บทที่ 2471 เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ / บทที่ 2472 อย่าถูกภาพลักษณ์เขาหลอกเอาได้

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2471 เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ

อาคมหวงห้ามนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี

พวกเขาเข้าไปได้อย่างภาคภูมิ ไม่แตะถูกอาคมหวงห้ามด้านนอกเลยสักนิด

ห้องนอนอวิ๋นเยียนหลีสะอาดมาก แตกต่างจากเมืองซุ่ยเย่ ที่มีนางบำเรอแปดคนคอยดูต้นทางเปิดใช้งานกลไก

ด้านในไม่มีใครเลยสักคน กู้ซีจิ่ววนดูรอบห้องอย่างรวดเร็วคราหนึ่ง พลิกดูทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ไม่เห็นเส้นทางที่จะพาไปสู่ผังดวงดาวใต้ดินเลย

ตี้ฝูอีปล่อยให้นางยุ่งง่วนไป ตัวเขานั่งขีดๆ เขียนๆ อยู่หน้าโต๊ะ

กู้ซีเหลียวหลังไป พบว่าเขากำลังวาดแผนภูมิดวงดาวที่ซับซ้อนยิ่งนักไว้บนกระดาษแผ่นหนึ่ง ดวงดาวพร่างพราวดารดาษไปทั่ว ทำให้คนมองแล้วตาลาย

กู้ซีจิ่วก็ชำนาญด้านดาราศาสตร์ แต่เมื่อเห็นสิ่งนี้ของเขากลับแสดงสีหน้างงงัน ความรู้เหมือนนักเรียนมัธยมที่เห็นข้อสอบของนักศึกษามหาลัย

เธอดึงแขนเสื้อเขา

“ข้าขอพูดหน่อย เจ้าบอกว่าผังดวงดาวนั้นอยู่ในห้องนี้มิใช่หรือ? จะหายังไงล่ะ?”

ตี้ฝูอีกวาดตาไปรอบๆ นับนิ้วคำนวณเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ชี้ไปที่แผ่นกระเบื้องใจกลางสุดของห้องนอน

“หากเป็นตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ ผังดวงดาวนั้นอยู่ด้านล่างนี้! จำเป็นต้องทำลายด้วยวิชาดับดารา…”

กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างมึนงง รู้สึกว่าวันนี้มีศัพท์ใหม่ๆ หลุดออกมาจากปากเขาเยอะเป็นพิเศษ

“วิชาดับดาราอันใด?” เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

ตี้ฝูอีจรดนิ้วร่ายคาถา

“เจ้าดูข้าทำนะ พอกลับไปแล้วข้าค่อยสอนเจ้า”

นิ้วมือเขาขยับยักย้าย ลำแสงสีรุ้งนับไม่ถ้วนผุดออกมาจากปลายนิ้วเขา รวมตัวเป็นปราการแสงอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างของเจดีย์หลังหนึ่ง

จู่ๆ เจดีย์หลังนี้ก็หล่นลงสู่ด้านล่าง เกิดเสียงดังผลุ่บ จมหายเข้าไปในแผ่นกระเบื้องโดยตรง…

บนแผ่นกระเบื้องคล้ายมีเขตแดนที่มองเห็นอันใดถูกเจดีย์นี้ทำลายลง เผยอุโมงค์สายหนึ่งออกมาอย่างเงียบเชียบ ในอุโมงค์มีขั้นบันไดแถวหนึ่งเลี้ยวลดลงสู่เบื้องล่าง

ชัดเจนยิ่งนัก ผังดวงดาวอยู่ด้านล่างนี้จริงๆ

กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ยกนิ้วโป้งชื่นชมเขา

“แผนภูมิดวงดาวที่ซับซ้อนเป็นปฏิปักษ์กับมนุษย์ถึงเพียงนี้เจ้าก็ยังทำลายได้ ดูเหมือนสิ่งที่เจ้าได้ร่ำเรียนมาจะลึกล้ำเหนือธรรมดาจริงๆ มหาเทพสอนผังค่ายกลเหล่านี้ให้เจ้ากระมัง?”

ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง แววตาวูบไหวนิดๆ

“หากข้าบอกว่าข้าเป็นสิ่งนี้มาตั้งแต่เกิด เจ้าจะเชื่อไหม?”

กู้ซีจิ่งเงียบไปเล็กน้อย

“…เชื่อ เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ!”

สิ่งอื่นอาจเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไร้อาจารย์ได้ แต่ผังดาราจะต้องมีอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทให้ โดยเฉพาะผังดาราที่ซับซ้อนเช่นนี้ อย่าว่าแต่เรียนรู้เองโดยไร้อาจารย์เลย ต่อให้มีอาจารย์คอยจับมือสอน ก็ยังไม่แน่ว่าจะเรียนรู้ได้ภายในหนึ่งเดือน…

หัวใจตี้ฝูอีก็สั่นไหวนิดๆ เช่นกัน ผังดารานี้ท่านพ่อไม่ได้สอนให้เขาจริงๆ แต่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาเอง ราวกับในอดีตนานมาแล้วตนก็เข้าใจสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ตอนนี้เป็นเพียงการหยิบมาใช้อีกครั้งเท่านั้น

หรือว่าเขาฟื้นฟูความทรงจำของหวงถูได้นิดหน่อยแล้ว?

