ตอนที่ 275 ไม่อภัย

รักเล่ห์เร้นใจ

“ประธานหลินคิดจะแย่งของรักคนอื่น?” หลินหว่านพูดเย้ยหยัน ประธานหลินถูกเธอยันกลับมาแบบนี้ก็ขายหน้าอยู่บ้าง แต่ยังปากแข็งพูดว่า “ผมมาให้โอกาสกับคุณต่างหาก เซียวจิ่งสือล้มไปแล้ว คุณยังอยู่กับเขาก็เปล่าประโยชน์ เขาให้งานให้เงินคุณไม่ได้แล้ว แม้แต่จะเอาตัวให้รอดอาจต้องอาศัยคุณเลี้ยงดูปูเสื่ออีก ผมเชื่อว่าคุณหลินคงไม่คิดจะเลี้ยงผู้ชายไว้หรอกนะ”

 

 

เซียวจิ่งสือหน้าตาดีข้อนี้ประธานหลินไม่อาจปฏิเสธได้ แต่พวกผู้หญิงในวงการบันเทิงล้วนแต่เห็นแก่เงินกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร ขอเพียงมีงานมีเงินให้ ต่อให้หน้าตาชวนสะพรึงแค่ไหนพวกเธอก็ยิ้มรับได้อยู่ดี

 

 

เซียวจิ่งสือในตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วมีเพียงแค่หน้าตาเท่านั้น ประธานหลินไม่เชื่อว่าหลินหว่านจะยังมีน้ำจิตน้ำใจเลี้ยงดูเซียวจิ่งสืออีก

 

 

“ช่างบังเอิญจริงๆ พอดีฉันไม่ถือสาที่จะเลี้ยงเขาเอาไว้ซะด้วย” หลินหว่านพอเข้าใจความตั้งใจของคนคนนี้ก็ลุกขึ้นยืน รู้สึกสะอิดสะเอียนจนไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป เธอยืนขึ้นแล้วไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ก่อนจากไป

 

 

พอออกมาจากร้านอาหาร หลินหว่านก็นวดขมับด้วยปวดศีรษะ เธอไม่ได้กลับไปแต่เดินเปะปะไปตามถนนหนทางอย่างไร้จุดหมาย

 

 

“เสี่ยวหว่าน” ที่ด้านหลังมีเสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้น หลินหว่านหันกลับพอเห็นว่าเป็นอันจี๋ถิงก็ชักสีหน้า

 

 

“ลูกมาทานข้าวที่นี่เหรอ?” วันนี้อันจี๋ถิงมาทานข้าว ที่นี่เป็นย่านอาหารอร่อย ด้านนอกส่วนหนึ่งเป็นแผงขายอาหาร ส่วนด้านในเป็นภัตตาคารหรูที่ราคาค่อนข้างแพง

 

 

ถนนสายนี้ไม่มีของอื่นขาย ดังนั้นอันจี๋ถิงจึงเข้าใจว่าหลินหว่านมาทานข้าว เธอดึงหลินหว่านไว้อย่างดีใจ พูดว่า “ทานเป็นเพื่อนแม่นะ แม่ก็มาทานข้าวเหมือนกัน”

 

 

หลินหว่านอ้าปาก มองดูท่าทางตื่นเต้นดีใจของอันจี๋ถิงอย่างอึ้งๆ กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

 

 

ถึงอย่างไรก็เป็นแม่แท้ๆ ของเธอ หลินหว่านไร้น้ำใจขนาดนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหายโกรธแล้ว ดังนั้นตลอดทางอันจี๋ถิงจึงคอยเอาอกเอาใจเธอ แต่หลินหว่านกลับมีท่าทีเฉยเมยตลอด

 

 

“เสี่ยวหว่าน ลูกอยากทานอะไร?” อันจี๋ถิงเข้าใจดีว่าเธอติดค้างลูกคนนี้ไว้มาก จึงไม่ถือสากับท่าทีเมินเฉยของหลินหว่าน ยังคงถามด้วยท่าทียินดีปรีดา

 

 

หลินหว่านส่ายหน้า เมื่อครู่เธอไม่ได้ทานอะไรสักอย่างแต่กลับไม่หิวเลย จึงพูดออกมาคำหนึ่งว่า “อะไรก็ได้ค่ะ”

 

 

อันจี๋ถิงชะงัก เสียใจกับคำพูดนี้ของหลินหว่าน คำว่าอะไรก็ได้เหมือนแค่ปัดสวะให้พ้นไป ไม่สนใจเธอเลย แต่จะอย่างไรเธอเป็นฝ่ายผิด ถึงหลินหว่านจะหมางเมินต่อเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิจะพูดอะไร

