“ขอบคุณ” หลิน ชูจิ่ว ขอบคุณเสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวเทียนเหยายังคงมีหัวใจอยู่จริงๆ

“เปิ่นหวางพูดหลายครั้งแล้ว เปิ่นหวางจะไม่ยอมรับคำขอบคุณด้วยวาจา” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยาเห็นหลิน ชูจิ่วกำลังยิ้มอยู่ เขาก็พูดติดตลกขึ้น

       เขารู้ว่าทำไม หลิน ชูจิ่ว จึงมีความสุข

“แบบนั่นไม่ดีแล้ว” หลิน ชูจิ่วมองขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ระหว่างเสี่ยวเทียนเหยาและโต๊ะของเขา หลังจากนั้นเธอก็สังเกตเห็นอันตรายในทันที เสี่ยวเทียนเหยาไม่ทันระวังตัว ในเวลาสั้น ๆ หลิน ชูจิ่วก็หลุดออกจากด้านข้างของเขา หลิน ชูจิ่ว ยกรายงานขึ้นและพูดขึ้น“ ข้าต้องส่งข่าวดีนี้ไปยังตระกูลเมิ่ง เพื่อที่ท่านยายของข้าจะได้มีความสุข”

       หลังจากนั้นเธอก็หายไปเหมือนควัน … …

       เสี่ยวเทียนหันหลังกลับมาแล้วเอนตัวลงไปบนโต๊ะพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่า หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเศร้าเพราะความเจ็บป่วยของฮูหยินชรา เขาจะไม่ทำอะไรในเวลานี้ หลิน ชูจิ่ว คิดมากเกินไปแล้ว

       ข่าวดีที่หลิน ชูจิ่วบอกว่าเสี่ยวเทียนเหยา ได้ค้นพบนั้นก็คือมือของลูกพี่ลูกน้องทั้งสามของเธอที่ถูกส่งไปยังตระกูลเหมิ่งไม่ได้เป็นของพวกเขา

       ข่าวนี้เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเหมิ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่อฮูหยินชราได้เห็นมือเปื้อนเลือดของลูกหลานทั้งสามของนางและได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการให้ หลิน ชูจิ่ว ไปเพื่อแลกเปลียนตัว นางก็มีอาการหัวใจวายและหมดสติ

       หลิน ชูจิ่ว ซึ่งเพิ่งจะออกจากห้องหนังสือรู้ว่าเธอต้องการใครสักคนที่จะส่งข้อความนี้ไปยังตระกูลเหมิ่ง เสี่ยวเทียนเหยา บอกว่าเขามีเธออยู่ในใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถเรียกใครก็ได้ในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ไปใช้  

       เธอควรทำอย่างไร?

       เธอควรกลับไปถามเสี่ยวเทียนเหยาดีหรือไม่?

       หลิน ชูจิ่ว ลังเล เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอควรกลับไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามองครักษ์ที่ถูกโยนออกมาโดยเสี่ยวเทียนเหยา ก็โผล่ออกมาจากความมืดอย่างเงียบ ๆ และคุกเข่าต่อหน้าเธอ“หวางเฟย ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้มารายงานตัวต่อหวางเฟยขอรับ”

       เมื่อจู่ๆ ก็มีคนโผล่ออกมาข้างหน้าเธอ หลิน ชูจิ่ว ก็ตกใจ เธอสามารถตอบสนองได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวแล้วเท่านั้น“ เจ้าคือคนที่คอยปกป้องข้าอย่างลับๆหรือ?” อันที่จริงแล้ว หลิน ชูจิ่ว ต้องการที่จะพูดว่าจับตามอง

“ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ได้รับคำสั่งให้คอยปกป้องและรับใช้หวางเฟยขอรับ” องครักษ์เงาแนะนำถึงตัวตนและหน้าที่ของเขาอีกครั้ง

       หลิน ชูจิ่ว พยักหน้าเมื่อได้ยิน“โอ้……นั่นหมายความว่าข้าสามารถสั่งให้เจ้าทำงานให้ข้าได้หรือ”

“ขอรับ” องครักษ์เงาตอบ

       หลิน ชูจิ่ว ถามคำถามอื่นขึ้นอีก“ เช่นนั้นเจ้านายของเจ้าคือข้าหรือหวางเย่?”

“ ก่อนหน้านี้เจ้านายของผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้คือหวางเย่ แต่ตอนนี้เจ้านายของผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้มีเพียงหวางเฟยเท่านั้นขอรับ” เมื่อครู่เขาเพิ่งจะถูกหวางเย่มอบให้กับหวางเฟย ในฐานะพี่ชายที่ดีและเป็นคนที่คอยช่วยเหลือนาง เขาก็ยอมรับไปแล้ว

“ ดังนั้นเจ้าก็หมายความว่าในอนาคตเจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งของข้าเท่านั้นแม้ว่าข้าจะสั่งให้เจ้าไปสังหารหวางเย่ใช่ไหม” หลิน ชูจิ่ว สงสัยว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยาถึงมอบคนที่มีความสามารถเช่นนี้ให้กับเธอ ถ้าเธอสามารถใช้เขาได้จริง ๆ มันจะสะดวกมาก

“ขอรับ” องครักษ์เงาตอบโดยไม่ลังเล ความภักดีขององครักษ์เงานั้นเป็นเรื่องที่รู้กันดี

“ ดีมาก……” หลิน ชูจิ่ว ชอบการจัดการของเสี่ยวเทียนเหยามาก “ ข้ามีองครักษ์เงาเพียงคนเดียวอยู่รอบตัวๆ ข้าหรือไม่? ถ้าข้าให้เจ้าไปทำอะไรบางอย่าง ใครจะคอยปกป้องข้า”

“หวางเฟยมีองครักษ์เงาอีกสี่คนคอยอยู่รอบๆขอรับ พวกเขาจะคอยรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของหวางเฟยขอรับ” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นองครักษ์เงา แต่เขาก็เป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

       แน่นอนว่ามีคนคอยเฝ้าดูเธออยู่ …

       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะปฏิบัติต่อเธออย่างดีเช่นนี้ในตอนนี้

“ ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยข้าส่งข่าวนี้ไปยังตระกูลเหมิ่ง” หลิน ชูจิ่วหาคนที่สามารถส่งข่าวสารได้แล้วในตอนนี้

“ขอรับ” องครักษ์เงารับกระดาษมาและจากไปในทันที

       หลิน ชูจิ่ว เฝ้าดูองครักษ์เงาจากไปและมองกลับไปยังทิศทางของห้องหนังสือ จากนั้นเธอก็รีบจากกไปอย่างรวดเร็ว

       เธอจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ที่เสี่ยวเทียนเหยายังไม่ได้อยู่ในห้องของเธอ อ่านจดหมายของแม่ของเธอ……