“นายรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นเด็กจน บางทีฐานะทางบ้านเขาอาจไม่ด้อยไปกว่าคุณชายอานก็ได้”

“ชิ ดูจากการแต่งตัวของเขาก็รู้แล้ว ใส่ชุดถูกๆ ตามแผงลอย ถึงเป็นฉันก็ยังอายที่แต่งตัวมาในงานแบบนี้!”

“ใช่ การแต่งตัวสามารถสะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของคน งานสำคัญขนาดนี้เขายังแต่งตัวสบายๆ แบบนี้ อีกทั้งยังมากับแฟนตัวเองด้วย เขาไม่ให้ความสำคัญสักนิด เห็นได้ชัดเลยว่าสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเละเทะขนาดไหน!”

คนส่วนใหญ่กำลังพูดเสียดสีเฉินโม่ เสียดายที่เจี่ยงหยาวตาบอด ไม่เลือกคนหล่อรวยแบบอานหลิงหัว แต่ดันเลือกคนจนอย่างเฉินโม่

ตอนนักเรียนจำนวนมากกำลังคุยกัน ไม่ได้จงใจลดเสียงตัวเองให้เบาลง ดังนั้นคำพูดเหล่านั้นจึงลอยเข้ามาในหูเฉินโม่กับเจี่ยงหยาว

โต๊ะของเฉินโม่ ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจี่ยงหยาว ปกติก็สนิทสนมกัน เมื่อได้ยินคำพูดของพวกนักเรียน สายตาที่มองเจี่ยงหยาวดูประหลาดเล็กน้อย

เจี่ยงหยาวไม่สนใจว่าคนอื่นมองเธอยังไง แต่เธอกังวลว่าเฉินโม่จะโกรธเพราะเรื่องนี้ สายตามองวนไปวนมาบนหน้าเฉินโม่อย่างหวาดระแวง

แน่นอนว่าการกระทำของเจี่ยงหยาว ปิดบังสายตาเฉินโม่ไม่ได้ เห็นสีหน้าหวาดระแวงของเจี่ยงหยาว เฉินโม่อดถามด้วยเสียงหัวเราะไม่ได้ “ทำไมมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ”

เจี่ยงหยาวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ถามอย่างลองเชิงว่า “พี่เฉินโม่ พี่……ไม่โกรธเหรอ”

เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “มีอะไรให้โกรธล่ะ ปากของคนอื่น จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แค่ไม่มาหาเรื่องฉันก็พอแล้ว!”

ดูเหมือนนี่คือขีดจำกัดของเฉินโม่

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจี่ยงหยาวเบาใจลงไม่น้อย พละกำลังที่เฉินโม่แสดงออกมาเมื่อกี้ คงไม่มีใครไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามาหารนหาที่ตาย

หลินเหม่ยหลิงโมโหไม่ไหวแล้ว เพราะเฉินโม่แสดงพละกำลังออกมาสองครั้ง เธออยู่ด้วยทั้งสองครั้ง เธอรู้ว่าเฉินโม่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก

“คนพวกนี้ไม่สำรวมวาจาเลย ถ้าพวกเขาได้เห็นพละกำลังของเฉินโม่ พวกเขาจะเสียใจกับสิ่งที่พูดวันนี้!”

เจี่ยงหยาวยิ้มบางๆ มองหลินเหม่ยหลิงด้วยแววตาซาบซึ้ง

แต่จะให้คนพวกนี้เห็นพละกำลังของเฉินโม่ คงเป็นไปไม่ได้ รอให้งานเลี้ยงรุ่นวันนี้สิ้นสุดลง เฉินโม่ก็กลับแล้ว

ทุกคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง เห็นเฉินโม่ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ค่อยๆ หมดสนุก

เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานเลี้ยงเริ่มอย่างเป็นทางการ ทุกคนไม่พูดถึงเฉินโม่กับเจี่ยงหยาวชั่วคราว

คนที่โต๊ะของเฉินโม่ ก็เริ่มพูดคุยยิ้มแย้มและทานอาหาร

หลินเหม่ยหลิงลอบมองเฉินโม่ตลอด ฉวยโอกาสตอนที่เฉินโม่กับเจี่ยงหยาวไม่ได้คุยกัน จู่ๆ เธอยกแก้วเหล้าขึ้น พูดกับเฉินโม่ว่า “เฉินโม่ ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ล่วงเกินนายไปมาก หวังว่านายจะให้อภัย!”

เจี่ยงหยาวพูดอะไรไม่ออก หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า

เธอฝันว่าหลินเหม่ยหลิงจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเฉินโม่ คนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายที่เธอสามารถปกป้องด้วยชีวิต

ตอนนี้เห็นหลินเหม่ยหลิงเป็นฝ่ายปรับความเข้าใจกับเฉินโม่ เจี่ยงหยาวรู้สึกตื่นเต้นดีใจจากใจจริง

เฉินโม่มองหลินเหม่ยหลิงที่สีหน้าแดงระเรื่อ มองผู้หญิงคนนี้อย่างสนใจ ดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้ฉลาดกว่าที่เขาคิด ไม่รู้ว่าเจี่ยงหยาวสนิทกับเธอขนาดนี้ ต่อไปจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

เห็นเฉินโม่เหม่อลอย เจี่ยงหยาวเข้าใจว่าเฉินโม่จะไม่ให้อภัยหลินเหม่ยหลิง เธอร้อนใจจนพูดอ้อนวอนเสียงเบาว่า “พี่เฉินโม่ เหม่ยหลิงเป็นฝ่ายปรับความเข้าใจกับพี่แล้ว พี่อย่าโกรธเลย”

เฉินโม่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ได้โกรธ แค่ตกใจที่จู่ๆ เธอทำแบบนี้”

พูดจบ เฉินโม่ยกแก้วเหล้าขึ้น ชนแก้วกับหลินเหม่ยหลิงเบาๆ แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “สวัสดี ฉันชื่อเฉินโม่ ยินดีที่ได้รู้จัก!”

หลินเหม่ยหลิงดีใจ รีบพูดว่า “หลินเหม่ยหลิง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน!”

เจี่ยงหยาวพูดอย่างมีความสุขว่า “ดีจังเลย ต่อไปทุกคนก็เป็นเพื่อนกันแล้ว!”