ตอนที่ 143-2 แผนซ้อนแผน คิดจะเล่นงานข้า รนหาที่ตาย

จำนนรักชายาตัวร้าย

สกุลสุ่ยในเวลานี้ กำลังหารือเรื่องบางอย่างอยู่พอดี

 

 

หลังจากที่สุ่ยเจ๋อซีติดประกาศจับออกไปไม่นาน ศพของสุ่ยเจ๋อหนานก็ถูกคนไปพบเข้าที่บริเวณสุดเขตแดนของสกุลสุ่ย แล้วส่งกลับมา

 

 

ร่างของสุ่ยเจ๋อหนานเต็มไปด้วยบาดแผลจนไม่เหลือชิ้นดี แทบจำเค้าโครงหน้าตาเดิมไม่ได้ด้วยซ้ำไป

 

 

และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเจตนาเหยียดหยามสกุลสุ่ย เพราะมีเพียงใบหน้าของสุ่ยเจ๋อหนานเท่านั้นที่ยังคงสภาพเดิมเอาไว้อย่างดี

 

 

แม้ว่าสุ่ยเจ๋อซีและสุ่ยเจ๋อหนานจะไม่ได้สนิทสนมกันมากเท่าไรนัก แต่อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็คือพี่ชายของเขา

 

 

หลังจากที่ได้เห็นสภาพอันน่าอเนจอนาถของพี่ชายแล้ว สุ่ยเจ๋อซีก็รู้ได้ในทันทีว่า ขณะยังมีชีวิตอยู่สุ่ยเจ๋อหนานต้องประสบกับการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างไรบ้าง และหลังจากที่เขาตายก็ยังต้องพบกับการปฏิบัติราวกับไม่ใช่คนอีกด้วย

 

 

สำหรับลูกผู้ชายแล้ว เรื่องพรรค์นั้นนับเป็นความอัปยศอดสูอย่างที่สุด!

 

 

ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายรู้ทั้งรู้ว่าสุ่ยเจ๋อหนานคือคนของสกุลสุ่ย ยังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้

 

 

มันคือการท้าทาย

 

 

คือการท้าทายอันหนักหน่วง!

 

 

ส่วนสุ่ยฮั่วอีเมื่อเห็นสภาพการตายอย่างน่าอเนจอนาถของสุ่ยเจ๋อหนานแล้วก็โมโหโกรธาแทบกระอักเลือด วันๆเอาแต่ร้องจะจับตัวฆาตกรให้จงได้

 

 

ใครกันแน่ที่สังหารสุ่ยเจ๋อหนาน ใครช่วยเหลือพวกของอวี้ซิงฉงให้หนีไป เขาจะไม่อยู่ร่วมโลกกับมันเด็ดขาด!

 

 

ในตอนนั้นเอง ที่มีคนของเขาเข้ามารายงานข่าวของตี้อู่เฮ่ออี้ บอกว่าพบเห็นตี้อู่เฮ่ออี้ที่เมืองเฮ่อ พวกเขาอยู่ด้วยกันกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ท่าทางสนิทสนมยิ่งนัก

 

 

คราวนี้ สุ่ยฮั่วอีและสุ่ยเจ๋อซีเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาในทันที

 

 

คนที่กระเรื่องทั้งหมดนี้ ก็คือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้ที่เพิ่งจะมีชื่อเสียงโด่งดังบนแผ่นดินอู๋โยวในขณะนี้นั่นเอง!

 

 

น่าโมโหยิ่งนัก!

 

 

น่าโมโหที่สุด!

 

 

หากมิใช่สุ่ยเจ๋อซีรั้งสุ่ยฮั่วอีเอาไว้ เขาคงจะพุ่งตัวไปที่เมืองเฮ่อตั้งนานแล้ว

 

 

ในตอนนั้นเองเป็นเวลาเดียวกันกับที่หลิวอวี๋เซิงเดินทางไปถึงสกุลสุ่ยพอดิบพอดี เขามาเยี่ยมเยือนถึงจวน ซึ่งเมื่อมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เริ่มซักไซ้ไล่เรียงท้าวความถึงการกระทำยุยงปลุกปั่นของสุ่ยเจ๋อซีเพื่อให้เกิดความบาดหมางเมื่อครั้งที่เขาพำนักอยู่ที่สกุลหลิวว่ากระทำไปเพื่ออะไรกัน บัดนี้หลิวอ้าวหลานตายอย่างอนาถ ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อมากล่าวโทษ!

 

 

สกุลหลิวและสกุลสุ่ยเป็นทองแผ่นเดียวกันจากการแต่งงาน ลูกชายของหลิวอวี๋เซิงและเหวินหลาน หลิวปั๋ว แต่งงานกับบุตรสาวคนโตของสุ่ยเจ๋อซี สุ่ยอวิ๋นเอ๋อร์

 

 

จะว่าไปสองตระกูลน่าจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมคุ้นเคยกันต่างหากถึงจะถูก!

 

 

แต่ทว่า การกระทำของสุ่ยเจ๋อซีในครั้งกลับไม่จริงใจเอาเสียเลย!

