ตอนที่ 1875

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,875 : มาถึง

 

การที่ตำหนักเมฆาครามมีนายน้อยมากพรสวรรค์ผุดโผล่ออกมาอย่างที่ไม่มีใครทันตั้งตัวแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันน่ายินดีนัก!

 

อย่างไรก็ตาม พอพวกมันได้รับทราบว่านายน้อยของพวกมันที่แท้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน ผู้มีตราผนึกมารไว้ในครอบครอง พวกมันก็รู้สึกหวั่นกลัว ใจยากจะสงบลงได้

 

นั่นเพราะในสายตาของพวกมัน ตราผนึกมารนี้ไม่ต่างใดกับ ‘ระเบิดเวลา’!

 

มันอาจระเบิดขึ้นเมื่อใดก็ได้!

 

และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกมันอาจจะต้องพลอยประสบเคราะห์ไปด้วย!

 

อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่พวกมันก็ไม่กล้าเปิดเผยความในใจส่วนตัวออกมา กระทั่งไม่กล้าบอกเล่าเรื่องนี้ให้อาวุโสคนใดฟัง

 

นั่นเพราะนายน้อยคนนี้ คือบุตรชายคนเดียวของจ้าวตำหนักพวกมัน!

 

ในตำหนักเมฆาคราม ตัวตนจ้าวตำหนักอย่าง ต้วนหรูเฟิง ก็คือนายเหนือผู้ยิ่งใหญ่ศักดิ์ศรีบารมีดำรงอยู่สูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน!

 

อย่างไรก็ตามโลกนี้ไม่มีประตูกั้นลมสมบูรณ์ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบความอึดอัดคับข้องใจของทุกคน

(ประตูในที่นี้นึกภาพประตูที่มันใช้กระดาษบุอ่ะ สมัยก่อนในหนังชอบมีเอานิ้วจุ่มน้ำลายๆป้ายๆก็ทิ่มทะลุ แอบดูอย่างง่าย)

 

แต่เขาไม่ได้ไม่พอใจอะไร

 

เพราะมันคือความจริง

 

การดำรงอยู่ของตราผนึกมาร ไม่ต่างอะไรกับ ‘ระเบิดเวลา’ ลูกหนึ่งจริงๆ!

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปเยือนกู่ลี่ถึงที่พัก และกล่าวนัดหมายว่า…หลังจากนี้อีกครั้งเดือนจะออกเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องบน!

 

หลังออกจากบ้านพักกู่ลี่ ต้วนหลิงเทียนก็ไปหาบิดามารดาทันที “ท่านพ่อ ท่านแม่ อีกราวๆครึ่งเดือนข้าจะออกจากตำหนักเมฆาครามกับพี่กู่”

 

ต้วนหรูเฟิงที่ได้ยินก็พยักหน้ารับรู้ ด้วยทราบเรื่องราวแต่แรกจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

 

กลับกัน ด้านลี่หลัวแม้จะเตรียมใจมาเนิ่นนาน แต่พอได้รู้ว่าลูกชายจะไปแล้วจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ไม่อาจซ่อนสีหน้าห่วงใยได้ “ลูกมั่นใจแล้วหรือ?”

 

“ใช่ท่านแม่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

ลี่หลัวสูดลมหายใจเข้าลึกยาว ก่อนที่จะสามารถสงบใจลงได้ในที่สุด จากนั้นนางก็พูดว่า “ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ไปร่ำลาและใช้เวลากับเนี่ยนเอ๋อทั้งเฟยเอ๋อให้ดีเถิด…ทั้งคู่ย่อมลำบากใจที่จะเห็นเจ้าออกเดินทางแน่ แต่เพื่อช่วยเหลือเค่อเอ๋อ เจ้าไม่อาจไม่ไป!”

 

กล่าวจบในแววตาลี่หลัวก็เผยความกังวลออกมาไม่น้อย

 

เค่อเอ๋อ!