เขาพยายามขบคิดใคร่ครวญอีกครั้ง แต่สมองกลับว่างเปล่าไปหมด นึกอะไรไม่ออกเลย

ตี้ฝูอีคร้านจะพัวพันกับปัญหาข้อนี้ จึงดึงกู้ซีจิ่วเดินลงบันไดไปเสียเลย

“พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ!”

บันไดนั้นสร้างจากหยก ทั้งสองเดินไปตามบันไดเข้าสู่ด้านใน จากนั้นก็พบว่าเส้นทางด้านในสลับซับซ้อนดุจใยแมงมุม แผ่ออกไปแปดทิศสี่ด้าน

กู้ซีจิ่วถามตี้ฝูอีไปตามตรง

“พวกเราจะไปทางไหนล่ะ?”

ตี้ฝูอียืนพินิจอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จูงนางกระโจนเข้าไปยังเส้นทางหนึ่ง

“ทางนี้!”

เส้นทางนี้ราบรื่นจริงๆ ขณะที่ทั้งสองเดินอยู่บนเส้นทาง ไม่พบกลไกอันใดเลย

“พวกเรารีบหน่อยดีกว่า ไม่แน่ว่าอวิ๋นเยียนหลีอาจกลับมาในไม่ช้านี้”

กู้ซีจิ่วไม่วางใจถึงขนาดนั้น

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ

“วางใจเถอะ มีคุนเสวี่ยอี๋รั้งเขาไว้ เขาไม่กลับมาก่อนฟ้าสางหรอก”

“ที่แท้เขาก็ชื่อคุนเสวี่ยอี๋ นามนี้เสนาะหูยิ่งนัก ความสามารถก็ยอดเยี่ยมยิ่ง วิชาเลียนเสียงกับวิชาจำแลงลักษณ์ก็เข้าขั้นเทพแปลงแล้ว เพียงแต่อวิ๋นเยียนหลีผู้นั้นตื่นตัวยิ่งนัก ยังไม่แน่ว่าคุนเสวี่ยอี๋จะรั้งเขาไว้ได้นานขนาดนั้น…”

————————————————————————————-

บทที่ 2472 อย่าถูกภาพลักษณ์เขาหลอกเอาได้

“พูดกันอย่างจริงจังแล้ว คุนเสวี่ยอี๋มิใช่ลูกน้องของข้า นับว่าเป็นสหายกัน ตอนนั้นสหายร่วมดื่มคนหนึ่งของเขาก่อเรื่องเข้า ข้าไปจับกุมด้วยตัวเอง เคยถูกคุนเสวี่ยอี๋ถ่วงรั้งไว้เกือบหนึ่งชั่วยาม…เชื่อข้าเถอะ ด้วยวิธีการอันแสนวิปริตของคุนเสวี่ยอี๋แล้ว ไม่รู้ว่าอวิ๋นเยียนหลีจะโดนเขาหลอกล่อไปถึงไหนต่อไหนแล้ว สามารถปลีกตัวมาได้ภายในห้าชั่วยามก็นับว่าเขามีความสามารถแล้ว!”

“ที่แท้เขาก็ร้ายกาจขนาดนี้” กู้ซีจิ่วทอดถอนใจ ผู้ที่สามารถถ่วงรั้งตี้ฝูอีไว้ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดา ไม่นึกเลยว่าคุนเสวี่ยอี๋ผู้นี้จะทำได้

ตี้ฝูอีรั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน

“ข้าร้ายกาจที่สุด! ไม่อนุญาตให้ชมเชยบุรุษอื่น!”

หือ นี่คือหึงหวงหรือ?

ซ้ำยังหึงหวงลูกน้องตัวเองด้วย

แต่ว่า เธอชอบจัง

“ใช่แล้ว เจ้าร้ายกาจที่สุด”

กู้ซีจิ่วโอ๋เขา หันกลับไปบีบแก้มเขาทีหนึ่ง

“ฝูอีของพวกเราร้ายกาจที่สุด ใครก็เทียบไม่ได้ทั้งนั้น”

นี่นางโอ๋เด็กน้อยอยู่หรือไง แถมยังบีบแก้มเขาอีก…

ในชีวิตนี้ตอนที่ตี้ฝูอียังเล็กอยู่ก็ถูกท่านแม่ของเขาบีบแก้มเช่นกัน หลังจากเติบใหญ่แล้วผู้คนต่างเคารพยกย่องเขา ไม่มีใครกล้าถอนขนพยัคฆ์อีก มีเพียงนางเท่านั้น…

