ต้องไม่เป็นอย่างที่ปากเขาพูดแน่
เป็นเพียงสตรีที่รักธรรมดาๆ เช่นนี้ ต้องมีเรื่องราวภายในอีกมากมายอย่างแน่นอน ก่อนที่จะรู้เรื่องชัดเจน นางไม่มีทางเผยพิรุธออกไปอย่างเด็ดขาด
เมื่อพูดกันถึงขั้นนี้ เยี่ยเม่ยถามออกมา เป่ยเฉินอี้ก็คลี่ยิ้ม “ไม่เลว!”
เยี่ยเม่ยถามอีกครั้ง “เช่นนั้น ยามนี้อี้อ๋องได้คำตอบแล้วหรือยัง”
การถามของนางคล้ายกับยั่วโทสะเป่ยเฉินอี้ เขาพลันมองไปทางเยี่ยเม่ย สายตาเผยแววอำมหิต
เยี่ยเม่ยหาใช่โง่งม มองออกว่าเขาทำเพื่ออะไร
นางแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ ไม่ใส่ใจเลยสักเล็กน้อย กลับเอ่ยเสียงเย็นว่า “ดูจากสีหน้าของอี้อ๋อง คงเข้าใจแล้วว่าเยี่ยเม่ยหาใช่คนในใจท่านผู้นั้นไม่ ส่วนจิตสังหารที่ท่านแผ่ออกมาในเวลานี้ เพราะความผิดหวังอย่างนั้นหรือ แต่ก็ขออี้อ๋องรับรู้ไว้ด้วย การตายของคนรักท่าน เยี่ยเม่ยมิได้เป็นคนก่อขึ้น”
ดังนั้น เขามองนางด้วยจิตสังหารเช่นนี้ ไม่ถูกต้องตามเหตุผล
ระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน ชิงเกอที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป เริ่มตื่นเต้น เกรงว่าท่านอ๋องจะเกิดโทสะสังหารเยี่ยเม่ย
อย่างไรเสียเขาก็เข้าใจสถานการณ์และเป้าหมายที่ท่านอ๋องวางไว้ หากสังหารเยี่ยเม่ยขึ้นมาจริงๆ ทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด ถึงกระทั่งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะสังหารท่านอ๋องหรือเปล่าก็ยังไม่อาจบอกได้แน่ อีกอย่างร่างกายของท่านอ๋องยังไม่หายดี ต่อให้สังหารนางก็ไม่สมควรเป็นเวลานี้
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ย สายตาคมกริบราวใบมีดของเป่ยเฉินอี้ก็จับจ้องที่เยี่ยเม่ยอยู่สักพักหนึ่ง
ทว่าในที่สุด เขาก็ถอนสายตากลับ “แม่นางเยี่ยเม่ยดูไม่กลัวเลยสักน้อย”
“ถูกแล้ว!” เยี่ยเม่ยตอบตามตรง “คิดสังหารข้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกประการหากข้าเป็นอะไรขึ้นมา เชื่อว่าคู่หมั้นของข้าต้องช่วยล้างแค้นแทนข้าแน่”
พูดถึงเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หัวใจของเยี่ยเม่ยกลับมีความรู้สึกมั่นคง
ระหว่างนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับน่าสนใจมาก นับตั้งแต่รู้จักจนมาถึงวันนี้ ไม่เคยร่วมผ่านอุปสรรคความเป็นตายมาก่อน ทั้งไม่เหมือนคู่รัก เจ้าพึ่งพิงข้า ข้าพึ่งพิงเจ้า วันๆ มีแต่เรื่องน้ำเน่า ใครก็ไม่แยกจากกันพวกนั้น
กลับกัน ระหว่างเขาและนางมีการติดต่อกันน้อยมาก แทบไม่จำเป็นต้องพบหน้าทุกวัน ไม่จำเป็นต้องสนทนากัน อีกฝ่ายกลับไม่เคยห่างไปจากใจ คิดแล้วให้ความรู้สึกมั่นคง
ความรู้สึกเช่นนี้ ดูท่าความรักจะยืดยาวมากกว่าพวกรักแรกๆ ร้อนแรง จากนั้นจืดจางกระมัง
ระหว่างที่นางใช้ความคิด มุมปากก็เผยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงความหวานล้ำยากปิดบัง เห็นได้ชัดว่านางคิดถึงคนที่ทำให้นางดีใจ
สายตาเป่ยเฉินอี้มองเยี่ยเม่ย ในเสี้ยวขณะนั้น เขารู้สึกว่าอารมณ์บนใบหน้าของนางช่างขัดตานัก
เขาถามเสียงขรึมว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยกับหลานสี่ของข้ามีสัญญาร่วมเป็นร่วมตายกันแล้วหรือ”
“สัญญาร่วมเป็นตายนั่นยังไม่มี แต่มีสัญญาหมั้นหมายกันจริงๆ” เยี่ยเม่ยตอบได้ตรงไปตรงมา ระหว่างนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังไม่ถึงขั้นร่วมเป็นร่วมตาย เพียงแต่นางอยากอยู่กับเขา
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เยี่ยเม่ยก็ถามเป่ยเฉินอี้กลับว่า “เช่นนั้นปีนั้นท่านอ๋องกับคนในดวงใจท่านแต่งงานกันหรือยัง”
นางอยากรู้จริงๆ หากความทรงจำสองวันที่ผ่านของนางไม่ผิดพลาด
อย่างนั้น ตอนนั้นนางกับเป่ยเฉินอี้มีความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหน เพราะอย่างไรเขาก็พูดถึง พระชายาอี้อ๋อง!
