บทที่ 2467 ชักจูง 4
แต่ไหนแต่ไรมามีแต่ลูกน้องที่เสี่ยงชีวิตเพื่อพิทักษ์ราชันมาร ไหนเลยจะมีราชันมารที่เสี่ยงตายมาช่วยลูกน้องคนหนึ่ง
อวิ๋นเยียนหลีจ้องมองเขา
“เช่นนั้นเจ้าอยากตายหรืออยากรอดเล่า?”
“แน่นอนว่าอยากรอด”
คนผู้นั้นตอบอย่างซื่อตรง
“ถ้าเจ้าอยากรอดก็มีอยู่ทางเดียว สวามิภักดิ์ต่อข้า เป็นลูกน้องของข้า วิหคดีต้องรู้จักเลือกไม้ทำรัง หลังจากเจ้าสวามิภักดิ์ต่อข้า ข้าไม่เพียงแต่จะไว้ชีวิตเจ้า ยังจะให้ความสำคัญกับเจ้าด้วย ในแดนอสุราแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งไปกว่าข้าแล้ว ขอเพียงเจ้าทำงานให้ข้าด้วยความภักดี เมื่อข้ารวมแดนอสุราให้เป็นปึกแผ่นได้ ก็จะให้เจ้านั่งตำแหน่งราชาแห่งแดนอสุรานี้ เรียกลมเรียกฝนได้ดั่งใจ”
คนผู้นั้นส่ายหัว
“เจ้าวาดภาพสวยหรูไร้ความจริงใจ หากข้าได้เป็นราชาแดนอสุรา เช่นนั้นท่านผู้สูงศักดิ์จะทำอันใดเล่า? ท่านผู้สูงศักดิ์ยุ่งง่วนมาเนิ่นนานปานนี้ หรือว่าหลังจากรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งได้แล้ว จะปลีกตัวเร้นกายลอยชายไปทั่วหล้า?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้ามิได้หมายปองแดนอสุรา แต่เป็นดินแดนเบื้องบน! ข้าจะเป็นจักรพรรดิของดินแดนเบื้องบน! ว่าอย่างไรล่ะ? ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าสักครั้ง ถ้าเจ้าไม่รู้จักไขว่คว้าเอาไว้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจเลย! ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นสวะไร้ค่าไปเสีย เหลือเพียงลมหายใจแล้วแขวนไว้หน้าประตูเมือง สาธิตมิให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง!”
ด้านหนึ่งคือทางตาย ด้านหนึ่งคือเส้นทางแห่งลาภยศอันรุ่งโรจน์
คนโง่ก็ยังรู้ว่าต้องเลือกแบบไหน
อวิ๋นเยียนหลีรู้สึกว่าคนผู้นี้จะต้องเห็นด้วยแน่นอน ถึงอย่างไรมารก็มีนิสัยกลับกลอก ยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง และตี้ฝูอีก็รับตำแหน่งราชันของอาณาจักรมารได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ระยะเวลาเพียงครึ่งปีจะเรียกความภักดีจากผู้คนได้มากแค่ไหนกันเชียว?
ขอเพียงให้ผลประโยชน์มากพอก็จะเปลี่ยนข้างแน่…
คนผู้นั้นมิใช่คนโง่ กลับกันเขาฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ลื่นเหมือนปลาไหล คนประเภทนี้ชักจูงได้ง่ายที่สุด
ดังนั้นอวิ๋นเยียนหลีจึงมั่นใจยิ่งนัก
หลังจากเขากล่าวเงื่อนไขของตนจบ ก็ไม่พูดอะไรอีก รอคอยให้คนผู้นั้นเลือกเส้นทางที่ถูกต้องอย่างสงบ
คนผู้นั้นเงียบไปห้านาทีเต็ม ยามที่ช้อนตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ย
“เจ้าชักจูงข้าเช่นนี้ ความจริงคืออยากให้ข้าบอกที่อยู่ขององค์ราชันกับแม่นางกู้กระมัง?”
“ข้าก็นึกเสียดายคนที่มีความสามารถเช่นเจ้าด้วย แน่นอน หากว่าเจ้าสวามิภักดิ์ต่อข้า ย่อมต้องบอกความจริงมา”
“ถ้าข้าพูดไปแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไง?”
อวิ๋นเยียนหลีนิ่งไปเล็กน้อย
“…เจ้าลองว่ามาสิ”
“พวกเขาอยู่ใต้ทะเล”
“เหลวไหล ก้นทะเลไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดเลย ด้วยวรยุท์ของพวกเขาในตอนนี้ ไม่ทางกลั้นหายใจอยู่ใต้ทะเลได้นานพอ!”
“โง่! องค์ราชันก่อเขตแดนได้ตามใจนึก เขตแดนของเขาสามารถสกัดกั้นน้ำทะเลได้ แถมยังทำให้คนนอกมองไม่เห็นด้วย”
อวิ๋นเยียนหลีใจเต้นแวบหนึ่ง นี่ก็เป็นไปได้!
