินกู้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่มีข้อจำกัดมากเกินไป

ผู้นำระดับสูงยังคงเป็นพวกหัวโบราณกับเรื่องการปฏิรูปครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นเอกชน

สำหรับเฝิงหยู่ แทนที่จะปล่อยให้รัฐวิสาหกิจพวกนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในเรื่องของการระดมทุนทุกปี พวกเขาควรขายกิจการให้กับบริษัทเอกชน ด้วยวิธีนี้รัฐบาลจะได้เงินคืนมาบางส่วนและยังได้รับภาษีทุกปีด้วยแทนที่จะใช้เงินเพื่อเลี้ยงกิจการให้อยู่รอด จะมีประโยชน์อะไรที่จะเก็บรัฐวิสาหกิจที่คอยทำให้เสียเงินพวกนั้นเอาไว้?

กิจการพวกนี้ไม่ใช่องค์กรที่จำเป็น และไม่มีความแตกต่างระหว่างการเป็นกิจการของรัฐและการเป็นกิจการของเอกชน ตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตผ้าเช็ดหน้า ทำไมรัฐบาลจึงขายให้เอกชนไม่ได้? เปลี่ยนเป็นรูปแบบการถือหุ้นแล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแทรกแซงการดำเนินงานของโรงงานหรอ? มันก็จะยังคงเป็นแบบเดิมเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามีใครบางคนในรัฐวิสาหกิจที่สามารถนำโรงงานออกจากสถานการณ์ปัจจุบันได้ โรงงานแห่งนี้จะไม่อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้

ผู้นำที่ไม่เอาถ่านพวกนั้นในรัฐวิสาหกิจควรถูกโยกย้าย ลดตำแหน่งและถูกหักเงินเดือน ใครก็ตามที่ไม่พอใจ ก็ให้ตรวจสอบพวกเขา ไม่มีใครใสสะอาดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้รัฐบาลยังยึดติดอยู่กับรัฐวิสาหกิจพวกนี้ ที่ผ่านมาพวกเขาขายรัฐวิสาหกิจบางแห่ง แต่ประชาชนและคนงานรู้สึกว่าผู้นำของรัฐวิสาหกิจขายทรัพย์สินของรัฐบาลไปและได้รับผลประโยชน์จากผู้ซื้ออย่างผิดกฎหมาย

ผู้นำได้รับผลประโยชน์จากผู้ซื้อจริงหรอ? แน่นอน แต่ไม่ใช่ว่าผู้นำทุกคนจะได้รับข้อตกลงใต้โต๊ะกันหมด ผู้นำบางคนขายรัฐวิสาหกิจเพื่อแก้ปัญหานี้

เฝิงหยู่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ผู้นำทุกจังหวัดพูดว่า ดูการปฏิรูปของเมืองปิงสิ บริษัทเครื่องจักรเมืองปิง บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ฯลฯ หลังจากปรับโครงสร้างแล้ว ผลกำไร ภาษีและมูลค่าของบริษัทพวกนั้นก็เพิ่มขึ้นและรัฐบาลของเมืองก็ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมาก

แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ในเมืองปิงก็สามารถทำได้ แล้วทำไมองค์กรขนาดเล็กพวกนี้จะประสบความสำเร็จบ้างไม่ได้ล่ะ?

บางครั้งการปฏิรูปองค์กรขนาดใหญ่ทำได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนองค์กรขนาดเล็ก องค์กรขนาดใหญ่มีความสามารถในการแข่งขันสูงมากกว่าและองค์กรขนาดเล็กบางแห่งแค่ออกผลิตภัณฑ์ไปนอกเมืองยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งต่างจังหวัดหรือต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง

จางรุ่ยเฉียงกำลังคิดหนักหลังจากได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นทางออกที่ดี หลังจากที่องค์กรเข้าจดทะเบียนแล้ว จะยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล สิ่งนี้จะทำให้คนพวกนั้นหยุดคัดค้านและจะมีเงินทุนในการเคลียร์หนี้ ที่สำคัญที่สุดรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้เงิน!

“ไหนลองบอกรายละเอียดมาหน่อยว่าเราต้องทำยังไงบ้าง?” จางรุ่ยเฉียงถาม

“ง่ายมากครับ แค่ควบรวมบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็ยื่นขอเป็นบริษัทจดทะเบียน!”

“ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรอ?” จางรุ่ยเฉียงรู้สึกงง

“รวบรวมสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ เอาสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดกระแสเงินสดออกไป และยื่นขอล้มละลาย”

“เดี๋ยวนะ ทำไมคุณถึงพูดถึงการล้มละลายอีกแล้วล่ะ?” จางรุ่ยเฉียงหยุดชะงัก

“โอเค เราทำโดยที่ไม่ต้องขอล้มละลายก็ได้ เราจำเป็นต้องสร้างอะไรขึ้นมาบางอย่างเพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาร่วมลงทุนด้วย ตัวอย่างเช่น โรงงานอิเล็กทรอนิกส์และโรงงานผลิตสารกึ่งตัวนำที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้ หากเทคโนโลยีของพวกเขาตรงตามเกณฑ์ ผมสามารถสั่งให้พวกเขาผลิตชิ้นส่วนสำหรับโทรศัพท์มือถือของไอว่าได้ แบบนี้ก็จะมีนักลงทุนที่คิดว่าองค์กรนี้ทำกำไรได้และมาร่วมลงทุนด้วย”

“หลังจากที่พวกเขาลงทุนแล้ว นักลงทุนจะไม่พอใจกับผลกำไรขององค์กรและพวกเขาหวังว่าองค์กรนี้จะได้รับการจดทะเบียน พอถึงจุดนี้ คุณต้องทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในบัญชี เช่น การระบุว่าองค์กรไม่จำเป็นต้องชำระหนี้คืนในอีก 3 ปีข้างหน้า เป็นต้น ด้วยวิธีนี้ องค์กรจะต้องมีข้อกำหนดเพื่อให้สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้” สิ่งที่เฝิงหยู่พูดก็คือการได้รับเงินทุนร่วมค้า

“อะไรนะ?” จางรุ่ยเฉียงตกใจ “คุณกำลังบอกให้เราปลอมบัญชีหรอ?!”