ตี้ฝูอีจับมือนางไว้ ไม่ปล่อยให้นางเล่นพิเรนทร์อีก

กู้ซีจิ่วนึกถึงตอนที่ตี้ฝูอีจัดการทุกอย่างอยู่ในรถม้า คุนเสวี่ยอีในรูปลักษณ์ของเสินจิ่วหลียืนอยู่ตรงนั้น ฟังอย่างมีมาดสง่างามยิ่ง ไม่เอ่ยปากง่ายๆ แต่ทุกประโยคที่กล่าวออกมาจะเข้าประเด็นเสมอ ยามที่ตี้ฝูอีสั่งการให้เขาทำสิ่งใดเขาก็ตอบรับอย่างชื่นมื่นยิ่ง

มีเพียงตอนที่ตี้ฝูอีให้เขาจำแลงเป็นกู้ซีจิ่วไปถ่วงรั้งอวิ๋นเยียนหลีไว้ พยายามถ่วงเวลาเขาให้ได้สักหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยมารวมตัวกันอีกครั้ง เขาถึงปฏิเสธ

เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมายิ่งนักว่าสามารถถ่วงเวลาอีกฝ่ายได้ไม่ต่ำกว่าห้าชั่วยาม เพียงแต่เขาไม่สามารถไปรวมตัวกับพวกเขาที่เมืองเล่อกั่วได้ เขาจะกลับไปที่ทะเลอสูรสักเที่ยว

ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าวังน้อยได้รับข่าวจากอวิ๋นเยียนหลี กู้ซีจิ่วก็อยู่ใกล้ๆ ด้วย

ถึงแม้อวิ๋นเยียนหลีจะไม่ได้บอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ชัดเจนว่าไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ พิสูจน์ในทางอ้อมได้แล้วว่าคุนเสวี่ยอี๋หลอกล่อสำเร็จ…

เพียงแต่กู้ซีจิ่วยังเป็นกังวลในความปลอดภัยของคุนเสวี่ยอี๋อยู่บ้าง ถึงอย่างไรวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีในยามนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปมิใช่คนอย่างคุนเสวี่ยอี๋จะต่อกรได้

“อย่ากังวลเลย ร่างเดิมของคุนเสวี่ยอี๋คือพญามัจฉาคุน ชำนาญวิชาร้อยเปลี่ยนพันแปลง ต่อให้เป็นอวิ๋นเยียนหลี ก็ยากจะจับกุมเขาได้”

ตี้ฝูอีมอบความมั่นใจให้กู้ซีจิ่ว

เป็นมัจฉาคุน?!

คุนเผิงสยายปีกกว้างไกลเก้าหมื่นลี้ คุนเป็นสัตว์วิเศษ ครองทะเลคือพญามัจฉาคุน โบยบินขึ้นสู่เวหาคือเผิงพญาปักษาปีกทอง ชำนาญเวทย์จำแลง บางครั้งก็ใหญ่โตดุจขุนเขา บางครั้งก็เล็กเท่าอนุภาคโมเลกุล กู้ซีจิ่วเคยได้ยินเรื่องสัตว์วิเศษชนิดนี้มาแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยพบ ไม่นึกเลยว่าตี้ฝูอีจะมีมันเป็นลูกน้องด้วย

มันสามารถหดเล็กได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่แน่ว่าอาจแปลงให้เล็กเท่าโมเลกุลได้ และสามารถกล่าวได้ว่าหลอมกลืนไปกับทะเลได้ ปะปนเป็นส่วนหนึ่งของท้องทะเล ต่อให้อวิ๋นเยียนหลีร้ายกาจปานใดก็จับอนุภาคโมเลกุลของน้ำไม่ได้…

มิน่าเล่าวิชาเร้นกายของเขาถึงเลิศล้ำขั้นเทพขนาดนี้ เขาไม่ได้เร้นกายเลย แค่จำแลงร่างให้เล็กจิ๋วอย่างยิ่ง ทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นเท่านั้น

หากคุนเสวี่ยอี๋มีใจอยากหลบหนีจริงๆ เกรงว่าอวิ๋นเยียนหลีคงไม่มีทางจับเขาได้กระมัง?

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ตี้ฝูอีกุมมือนางไว้

“วันหน้าเจ้าอยู่ห่างคุนเสวี่ยอี๋ไว้หน่อย”

“หือ? ทำไมล่ะ?”

“คนผู้นี้กะล่อนยิ่ง”

“กะล่อน?”

“พูดจากะล่อน ทำตัวกะล่อน…ชอบเกี้ยวพาหยอกเย้าสตรี ต่อไปเจ้าอยู่ห่างๆ เขาไว้หน่อยก็พอ”

กู้ซีจิ่วหวนนึกถึงลักษณะของคุนเสวี่ยอี๋ผู้นั้นอย่างละเอียด

“ข้ารู้สึกว่าเขาสุขุมมากนะ ตอนเจ้าสั่งการเขาก็ไม่พูดมาก ปฏิบัติหน้าที่อย่างเอาจริงเอาจัง…”

ตี้ฝูอียกมือลูบผมนาง

“อย่าถูกภาพลักษณ์เขาหลอกเอาได้”