 

 

หลิวอวี๋เซิงรู้ดีว่า หากตนเองมาขอร้องให้อีกฝ่ายร่วมมือด้วยถึงที่บ้าน อีกฝ่ายจะต้องสงสัยในเจตนาของตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนจากขอร่วมมือเป็นการกล่าวโทษ จุดประสงค์ก็เพื่อจะบีบให้สกุลสุ่ยเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อนนั้นเอง

 

 

ซึ่งก็จริงดั่งที่หลิวอวี๋เซิงคาดการณ์เอาไว้ เมื่อหลิวอวี๋เซิงบีบคั้นสุ่ยเจ๋อซีต่อหน้าสุ่ยฮั่วอีมากเข้า ทำให้สุ่ยเจ๋อซีเริ่มลนลานขึ้นมา

 

 

เขามีเจตนายุยแหย่ปลุกปั่นให้สกุลหลิวและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเกิดความขัดแย้งกันจริง จนกระทั่งหลิวอ้าวหลานตาย สุ่ยเจ๋อซีก็ยังคงรอคอยอย่างสงบเพื่อให้สกุลหลิวเคลื่อนไหวอยู่ที่จวนของพวกเขาด้วยซ้ำ

 

 

เพียงแต่ ต่อให้สุ่ยเจ๋อซีวางแผนการลึกลับซับซ้อนแยบยลเพียงใด ก็นึกไม่ถึงมาก่อนว่าหลิวอวี๋เซิงจะมาหาเรื่องถึงที่บ้าน

 

 

นี่นับเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก!

 

 

‘ในเวลานี้สกุลหลิวไม่ใช่ควรจะเป็นปฏิปักษ์กับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง หรือไม่ก็บาดหมางกันชนิดเข้าหน้ากันไม่ติดหรอกหรือ? ‘

 

 

“น้องหลิว ข้าไม่มีเจตนาอื่นใดเลย ข้าเพียงแต่บังเอิญไปพบความจริงเข้า ดังนั้นจึงไปบอกกลับพี่หลิวเท่านั้นเอง” สุ่ยเจ๋อซีอธิบาย

 

 

“เท่านั้นเอง?” หลิวอวี๋เซิงสบถออกมา

 

 

“‘เพียงเท่านั้น’ ของท่าน ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องตาย ข้างนอกยังเที่ยวเอาสกุลหลิวเราไปนินทาว่าร้ายในทางเสียหายไปจนทั่ว สกุลหลิวของข้าทำอะไรที่ผิดต่อพวกท่านแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกท่านถึงได้ทำลายตระกูลหลิวของเราเช่นนี้! ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าแม้จะออกจากบ้านด้วยซ้ำ!”

 

 

“สิ่งที่คนข้างนอกเที่ยวเอาไปพูดน่าเกลียดถึงเพียงไหนกัน พวกท่านก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้! ติงเอ๋อร์คือลูกชายแท้ๆของข้า เขาต้องตายไปทั้งยังต้องถูกใส่ร้ายป้ายสี หัวใจของข้าแทบจะ…”

 

 

“ได้ยินว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือเทพอาวุโส บรรพชนเฒ่าของเราก็กำลังเก็บตัวเข้าฌานฝึกวิชา บัดนี้บิดาและลูกชายของข้าล้วนตายด้วยน้ำมือของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น แต่ข้าไม่มีแม้หนทางที่จะแก้แค้น! ข้าช่างไร้ค่ายิ่งนัก!”

 

 

เมื่อเอ่ยถึงช่วงที่ตอกย้ำหัวใจ ดวงตาทั้งสองของหลิวอวี่เซิ้งก็เริ่มแดง น้ำตาไหลพรากออกมาเลยทีเดียว

 

 

“ลูกสะใภ้ของข้าเมื่อล่วงรู้เรื่องนี้ก็เสียใจเป็นอย่างมาก บัดนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ท่านพูดสิ…พูด…”

 

 

หลิวอวี๋เซิงทำเสียงสะอึกสะอื้น เป็นถึงผู้นำของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ เมื่อมีความคับแค้นใจสุดท้ายร้องแรกแหกกระเชิงราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน

 

 

หลิวอวี๋เซิงเอาแต่บีบบังคับ สุ่ยเจ๋อซียังพอมีหนทางรับมือ ขอเพียงแต่บรรพชนเฒ่าเอ่ยปาก หลิวอวี๋เซิงก็ไม่มีทางทำอะไรได้

 

 

แต่หลิวอวี๋เซิงกลับใช้ไม้นี้ ทำเอาสุ่ยเจ๋อซีถึงกับอันจนหนทาง ได้แต่มองไปที่สุ่ยฮั่วอีเพื่อขอความคิดเห็นเท่านั้น

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อสุ่ยฮั่วอีรู้ถึงจุดประสงค์การที่สุ่ยเจ๋อซีไปที่สกุลหลิวแล้ว ยังชมเชยเขาอยู่เลย

 

 

คราวนี้ หลิวอวี๋เซิงมาทวงความยุติธรรมถึงหน้าบ้าน ทั้งยังร่ำไห้อย่างหนักโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ผู้นำตระกูลของตนเองแม้แต่น้อย ทำเอาสุ่ยฮั่วอีเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่าการที่หลิวอวี๋เซิงมาที่นี่ไม่มีจุดประสงค์อื่นใดนอกเสียจากว่า

 

 

ตอนนี้หลิวอวี่เซิงมีเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่บ้างนั่นเอง!

