ตอนที่ 143-1 แผนซ้อนแผน คิดจะเล่นงานข้า รนหาที่ตาย

จำนนรักชายาตัวร้าย

ไม่ใช่มิตร ก็คือศัตรู

 

 

แต่ทว่า ศัตรูของซย่าโหวฉิงเทียนล้วนตายหมดแล้วทั้งสิ้น

 

 

คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนแข้งกร้าว สีหน้าท่าทางเย่อหยิ่งทรงอำนาจ เฉกเช่นเดียวกับนิสัยใจคอของเขา ที่ตรงไปตรงมาแข็งกร้าวดุดัน ไม่ตรงไปตรงมาชัดเจนไม่อ้อมค้อมหรือนุ่มนวลแม้แต่น้อย

 

 

หลิวอ้าวกว๋อมองจากสีหน้าท่าทางของซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้ได้ในทันทีว่าเขามิใช่กำลังล้อเล่นแต่อย่างใด

 

 

ดูตัวอย่างจากสกุลหนานกงที่เป็นศัตรูของซย่าโหวฉิงเทียนมีจุดจบอย่างไร ผู้คนต่างก็รู้โดยทั่วกัน

 

 

หากว่าเป็นศัตรูกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจริง สกุลหลิวมีโอกาสจะชนะได้หรือไม่?

 

 

หลิวอ้าวกว๋อยังไม่มั่นใจ

 

 

“ให้ข้าไตร่ตรองอีกสักหน่อย” หลิวอ้าวหลานเม้มริมฝีปากหนาของเขาแน่น จวบจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเดินออกไป เขาก็ยังคงอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ด้วยแล้วก็ทำให้หลิวอ้าวกว๋อผ่อนคลายลงมาก

 

 

“หลิวเซิ้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นสำเร็จขั้นอะไรกัน?”

 

 

หลิวอ้าวกว๋อสืบข่าวจากหลิวเซิ้ง

 

 

ระดับขั้นวรยุทธ์ของซย่าโหวฉิงเทียนเกี่ยวพันธ์ถึงการคาดการณ์ผลสำเร็จของการร่วมมือกันในครั้งนี้ของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการตัดสินใจในการแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์ หากว่ายังไม่รู้ถึงความสามรถของอีกฝ่ายแน่ชัด หลิวอ้าวกว๋อจะไม่รับปากสัญญาอะไรง่ายๆเป็นแน่

 

 

“ท่านปู่สาม ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นสังหารหนานกงซีรั่วด้วยมือของท่านเอง”

 

 

ดวงตาเรียวร้ายราวจิ้งจอกของหลิวเซิ้งเรียบเฉย และได้ให้คำตอบที่คลุมเครือน่าเคลือบแคลงสงสัยออกไป

 

 

สังหารด้วยมือของท่านเอง ประโยคนี้ช่างให้ความหมายที่กว้างขวางลึกซึ้งยิ่งนัก!

 

 

ท้ายที่สุดลิวอ้าวกว๋อในนามตัวแทนสกุลหลิวก็ตกลงรับปากร่วมมือกับซย่าโหวฉิงเทียน สำหรับเวลาที่เข้าโจมตีสกุลสุ่ย ให้หลิวอวี่เซิ้งเป็นผู้กำหนดแล้วค่อยแจ้งซย่าโหวฉิงเทียนได้รู้อีกครั้ง

 

 

จากนั้นหลิวอ้าวกว๋อได้นำข่าวนี้กลับไปรายยังหลิวอวี๋เซิงยังสกุลหลิว ซึ่งหลังจากที่หลิวอวี๋เซิงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ก็ทำให้เขาคุ่นเคืองใจไม่น้อย

 

 

การกระทำของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเห็นได้ชัดเจนว่าไม่เห็นใครในสายตา

 

 

คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่รู้ว่าโผล่ขึ้นมาจากไหนกัน!

 

 

ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!

 

 

“รับมือกับสกุลสุ่ย พวกเขาส่งคนมากี่คน?” หลิวอวี๋เซิ้งกล่าวถาม

 

 

“ปะมุขของพวกเขาเพียงคนเดียว” คำตอบของหลิวอ้าวกว๋อทำให้ความอดทนของหลิวอวี๋เซิงขาดผึ่ง ในใจของเขากำลังร้อนระอุไปด้วยไฟแห่งความโกรธเกรี้ยว

 

 

ลงแรงเพียงคนเดียว? ยังมีหน้ามาแบ่งสองในสามส่วน? จะหน้าไม่อายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!