 

ในอดีตนั้น ไม่เพียงแต่นางจะอยู่กับต้วนหลิงเทียนมาตั้งแต่ยังเยาว์ แต่เด็กสาวคนนี้เป็นลูกสะใภ้ที่อยู่ด้วยกันกับลี่หลัวนานที่สุด ความรักที่นางมีให้สะใภ้นางนี้เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารักที่มีให้บุตรชายเลย!

 

เมื่อรู้ว่าลูกสะใภ้ถูกลัทธิบูชาไฟจับตัวไว้ที่ภูมิภาคเบื้องบน นางย่อมกังวลใจเช่นกัน

 

ได้ยินคำของลี่หลัว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งพยักหน้ารับคำไปทันที

 

ครึ่งเดือนหลังจากนี้เขาจะไม่แยกกับภรรยาและลูกน้อย แม้จะต้องเดินทางไปยังประเทศฝูเฟิงเพื่อไปหาศิษย์พี่อย่างป๋ายลี่หง ลุงเฟิ่งและสหายคนอื่นๆเขาก็จะพาทั้งคู่ไปด้วย

 

ทุกวันหลังจากนี้ต้วนหลิงเทียนจะใช้เวลาร่วมกับลี่เฟยและลูกน้อยอย่างทะนุถนอมหวงแหน เพราะไม่รู้ว่าหากออกเดินทางแล้ว อีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาจากภูมิภาคเบื้องบน

 

“ไปเถอะลูก…ไปอยู่กับเฟยเอ๋อและเนี่ยนเอ๋อให้ดี”

 

ลี่หลัวกล่าวออกเสียงอ่อน

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าอีกครั้ง และหลังจากร่ำลาบิดามารดาแล้วก็จากไปทันที

 

เขาไม่ทันเห็นว่าหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ดวงตาของลี่หลัวก็พร่ามั่ว สุดท้ายหยาดน้ำตาใสๆพลั่นหลั่งรินลงมา…

 

ลูกเดินทางพันลี้ มารดากังวล!

 

ในโลกที่ยึดถือผู้มีพลังฝีมือเป็นที่สุด อันตรายย่อมแฝงเร้นไปทุกหย่อมหญ้า หัวอกคนเป็นบิดามารดาไหนเลยจะไม่กังวลใจได้…

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนแยกกับต้วนหรูเฟิงและลี่หลัวแล้ว เขาก็มุ่งหน้ากลับบ้านหมายไปหาลี่เฟยและลูกน้อยทันที

 

ทว่าเดินทางกลับยังไม่ทันถึงครึ่งทาง มุมปากของต้วนหลิงเทียนจำต้องกระตุกขึ้นมา เพราะเห็นว่าเซี่ยวหลันกับปี้เหยาก็กำลังเดินมาทางนี้เช่นกัน เขาจึงต้องกล่าวคำทักทายพวกนางออกไป…

 

เซี่ยวหลันกับปี้เหยาเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอต้วนหลิงเทียนที่นี่ ตอนแรกพวกนางก็กำลังสนทนากันอย่างมีความสุขแลดูร่าเริง แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนทั้งคู่ก็ถึงกับนิ่งค้างไป แก้มยังขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาทันที…

 

“พวกเจ้า…”

 

ต้วนหลิงเทียนอ้าปากออกมาคิดกล่าวบางอย่างกับสตรีทั้งสอง แต่มิคาดยังกล่าวไม่ทันจบคำก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาซะก่อน

 

“หากข้าเข้าใจไม่ผิดเจ้าคือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน ใช่หรือไม่?”

 

เสียงที่ดังขึ้นขัดคำเขานี้ ต้วนหลิงเทียนไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงมั่นใจได้ทันทีว่าเป็นคนแปลกหน้าแน่นอน!

 

และต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบสนองอะไร สายลมหอบหนึ่งพลันพัดผ่านเบื้องหน้า เหนือฟ้าเบื้องบนปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาในสายตา เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทา!

 

ชายวัยกลางคนผู้นี้แววตาแลดูเจ้าเล่ห์หางตาแหลมคมให้ความรู้สึกเหมือนอสรพิษ มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวดีอันใด และไม่น่ามาดีเป็นแน่!!