 

 

อันจี๋ถิงสั่งอาหารมาหลายอย่าง พูดว่า “แม่ได้ยินเรื่องของเซียวจิ่งสือแล้ว”

 

 

“อ้อ” หลินหว่านส่งเสียงรับคำหนึ่ง เรื่องของเซียวจิ่งสือมีคนรู้ตั้งมากแล้ว อันจี๋ถิงแม้จะเป็นนักเขียนบท แต่เส้นสายคนรู้จักมีไม่น้อย เป็นธรรมดาที่เธอก็รู้ด้วย หลินหว่านไม่แปลกใจเลยที่เธอรู้เรื่องนี้

 

 

“ลูกยังคิดจะอยู่กับเซียวจิ่งสืออีกหรือเปล่า?” ตอนนี้เซียวจิ่งสือตกต่ำขนาดนี้ ไม่ได้ร่ำรวยมีหน้าตาเหมือนเมื่อก่อนอีก ถ้าเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินคงไปจากเขานานแล้ว

 

 

อันจี๋ถิงก็รู้ดีว่าหลินหว่านไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน แต่ก็ยังเอ่ยปากถาม

 

 

พอฟังคำนี้ หลินหว่าช้อนตาขึ้นมองเธอหัวเราะเย้ยหยันว่า “คุณเห็นฉันเป็นคนยังไง? เห็นเงินแล้วตาลุก? หรือว่าพอเซียวจิ่งสือหมดเงินแล้วฉันก็จะตัดสัมพันธ์กับเขาซะเลย?”

 

 

อันจี๋ถิงพอถูกหลินหว่านยันกลับมา ก็ได้แต่อึดอัดขัดเขินอยู่บ้าง เธอลูบจมูกเสหันไปมองทางอื่น พูดอย่างเสียใจว่า “แม่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลยนะ ก็แค่อยากจะถามดู ถ้า…ถ้าลูกคิดจะอยู่ร่วมกับเซียวจิ่งสือจริงๆ บริษัทของเขา…แม่ช่วยได้นะ”

 

 

เธอมีพร้อมทั้งกำลังคนกำลังทรัพย์ หลายปีมานี้เธอไม่ลืมที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับตัวเอง การช่วยบริษัทของเซียวจิ่งสือให้ผ่านพ้นวิกฤตนั้นสำหรับเธอแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

พอนึกถึงตรงนี้ อันจี๋ถิงหันมามองหลินหว่าน “ลูกน่าจะรู้จักแม่ดีนะ แม่สามารถช่วยเซียวจิ่งสือได้จริงๆ”

 

 

ทำไมหลินหว่านจะไม่รู้ เธอรู้ดีมากเลยทีเดียว หลินหว่านมองอันจี๋ถิงแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า พิงร่างไปด้านข้าง “ทำไมคุณต้องช่วยเซียวจิ่งสือด้วย? เรื่องนี้เป็นเรื่องเปลืองแรงโดยไม่ได้อะไรเลยนะ”

 

 

พูดถึงตรงนี้หลินหว่านก็หยุดเว้นวรรค ยกมุมปากยิ้มเป็นเชิงเยาะว่า “หรือว่าคุณจะชดเชยให้ฉัน? คิดจะใช้วิธีแบบนี้สินะ?”

 

 

คำพูดเธอแฝงด้วยน้ำเสียงคาดคั้น อันจี๋ถิงนิ่งอึ้งไปอย่างอับจนคำพูด เธอตั้งใจจะชดเชยให้หลินหว่านจริงๆ

 

 

เซียวจิ่งสือในตอนนี้เป็นอย่างไรเธอไม่สน บริษัทเขาจะดีหรือเลวเธอก็ขี้เกียจจะรู้ เธอแค่รู้ว่าหลินหว่านอยากช่วยเซียวจิ่งสือให้ผ่านพ้นอุปสรรคนี้ ไม่อยากให้เซียวจิ่งสือล้มละลาย

 

 

และเธอก็มีความสามารถที่จะช่วยได้ ทั้งได้ชดเชยให้หลินหว่านด้วย ดังนั้นเธอจึงเสนอขึ้นมา แต่ท่าทีของหลินหว่านนี้ ทำให้อันจี๋ถิงสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วว่าตัวเองคงจะพูดอะไรผิดไป

 

 