 

 

มองออกว่าหลิวอวี๋เซิงอารมณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก หลิวอ้าวกว๋อจึงเอ่ยปากอธิบายว่า

 

 

“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือเทพอาวุโส ให้เขาเป็นผู้สกัดสุ่ยฮั่วอีเอาไว้ จะทำให้การเคลื่อนไหวของเราสะดวกขึ้นมาก มิฉะนั้นหากสุ่ยฮั่วอีอยู่ ไม่ว่าพวกเราจะส่งยอดฝีมือเข้าไปเท่าไหร่ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม!”

 

 

คำพูดของหลิวอ้าวกว๋อ หลิวอวี๋เซิงฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด

 

 

‘กล้ามาแย่งเขตแดนของสกุลหลิว บังอาจยิ่งนัก!’

 

 

‘เกรงว่าเจ้าจะไม่มีลาภปากได้กลืนมันลงไปนะสิ!’

 

 

“ประมุข พวกเราจะลงมือเมื่อไหร่? ทางนั้นรอให้เราแจ้งไป!”

 

 

“คอยอีกเดี๋ยว——” หลิวอวี่เซิ้งโบกไม้โบกมือไปมาเชิงให้รอไปก่อน

 

 

“ท่านลุงสาม คุณชายใหญ่แห่งสกุลเสิ่นถูอยู่ที่เมืองเฮ่อด้วยหรือไม่? คนของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีทั้งหมดกี่คน?”

 

 

“ข้าไม่เห็นคุณชายเสิ่นถู ข้างกายประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีคนไม่มาก ข้าเห็นหลิวเซิ้งเพียงคนเดียว”

 

 

หลิวอ้าวกว๋อกล่าวไปตามความจริง

 

 

“คนเดียว?”

 

 

“มีคนจำนวนเพียงเล็กน้อย ยังกล้าเอ่ยปากวาจาสามหาว? เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

 

 

หลิวอวี๋เซิงด่าทอซย่าโหวฉิงเทียนอย่างเปิดเผย เขาแทบอยากที่จะรุดไปถึงเมืองเฮ่อ ด่ากราดซย่าโหวฉิงเทียนให้สาแก่ใจสักครั้ง

 

 

แต่ ในเมื่อร่วมมือกันแล้ว และเรื่องนี้ก็ถูกกำหนดลงไปหมดแล้ว ต่อให้หลิวอวี๋เซิงไม่พอใจเพียงใด ก็ต้องระงับความขุ่นเคืองใจเอาไว้อยู่ดี

 

 

และการที่หลิวเซิ้งเอาแต่ปกป้องเข้าข้างซย่าโหวฉิงเทียนรวมทั้งเรื่องที่เขาเสนอเงื่อนไขที่สร้างความลำบากใจเช่นนั้น ทำให้หลิวอ้าวกว๋อเองก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ไม่น้อย

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร หลิวเซิ้งก็เป็นคือคนสกุลหลิว

 

 

แต่เขากลับไม่รักดี หันไปเข้าข้างคนนอก นับเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

 

 

ยิ่งกว่านั้น หลิวเซิ้งยินดีที่จะน้อมรับใครที่ไหนก็ไม่รู้เป็นนายของตนเองได้ แต่กลับไม่ยอมกลับมายังที่ๆเขาเกิดเพื่อช่วยเหลือสกุลหลิว นั่นทำให้หลิวอ้าวกว๋อเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

 

 

หากว่าหลิวเซิ้งออกมาจากอาณัติของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น กลับคืนสู่มาตุภูมิของตน มันจะดีสักเพียงไหนกันนะ!

 

 

เงื่อนไขที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเสนอมา สำหรับหลิวอวี๋เซิงแล้วเท่ากับเป็นการเฉือนเนื้อตัวเองทั้งสิ้น

 

 

อีกฝ่ายลงแรงคนเพียงแค่คนเดียว อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นมีความสามารถเพียงใด ก็ต้องสละเขตแดนกว่าสองในสามส่วนให้ไป ในสายตาของหลิวอวี่เซิ้งเท่ากับเป็นการลงทุนที่ขาดทุนซึ่งเห็นกันอยู่ชัดๆ

 

 

หากมิใช่บรรพชนเฒ่ากำลังเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ละก็ เขาจะต้องเชิญบรรพชนเฒ่าออกมาสั่งสอนประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคนนี้ให้หนัก

 

 

จะให้ดีที่สุดก็คือฆ่าเขาเสีย แล้วแย่งเอาเขตแดนของสกุลหนานกงมาเป็นของสกุลหลิวเสีย!

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉับพลันสมองของหลิวอวี่เซิ้งก็คิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้

 

 

จริงสิ!