 

 

หากคิดสักนิดก็สามารถคาดเดาทุกอย่างได้ นั่นก็คือหลิวอวี๋เซิงเองต่อกรประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นลำพังไม่ไหว จึงต้องการร่วมมือกับสกุลสุ่ย!

 

 

ในฐานะที่เป็นถึงบรรพชนเฒ่าอยู่มาสองร้อยกว่าปี มารยาของหลิวอวี๋เซิงแค่นี้ มิอาจรอดพ้นสายตาของสุ่ยฮั่วอีไปได้

 

 

แต่ทว่า ร่วมมือกับสกุลหลิวต่อกรกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเช่นกัน

 

 

ยิ่งเมื่อนึกถึงสุ่ยเจ๋อหนานและยอดฝีมือมากมายของสกุลสุ่ยที่ต้องตายภายใต้น้ำมือของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นแล้ว ฉับพลันดวงตาของสุ่ยฮั่วอีก็วาวร้ายขึ้น

 

 

เขาจะต้องฆ่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ล้างแค้นให้กับสุ่ยเจ๋อหนาน!

 

 

“เจ้าหนุ่มหลิว เจ้าไม่ต้องร้องไห้ เจ้าต้องการต่อกรกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมิใช่หรือ หลิวปิงปิงไม่อยู่ ก็ยังมีข้าอย่างไรเล่า!”

 

 

หลิวปิงปิง บรรพชนเฒ่าแห่งสกุลหลิว

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยฮั่วอี หลิวอวี๋เซิงก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง

 

 

“นายเฒ่า อย่าหาว่าข้าเสี้ยมเลยนะ แต่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นั้นไม่เห็นพวกเราแปดตระกูลใหญ่อยู่ในสายตา! เขายังเอ่ยวาจาสามหาว บอกว่าจะกำจัดตระกูลทั้งแปดให้หมดสิ้นออกไปจากอู๋โยว ต่อไปเขาก็จะครอบครองเมืองอู๋โยวแต่เพียงผู้เดียว!”

 

 

เพื่อที่ตอกย้ำสุ่ยฮั่วอี หลิวอวี่เซิงจึงเจตนาปั้นเรื่องขึ้นมายกใหญ่

 

 

“น้ำหน้าอย่างเขา? เฮอะ!” สุ่ยฮั่วอีที่เย่อหยิ่งอวดดี ได้ยินคำพูดเช่นนั้นมีหรือจะไม่โมโหโกรธา

 

 

“ข้าจะไปเมืองเฮ่อ พบกับเขาเสียหน่อย! ข้าจะดูสิว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีสามเศียรหกกอจริงหรือไม่!”

 

 

“ช้าก่อน!” เมื่อเห็นว่าสุ่ยฮั่วอีท่ำท่าจะเดินออกไป หลิวอวี๋เซิงจึงรีบเข้าไปห้ามปรามเขาทันที

 

 

“นายเฒ่า ท่านไม่รู้อะไร ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นี้เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกยิ่งนัก”

 

 

“เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆเท่านั้น แล้วจะสังหารหนานกงซีรั่วได้ด้วยด้วยวรยุทธ์และความสามารถของตนเองอย่างไรกัน! ข้าสงสัยว่าเขาจะต้องใช้วิธีการสกปรก เช่นว่า วางยาพิษอะไรทำนองนี้เป็นแน่! ดังนั้น ท่านจะไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด!”

 

 

“ตอนนี้เมืองเฮ่อคือเขตของมันแล้ว หากว่ามันเล่นสกปรก ข้าน้อยเกรงว่านายเฒ่าจะตกหลุมพรางมันเอาได้!”

 

 

คำพูดของหลิวอวี๋เซิง สุ่ยฮั่วอีเชื่อสนิทใจ

 

 

ในเมื่อตี้อู่เฮ่อเป็นสหายสนิทของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เช่นนั้นเขาจะต้องปรุงยาพิษามากมายให้กับประมุขถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นแน่

 

 

หากว่าต่อสู้กันอย่างใสสะอาดเปิดเผยสุ่ยฮั่วอีไม่ขลาดกลัวเลยสักนิด

 

 

แต่พิษของเผ่าตัน ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ

 

 

เกิดว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นั้นใช้วิธีการสกปรกเอาชนะเขาได้ มิเท่ากับเขาต้องกลายเป็นบันไดสร้างชื่อเสียงใหกับมัน เฉกเช่นเดียวกับหนานกงซีรั่วหรอกหรือ!

 

 

‘ไม่ได้!’

 

 

‘จะให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!’