ทำไมเขาลืมข้อนี้ไปกันนะ!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาก่อเขตแดนไว้ที่ส่วนไหนของใต้ทะเล”
“เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆ รู้เพียงขอบเขตคร่าวๆ หากตามหาอย่างจริงจัง คาดว่าน่าจะหาเจอ”
แววตาอวิ๋นเยียนหลีโชนแสงแวบหนึ่ง ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่
คนผู้นั้นเหยียดมือเล็กน้อย
“ข้าบอกไปแล้วไง ถึงข้าพูดความจริงก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะเชื่อ!”
อวิ๋นเยียนหลีพินิจคนผู้นั้นอยู่สองสามครา ราวกับอยากมองทะลุผ่านผิวหนังไปถึงในกระดูกเขา
คนผู้นั้นก็ปล่อยให้เขาเพ่งพิศอย่างใจกว้างนัก สีหน้าท่าทางดั่งในใจไร้ซึ่งมาร
“นามเจ้าเรียกว่าอะไร? ร่างจริงคือสิ่งใด?”
อวิ๋นเยียนหลีเอ่ยถามประโยคหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย
“คุนอวิ๋นจ่าน ร่างจริงคือเจียว”
คนผู้นั้นตอบตามที่ถาม
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมังกรเจียว!
มิน่าเล่าถึงมีความสามารถมหาศาลปานนี้!
อวิ๋นเยียนหลีไม่พูดอะไรอีก หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นหนึ่งออกมาจากร่าง สั่งการลูกน้องตน
“พวกเจ้าไปตรวจสอบที่เมืองเล่อกั่ว…”
บอกรูปพรรณสัณฐานลักษณะเด่นของตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วไป ด้านนั้นยอมรับคำ
คุนอวิ๋นจ่านได้ยินเขาสั่งการ มุมปากก็หยักขึ้นนิดๆ รู้ว่าอวิ๋นเยียนหลีทำเช่นนี้คือดักไว้ทั้งสองทาง
ใช่จริงๆ หลังจากอวิ๋นเยียนหลีจัดการเสร็จ ก็ลากแหนั้นมุดลงสู่ใต้ทะเล
“เจ้าไปตามหากับข้าด้วย หากว่าหาพบ ก็จะเป็นความชอบเรื่องแรกของเจ้า!”
ผลคือ อวิ๋นเยียนหลีงมหาอยู่ใต้ทะเลทั้งคืน ก็งมไม่พบแต่เสี้ยวชุดของสองคนนั้น
————————————————————————————-
บทที่ 2468 นายเป็นอย่างไรลูกน้องเป็นอย่างนั้น
คุนอวิ๋นจ่านพาเขาตระเวนไปตามท้องทะเลหลายจุดอย่างเอาจริงเอาจังยิ่ง โขดหินทุกก้อน ปะการังทุกจุดแทบจะถูกตรวจค้นอย่างละเอียดหมดแล้ว
สุดท้ายในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็หมดความอดทนแล้ว ฝืนเปิดใช้วิชาสืบรอยใต้ผืนน้ำ พบกลิ่นอายของกู้ซีจิ่วเข้าจริงๆ…
เขายินดีนัก รีบเคลื่อนกายติดตามกลิ่นอายไป ผลคือไล่ตามไปได้สักพักก็เจอหมึกกระดองตัวหนึ่งซุ่มโจมตีอยู่ตรงนั้น เกือบถูกเจ้าหมึกกระดองใช้หนวดยาวๆ แปดเส้นโอบรัดไว้แล้ว!
หมึกกระดองจับเขาไว้ด้วยความใจผิดคิดว่าเป็นปลาตัวใหญ่ อวิ๋นเยียนหลีดิ้นรนให้หลุดพ้นจากหนวดใหญ่แปดเส้นของเจ้าหมึกกระดอง ฟันขาดเป็นสองท่อน
พบว่าบนร่างของหมึกกระดองมีถุงเงินของกู้ซีจิ่วอยู่ ในถุงเงินคือหุ่นกระดาษตนหนึ่ง เพิ่งจะลอยออกมาก็หลอมละลายไปกับสายน้ำแล้ว
ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้อยู่ค่อนวัน ในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตนถูกคุนอวิ๋นจ่านหลอกเข้าอีกแล้ว!
สายตาที่กรุ่นด้วยไอสังหารของเขามองไปที่คุนอวิ๋นจ่าน
คุนอวิ๋นจ่านยังคงถูกเขาขังไว้ในแห เขาน่าจะทราบว่าหลอกต่อไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึงยิ้มแย้มสง่างามแวบหนึ่ง กะพริบตาปริบๆ
“เจ้ามองผู้เฒ่าแบบนี้ทำไมกัน? ผู้เฒ่าถูกเจ้ามองจนอึดอัดไปหมดแล้วนะ…ชอบข้าเข้าแล้วล่ะสิ? ชอบก็พูดมาตรงตรงเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก…”
คำตอบของอวิ๋นเยียนหลีคือซัดฝ่ามือใส่เสียงดังตูม!