ขณะกำลังคิดดูนั้น พนักงานก็เข้ามาเสิร์ฟอาหาร อันจี๋ถิงขายหน้าอยู่บ้าง รีบเปลี่ยนเรื่อง “ทานข้าวเถอะ”

 

 

เธอพูดเปลี่ยนเรื่องชัดเจนขนาดนี้ หลินหว่านจะดูไม่ออกได้ยังไง สายตาเปี่ยมความผิดหวังแต่กลับไม่พูดอะไร ก้มหน้าลงทานอาหาร

 

 

ที่จริงแล้วหลินหว่านไม่หิวเลย หลายวันมานี้บริษัทของเซียวจิ่งสือตกอยู่ในภาวะวิกฤต เขาทำงานหนักแต่เช้ากลับดึกดื่นค่อนคืนทุกวันท่าทางเหนื่อยล้า หลินหว่านเห็นแล้วก็ร้อนใจ ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลย ทั้งวันเอาแต่คิดว่าจะช่วยเซียวจิ่งสือได้อย่างไร

 

 

เธอทานอาหารอย่างไม่รู้รส ทานไปไม่กี่คำก็คิดจะไปแล้ว อันจี๋ถิงกลับรีบร้อนพูดขึ้นว่า “แม่รู้ว่าหลายวันมานี้ลูกกำลังหาคนมาทำความร่วมมือกับเซียวจิ่งสือ”

 

 

เธอพูดอย่างรีบร้อน จนหลินหว่านชะงักไปครู่กว่าจะเข้าใจความหมายของเธอ ยิ่งนึกขุ่นใจ

 

 

“คุณก็เลยคิดจะช่วยเซียวจิ่งสือเป็นการชดเชยให้ฉันโดยไม่ถามไถ่อะไรเลยใช่ไหมคะ?”

 

 

หลินหว่านหันไปมองอันจี๋ถิง เธอไม่แปลกใจที่แม่จะรู้เรื่องพวกนี้ ที่สำคัญคืออันจี๋ถิงมีขุมกำลังเป็นของตัวเอง เรื่องที่เธอรู้ย่อมจะมากตามไปด้วย

 

 

หลายวันมานี้ก็เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังเรื่องที่เธอหาคนมาร่วมทุน ดังนั้นการที่อันจี๋ถิงพูดแบบนี้เธอจึงไม่แปลกใจเลย

 

 

อันจี๋ถิงถอนใจยาว มองดูท่าทีเย้ยหยันของหลินหว่านอย่างปวดใจอยู่บ้าง หลายปีมานี้เธอทำไม่ถูกที่ไม่ได้ถามข่าวคราวของหลินหว่านเลย หลินหว่านจะโกรธเคืองเธอก็เป็นเรื่องธรรมดา

 

 

อันจี๋ถิงอ้าปาก กำลังคิดจะพูดว่าตัวเองแค่อยากชดเชยให้เธอไม่ได้คิดเป็นอื่นอะไร หลินหว่านกลับรีบร้อนหยิบกระเป๋าถือ พูดว่า “ถ้าคิดจะช่วยเซียวจิ่งสือเพื่อชดเชยให้ฉันก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ต้องการ หลายปีมานี้ฉันคิดมาตลอดว่าคุณจะปรากฏตัวออกมา ต่อให้ไม่สามารถช่วยฉัน ขอเพียงคุณยืนอยู่เคียงข้างฉันก็คงไม่ทุกข์ขนาดนั้น แต่คุณไม่เคยโผล่มาเลย ความทุกข์ทั้งหมดฉันผ่านมันมาแล้ว เคยชินแล้วด้วย จู่ๆ คุณก็มาบอกฉันว่าคุณยังไม่ตาย ตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมาฉันให้อภัยคุณไม่ได้อีก”

 

 

ถ้าหากอันจี๋ถิงตายไปแล้ว หลินหว่านคงไม่โกรธเธอขนาดนี้ แต่อันจี๋ถิงไม่ตาย เห็นเธอใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตระกูลอันในสภาพเหมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็ง [1] แต่กลับไม่โผล่หน้ามาเลย ตอนนี้คิดจะเอาอะไรมาชดเชยให้เธอ?

 

 

หลินหว่านคิดในใจอย่างขุ่นเคือง สบตาอันจี๋ถิงแวบหนึ่งแล้วจากไป

 

 

 

 

——

 

 

[1] เดินบนแผ่นน้ำแข็ง หมายถึง ต้องระวังตัวทุกย่างก้าว