 

 

ในเมื่อประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นไร้น้ำใจ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่ร่วมมือกับสกุลสุ่ยกำจัดประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเสีย แล้วค่อยแบ่งสรรปันส่วนเขตแดนของสกุลหนานกงกันเล่า?

 

 

นี่เป็นความคิดที่ดีทีเดียว!

 

 

เมื่อหลิวอวี๋เซิงเล่าถึงแผนการของตนเองให้หลิวอ้าวกว๋อได้ฟัง ก็ทำให้หลิวอ้าวกว๋อตื่นตระหนกไม่น้อย

 

 

“ประมุข พวกเราเพิ่งจะตกปากรับคำร่วมมือกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นก็คิดจะหักหลังเขา ทำผิดคำสัญญา หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปมันจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงสกุลหลิวเราสักเท่าไหร่! เพราะมันเท่ากับเป็นการตระบัดสัตย์คืนคำเลยนะขอรับ!”

 

 

“ท่านลุงสามคนดีของข้า ทำไมท่านถึงได้หัวโบราณคร่ำครึเช่นนี้เล่า!”

 

 

“ในเมื่อทางนั้นไร้เมตตา จะมาโทษว่าเราไร้คุณธรรมได้อย่างไร! เรื่องนี้เพราะทางประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นไร้เป็นฝ่ายแล้งน้ำใจก่อน! เขาเป็นเพียงแค่ไอ้หนุ่มไม่เอาไหน ที่จู่ๆก็มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงคิดว่าตัวเองสลักสำคัญขึ้นมา หากรอให้เขาเป็นใหญ่ขึ้นมาจริงๆ แล้วสกุลทั้งแปดอย่างเราจะมีที่ยืนอยู่ในอู๋โยวนี้ได้อย่างไรกัน!”

 

 

ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูล หลิวอ้าวกว๋อจึงมีความหยิ่งทะนงตนในตนเองที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอยู่แล้ว

 

 

ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ที่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาสร้างผลงานสะเทือนเลือนลั่น จนทำให้ผู้คนตกตะลึงไปตามๆกันก็จริง

 

 

แต่แท้จริงแล้วในใจของหลิวอ้าวกว๋อก็ยังคิดดูถูกคนผู้นี้เช่นกัน

 

 

เหมือนดั่งพวกผู้ดีเก่าที่เมื่อเห็นเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งจะร่ำรวบอู้ฟู่ขึ้นมา ก็มักจะมองว่าอีกฝ่ายเป็นพวกสายเลือดต่ำต้อยที่พอมีเงินขึ้นมาบ้างจึงคิดจะผยอง แต่ถึงอย่างไรก็ปกปิดที่กลิ่นสาบโชยออกมาจากร่างกายไม่ได้อยู่ดี

 

 

แท้ที่จริงแล้วหลิวอ้าวกว๋อก็คิดอย่างนี้เช่นกัน

 

 

อีกอย่าง หากว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นตายไป หลิวเซิ้งก็จะไม่มีนายให้เขาจงรักภักดีต่อไป เขาก็ย่อมต้องกลับคืนสุ่สกุลหลิว

 

 

ลำพังเพียงแค่จุดนี้ ทำให้หลิวอ้าวกว๋อสนับสนุนการตัดสินใจของหลิวอวี๋เซิ้งทันที

 

 

“ท่านลุงสาม ท่านว่าแผนการของข้าเป็นอย่างไร? หลิวอวี๋เซิงจ้องมองมายังหลิวอ้าวกว๋อ ในใจก็ครุ่นคิดว่าตนเองจะต้องผ่านด่านหลิวอวี๋เซิงไปให้ได้เสียก่อน

 

 

“ข้าสนับสนุนเจ้า สายเลือดของตระกูลใหญ่สูงศักดิ์มิอาจให้แปดเปื้อน ฉวยโอกาสนี้ในขณะที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นยังไม่แข็งแกร่งยังไม่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่นัก พวกเราจะต้องรีบลงมือ…”

 

 

การที่สกุลหลิวร่วมมือกันกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น คนสกุลหลิวมีเพียงหลิวอวี๋เซิงและหลิวอ้าวกว๋อเท่านั้นที่รับรู้

 

 

บัดนี้ การตระบัดสัตย์ไม่รักษา ก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รับรู้เช่นกัน

 

 

เพื่อที่จะให้แผนการของตนดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หลิวอวี๋เซิงจึงให้หลิวอ้าวกว๋อถ่วงเวลาทางซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ก่อน ส่วนตนเองนั้นเดินทางไปยังสกุลสุ่ยด้วยตัวเองสักครั้ง