 

“เจ้าเป็นใครกัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามขณะมองพินิจชายวัยกลางคนเบื้องหน้า เขาเดาได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาด้วยเจตนาดีแน่นอน สีหน้ายังแปรเปลี่ยนเป็นหวั่นเกรง สองเท้าแยกออกเผยความระวังเต็มที่

 

“ข้าเป็นใครเจ้าไม่ต้องรู้ และแม้แต่สิทธิ์จะรู้เจ้าก็ยังไม่มี…เพียงรู้ไว้ว่าข้ามาเพราะตราผนึกมารก็พอ”

 

ชายวัยกลางคนกล่าวตอบด้วยท่าทีเฉยเมย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความครอบงำถือดี

 

พอได้ยินว่าอีกฝ่ายมาเพราะตราผนึกมาร สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันใด ขณะเดียวกันเขาก็ได้รับรู้ว่าเดาได้ถูกเผง…อีกฝ่ายไม่ได้มาดีจริงๆด้วย!

 

นอกจากนี้การที่อีกฝ่ายสามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้โดยที่ไม่มีใครทันรู้ตัวสักนิด! ก็เผยให้เห็นว่าพลังฝีมือสมควรร้ายกาจ!!

 

“ตราผนึกมารมิใช่อันใดที่เศษสวะในภูมิภาคเบื้องล่างเช่นเจ้าจะถือครอง! ข้าจะให้เจ้า 3 ลมหายใจ ส่งตราผนึกมารมาเสีย หาไม่แล้วตาย!”

 

ทันทีที่ชายวัยกลางคนกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา เจตนาฆ่าฟันของมันก็พวยพุ่งออกมากดดันในบรรยากาศทันที

 

เศษสวะ?

 

ได้ยินคำของอีกฝ่าย หน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากสุนัขเช่นนี้!

 

“ข้าไม่มีตราผนึกมาร”

 

ลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับโทสะในใจ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวตอบไปด้วยสีหน้าสงบ

 

ขณะเดียวกันเขาก็หยั่งถึงความเป็นมาของบุคคลเบื้องหน้าได้คร่าวๆ อีกฝ่ายไม่สมควรเป็นคนของภูมิภาคเบื้องล่างแน่ หาไม่แล้วคงไม่ได้ยินคำพูดดังกล่าวจากปากอีกฝ่าย…

 

คำพูดที่เรียกหาเขาว่าเศษสวะของภูมิภาคเบื้องล่าง!

 

หากอีกฝ่ายเป็นคนของภูมิภาคเบื้องล่าง หลังคำ ‘เศษสวะ’ คงไม่มีคำ ‘ของภูมิภาคเบื้องล่าง’ อยู่

 

ในที่สุด 3 ลมหายใจก็ได้ผ่านพ้นไป

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ

 

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ยึดถือวาจาข้าเป็นจริงจัง ถึงได้ทำหูทวนลมเช่นนี้”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล้าจะไม่สนใจคำพูดของมัน ชายวัยกลางคนก็มีโมโหไม่น้อย แววตาทั้งคู่ยังเผยความเย็นเยียบออก กล่าวคำด้วยอำมหิต “เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ตายสมใจอยาก! หลังจากที่เจ้าตายไม่เพียงแต่ตราผนึกมารจะเป็นของข้า กระทั่งสิ่งของใดๆในแหวนพื้นที่เจ้าก็จักเป็นของข้าเช่นกัน!!”

 

เมื่อเสียงดังจบคำ ชายวัยกลางคนก็ลงมือทันที

 

ปงงง!!

 

ไม่อาจเห็นได้ว่ามันลงมืออย่างไรกันแน่ แต่ทว่าเมื่อมันย่ำเท้าลง พลันบังเกิดมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่ง ถล่มลงจากฟ้าโถมใส่ต้วนหลิงเทียน!

 

แรงกดดันจากมวลพลังขุมนี้ พาลให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนมีขุนค้อนมหึมากำลังฟาดทุบลงมาที่เขา!