ซัดเขาและแหให้กระเด็นลอยไป ตกกระทบผิวน้ำเสียงดังซ่า!
“ไอ้บัณเฑาะก์ที่น่าตาย! ข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย!”
น้ำเสียงของอวิ๋นเยียนหลีมืดมนประหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากนรก
สีหน้าคุนอวิ๋นจ่านซีดเผือด กระอักโลหิตอีกครั้ง เขายังคงเบะปาก ไอไปด้วยยิ้มไปด้วย
“จะบอกความจริงกับเจ้าก็แล้วกัน! ผู้เฒ่าหนังหนาเนื้อด้าน ประสาทส่วนความเจ็บปวดไม่เฉียบไว บนโลกใบนี้หาบทลงทัณฑ์อันใดที่ทำให้ผู้เฒ่าอยู่มิสู้ตายได้ยากนัก หากว่าเจ้าเกลียดผู้เฒ่าจริงๆ มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ที่ทำแล้วผู้เฒ่าจะอยู่มิสู้ตายจริงๆ….”
ตอนนี้อวิ๋นเยียนหลีไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแม้แต่คำเดียว!
เขาเม้มปากนิดๆ เพียงยิ้มเยียบเย็น
“ใช่รึ?!”
ตั้งฝ่ามือดุจใบดาบ ฟันลงบนข้อมือของคุนอวิ๋นจ่าน ตัดข้อมือเขาออกมาข้างหนึ่ง!
คุนอวิ๋นจ่านไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ สะบัดข้อมือ ถอนหายใจ
“เจ้าไม่อยากเห็นมือของข้าขนาดนั้นเชียวหรือ? ถูกเจ้าทำขาดมาสองครั้งแล้วนะ…”
จากนั้นอวิ๋นเยียนหลีก็ต้องเบิกตามองมือน้อยๆ ข้างหนึ่งที่งอกออกมาจากข้อมือเปล่าเปลือยของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเยียนหลีตกตะลึง
เจ้านี่เป็นมังกรจริงๆ หรือ?
ความสามารถในการงอกใหม่เช่นนี้เหมือนปลาหมึกไม่มีผิด!
เขากุมด้ามกระบี่ เริ่มใคร่ครวญแล้วว่าจะลองตัดหัวเจ้าตัวนี้ดู ดีไหม จะงอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วเหมือนกันหรือไม่
คุนอวิ๋นจ่านมองใบหน้าหล่อเหลาที่เขียวคล้ำของเขา ถอนหายใจแผ่วๆ
“ขอบอกอย่างไม่ปิดบัง หัวข้ามีอยู่หัวเดียว ตัดทิ้งก็ไม่มีอีกแล้ว ผู้เฒ่าจะตายไปเลย ดังนั้นถ้าเจ้าอยากให้ข้าเจ็บปวดอย่างอยู่มิสู้ตายก็มีเพียงวิธีเท่านั้น…เจ้าอยากฟังไหม?”
อวิ๋นเยียนหลีกำด้ามกระบี่จนปลายนิ้วขาวซีดแล้ว เอ่ยอย่างอึมครึม
“วิธีใด?”
คุนอวิ๋นจ่านชม้อยชม้ายตา
“มักกล่าวกันว่ายอดบุรุษยากจะฝ่าด่านโฉมงามได้ เจ้ามีรูปโฉมไม่เลวเลย ผู้เฒ่าชมชอบนัก เจ้าไม่ลองยั่วยวนผู้เฒ่าดูหน่อยเล่า? หลับนอนกับผู้เฒ่าสักสองสามคืน ไม่แน่ว่าผู้เฒ่าอาจจะปล่อยใจระเริงหลงรักเจ้าเข้า…เมื่อถึงเวลานั้นผู้เฒ่าก็ยากจะเลือกได้ระหว่างความรักและคุณธรรม จะต้องยุ่งเหยิงพัวพันจนอยู่มิสู้ตาย…”
อวิ๋นเยียนหลีโกรธจนมือสั่นแล้ว!
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นึกอยากจะกรีดเฉือนหัวใจของใครสักคน!
เพื่อป้องกันไม่ให้ตนโมโหจนทนไม่ไหวพลั้งมือสับอีกฝ่ายจนเละเป็นเนื้อบด อวิ๋นเยียนหลีไม่รอให้คุนอวิ๋นจ่าน กล่าวจบ ก็ซัดให้เขาสลบไปทันที!
ตี้ฝูอีไปขุดตัววิปริตเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?!
นายเป็นอย่างไรลูกน้องก็เป็นอย่างนั้นโดยแท้ ตี้ฝูอีนิสัยวิปริต