“ไม่จำเป็นต้องปลอมครับ ก็แค่ไม่รวมหนี้บางส่วนขององค์กรเข้าไปในบัญชีก็พอ มีช่องโหว่มากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อให้สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้”

เฝิงหยู่ถอนหายใจ จีนยังไม่มีตลาดหลักทรัพย์สำหรับวิสาหกิจที่เติบโต เมื่อชาติที่แล้วของเขา ตลาดหลักทรัพย์สำหรับวิสาหกิจที่เติบโตจะเปิดตัวในปีหน้าและพุ่งเป้าไปที่องค์กรที่มีเทคโนโลยีสูงเท่านั้น แต่ตลาดหลักทรัพย์สำหรับวิสาหกิจที่เติบโตเริ่มต้นขึ้นแล้วในฮ่องกง บริษัทที่ไม่สามารถจดทะเบียนในประเทศจีนสามารถเลือกที่จะจดทะเบียนในฮ่องกงได้

เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ บริษัทจำนวนมากที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในการเข้าจดทะเบียนได้รับการจัดการให้สามารถเข้าจดทะเบียนได้ และนี่เป็นเพราะรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง ถ้าคนอื่นทำไม่ได้ เราสามารถทำได้ตราบใดที่เราสามารถตอบคำถามผู้ถือหุ้นได้

“มีทางเลือกอื่นอีกมั้ย?” จางรุ่ยเฉียงขมวดคิ้วและถาม

“มีครับ คุณสามารถซื้อบริษัทที่มีแต่เปลือกนอก (ไม่มีสินทรัพย์หรือการดำเนินงานที่ชัดเจน) หรือเข้าจดทะเบียนผ่านช่องทางลับก็ได้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนและใช้ทรัพย์สินของคุณเพื่อรวมบริษัทจดทะเบียนนั้นได้ หลังจากนั้น คุณก็ออกหุ้นใหม่และใช้เงินทุนที่รวบรวมมาได้เพื่อพัฒนาองค์กรพวกนั้น”

จางรุ่ยเฉียงรู้สึกไม่สบายใจเมื่อฟังคำแนะนำของเฝิงหยู่ “เอาล่ะเอาล่ะ…คุณมีอะไรที่ง่ายกว่านี้มั้ย?”

“ถ้ามีวิธีง่ายๆ รัฐบาลคงจะคิดได้เองแล้วล่ะครับ แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่อาจใช้ได้ผล เปลี่ยนขั้นตอนการจ้างงานของผู้จัดการและเปลี่ยนเจ้าหน้าที่บริหารปัจจุบันทั้งหมด ให้อำนาจผู้จัดการมืออาชีพคนใหม่ในการควบคุมองค์กรได้อย่างเต็มที่และเสนอเงินเดือนและหุ้นจำนวนมากแก่เขาเพื่อแลกกับการที่ให้เขาคิดกลยุทธ์เพื่อพลิกโฉมบริษัท มีคนแบบนี้เยอะมาก และขึ้นอยู่กับคุณว่าจะหาพวกเขาเจอมั้ย”

เฝิงหยู่พูดและเห็นจางรุ่ยเฉียงมองมาที่เขา เฝิงหยู่หัวเราะ “มีองค์กรไหนที่สามารถจ้างผมได้หรอครับ? แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจ่ายได้ คุณคิดว่าผมจะยอมทำงานให้พวกเขาหรอ?”

จริงๆ แล้วเฝิงหยู่ไม่มีความมั่นใจในการบริหารบริษัทเลย เขารู้ตัวเองดี การบริหารจัดการบริษัทขนาดเล็กยังพอโอเค แต่เขาไม่สามารถจัดการกับองค์กรขนาดใหญ่ได้เลย

“ผมไม่ได้หมายถึงคุณ บริษัทของคุณมีผู้จัดการแบบนี้ใช่มั้ย? ผมขอยืมใช้งานหน่อยสิ”

“อย่าแม้แต่จะคิดเลยครับ! องค์กรที่ไม่เอาถ่านพวกนั้นอยากแย่งคนของผมไปหรอ? คนของผมที่มีความสามารถล้วนถือหุ้นในบริษัทผมทั้งนั้น คนที่ไม่มีหุ้นของบริษัทและยังได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารก็คือผู้จัดการที่อายุยังน้อย และเราก็กำลังปลุกปั้นพวกเขาอยู่ คุณก็ไปซื้อตัวคนมาจากบริษัทอื่นได้นิ แต่อย่าแม้แต่จะคิดมาซื้อตัวคนของผมนะครับ! ไม่งั้นจังหวัดลืมเรื่องเงินบริจาคของผมในอนาคตไปได้เลย เฝิงหยู่แทบจะกระโดดลุกขึ้นจากโซฟา

ให้ตายสิ! ผมกำลังให้คำแนะนำคุณ แต่คุณกลับเอาความคิดของผมเพื่อมาเอาประโยชน์จากผมงั้นหรอ?!