 

“ระวัง!”

 

ขณะที่ชายวัยกลางคนย่ำเท้าลงมาเซี่ยวหลันกับปี้เหยาก็พุ่งร่างเข้ามาขวางไว้เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนตามสัญชาตญาณ

 

เห็นได้ชัดว่าพวกนางหมายใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังปกป้องคนที่พวกนางรัก!

 

พริบตานี้ใบหน้าของพวกนางไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่ยังแลมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว!

 

ราวกับการได้ตกตายเพื่อคนรัก ล้วนไม่มีใดให้เสียใจ!

 

ด้วยวิธีนี้บางทีชายที่พวกนางรักอาจเก็บพวกนางไว้ในใจไม่มีวันลืมเลือนตลอดไป…

 

สำหรับพวกนางแล้ว นี่อาจเป็นจุดจบที่ดีที่สุดก็เป็นได้!

 

“หลบไป!!”

 

พร้อมกันกับที่ชายวัยกลางคนย่ำเท้าลงมา จนเห็นความเคลื่อนไหวของเซี่ยวหลันกับปี้เหยา…ต้วนหลิงเทียนก็โคจรปราณสุริยันแรกกำเนิดขับเคลื่อนขุมพลังมังกรทันที! ร่างมนุษย์ของเขาแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บในชั่วพริบตา!!

 

ปีกอีกาทองคำ!

 

พร้อมกันนั้นปีกสีทองมหึมาคู่หนึ่ง พลันงอกเงยขึ้นมายังแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้กลายเป็นนักรบมังกรไปแล้ว! ปีกดังกล่าวย่อมมาจากการใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำ!!

 

ฟุ่บ!

 

พริบตาต่อมาร่างต้วนหลิงเทียนไหววูบมาหยุดกลางระหว่างเซี่ยวหลันกับปี้เหยาด้วยความเร็วปานเส้นแสง! สองมือพุ่งไปผลักพวกนางออกไปทันที!!

 

ก่อนหน้านี้เขาเคยประสบเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน ครั้งนั้นเฟิ่งเทียนหวู่เกือบตายเพราะเขา!

 

ตั้งแต่วันนั้นเขาลอบสาบานในใจว่าจะไม่ให้ใครเสี่ยงชีวิตเพื่อเขาอีก! จะไม่ยอมให้มีสตรีคนใดต้องตกตายเพื่อเขา!!

 

เช่นนั้นทันทีที่เห็นเซี่ยวหลันกับปี้เหยาพุ่งร่างมาบังขวางปกป้องเขาแบบนี้ ใจต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นว่างเปล่า ไม่ทันได้คิดอะไร ก็ปะทุพลังทั้งหมดและพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อผลักพวกนางออกไป!

 

ปงงง!!

 

หลังจากพุ่งร่างไปผลักปี้เหยากับเซี่ยวหลันออกไปให้พ้นทางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทันได้ทำอะไรอื่นอีก เขาสัมผัสได้ว่ามีมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งซัดกระแทกเข้าร่างเขา เสียงระเบิดของพลังดังขึ้นในอากาศ นอกจากเวียนหัวจนไม่รู้เหนือใต้ เขายังรู้สึกราวกับกำลังโบยบินไปในอากาศดั่งว่าวสายป่านขาด!

 

ตึงง!!!

 

จนเมื่อร่างกายของเขากระแทกตกพื้นอย่างแรงจนหินปูพื้นทางเดินแตกระแหงเป็นใยแมงมุม ความเจ็บปวดหนักหน่วงพลันแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย ต้วนหลิงเทียนจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง!

 

แม้เขาจะแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บจนร่างกายมีความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัวแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกเสมือนกระดูกกระเดี้ยวทั่วร่างแตกร้าว! ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆได้อีก จำต้องนอนสิ้นท่าอยู่บนพื้น…!!

 

พลังที่ซัดกระแทกเขาแข็งแกร่งเกินไป!

 

‘ไม่! ก่อนที่พลังนั่นจะกระแทกซัดข้า สภาวะพลังอยู่ๆกลับอ่อนโทรมลงไปหลายส่วน…หาไม่แล้วจากกลิ่นอายพลังที่มันปลดปล่อยออกมาตอนแรก ต่อให้ข้าจะแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บข้าก็คงต้องตายคาที่! แต่…ทำไมมันถึงเลือกจะปราณีข้าเอาตอนสุดท้าย?’

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนอยากจะลุกขึ้นมาถามนัก อนิจจาแค่ลุกขึ้นเขาก็ทำไม่ได้

 

อาการบาดเจ็บทั่วร่างของเขาตอนนี้มันรุนแรงเกินไป กล้ามเนื้อฉีกขาดกระดูกแตกร้าว! คิดจะฟื้นฟูรักษาตัวเกรงว่าคงใช้เวลาอีกพักใหญ่!!

 

“เจ้า…เจ้าเป็นไรมากหรือไม่?”

 

ครู่ต่อมาพลันมีเสียง 2 สำเนียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง หลังจากนั้นกลิ่นน้ำหอมก็โชยมาเตะจมูกต้วนหลิงเทียน ในสายตาปรากฏร่างสตรีงาม 2 นางหยุดอยู่ข้างกาย ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซี่ยวหลันกับปี้เหยาที่น้ำตาไหลพราก…

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพยายามลุกขึ้น พวกนางก็เร่งประคองต้วนหลิงเทียนด้วยความร้อนใจทันที ไม่ได้รังเกียจร่างต้วนหลิงเทียนที่ผิดแปลกไป ไม่ใส่ใจที่ผิวต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเกล็ดแม้แต่น้อย

 

ขณะที่ช่วยพยุงต้วนหลิงเทียนให้ลุกขึ้น ในใจพวกนางมีแต่ความเศร้าเท่านั้น

 

แม้จะรู้ว่าต้วนหลิงเทียนผลักพวกนางออกไปเพื่อช่วยเหลือพวกนาง แต่พวกนางก็ไม่รู้สึกมีความสุขเลย ยังรู้สึกขมขื่นแทน…ไฉนเทียนหวู่ได้รับอนุญาตให้สละชีวิตช่วยเหลือเจ้าได้ แต่พวกเรากลับไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะสละชีวิตเพื่อเจ้าเล่า?

 

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าตอนนี้สตรีทั้งคู่คิดอะไรอยู่ หาไม่แล้วเขาคงหมดคำจะพูดแน่ๆ

 

หลังจากถูกสตรีทั้ง 2 พยุงหิ้วปีกให้ลุกขึ้นมาได้ ต้วนหลิงเทียนก็เงยหน้าขึ้นไปมองชายวัยกลางคนที่ลอยล่องเหนือฟ้าไกลตา ทันใดนั้นสองตาเขาทอประกายเรืองวูบขึ้นมาทันที เพราะเขาแลเห็นได้ชัดเจนถึงความหวาดกลัวที่ฉายออกมาในส่วนลึกของแววตาอีกฝ่าย!!

 

“ไม่ใช่เจ้าต้องการฆ่าข้ารึไง? ไฉนเมตตาไว้ชีวิตข้าเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกโอสถเซียนขึ้นมาจากแหวน โยนเข้าปากรับประทานลงคอก่อนจะกล่าวถามออกไปขณะโคจรพลังรักษาตัว

 

“เหอะ! ข้าคิดให้โอกาสเจ้าอีกสักครา…เมื่อครู่เพียงให้เจ้าเห็นถึงพลังความแข็งแกร่งของข้า! ว่าคิดฆ่าเจ้านับเป็นเรื่องอันง่ายดายเพียงใด! หากเจ้ายังไม่อยากตายก็รีบๆส่งตราผนึกมารออกมาเสีย อย่าได้คิดทดสอบความอดทนของข้า!!”

 

ชายวัยกลางคนตวาดคำเสียงดังสนั่นฟ้า แววตาเผยประกายเยียบเย็น!