เมื่อเอ่ยมาถึงยามนี้ เป่ยเฉินอี้คล้ายกับเยาะเย้ยตัวเอง มองเยี่ยเม่ย ตอบว่า “แต่งงานหรือ แม้แต่หมั้นหมายยังมิได้เลย ก็แค่ เป่ยเฉินอี้ปักใจรักอยู่ฝ่ายเดียว!”
คิดถึงเรื่องปีนั้น เป่ยเฉินอี้ยิ่งอารมณ์ดำดิ่งลงหลายส่วน
เขาค่อยๆ หลับตาลง เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “บางทีหากปีนั้น ราชสำนักจงเจิ้งไม่ล่มสลายเช่นนั้น ข้ากับนางอาจจะเป็นไปได้!”
แต่ว่า ความเป็นไปได้ทั้งหมดล้วนถูกเขาทำลายย่อยยับไปกับมือ
เมื่อพูดถึงการล่มสลายของราชสำนักจงเจิ้ง เยี่ยเม่ยพลันสั่นสะท้าน หัวใจรัดเกร็งเจ็บปวด ในเวลาเดียวกันนี้เอง ลมกระแสหนึ่งพัดมา เยี่ยเม่ยกระชับผ้าคลุม รู้สึกถึงไอเย็นเยียบสายหนึ่ง
นางมองเป่ยเฉินอี้ เสนอว่า “สถานที่ที่สมควรไปก็ไปแล้วมาครบหมดแล้ว อากาศหนาวเหน็บ ไม่สู้พวกเรากลับกันเถอะ”
เมื่อนางกล่าวออกมา เป่ยเฉินอี้ไม่ตอบ กลับถามคำถามอีกข้อขึ้นมา “แม่นางเยี่ยเม่ยอยู่ที่ชายแดน ร่วมต่อสู้ศึก มีข้อเรียกร้องอะไรกันแน่”
“ข้อเรียกร้องหรือ” เยี่ยเม่ยแค่นเสียงเย็น คิดถึงความตั้งใจเริ่มต้น ก็ตอบว่า “ก็แค่ทวงความยุติธรรมเท่านั้น ไม่อยากให้ต้ามั่วใช้เหตุผลในการไล่สังหารข้าโจมตีเป่ยเฉินก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้…”
แต่ว่าตอนนี้ นางรั้งอยู่ชายแดนก็มีเหตุผลมากขึ้นอีกข้อ
นั่นก็คือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เป่ยเฉินอี้มองนาง ชะงักงันไปเล็กน้อย ถามช้าๆ ว่า “เพื่อทวงความยุติธรรมหรือ”
ยังมีสตรีเช่นนี้อยู่จริงๆ
ไม่ขอชื่อเสียง ไม่ขอผลประโยชน์ ไม่ขอสมบัติ ไม่ต้องการเกียรติยศหรูหรา ทั้งไม่ต้องการชื่อเสียงจอมปลอม ทำเพื่อผดุงความยุติธรรมเท่านั้นหรือ
“ไม่ผิด!” เยี่ยเม่ยเห็นเขาคล้ายกับจะไม่เชื่อ ก็พยักหน้า เอ่ยต่อ “ดังนั้นอี้อ๋องสมควรเข้าใจได้แล้ว ไม่มีอะไรล่อลวงเยี่ยเม่ยได้ ท่านไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดอีก หากไม่มีอะไร พวกเราก็กลับกันเถอะ!”
เป่ยเฉินอี้ไม่มีทางถามคำถามไร้สาระ เมื่อเขาเอ่ยถามย่อมคิดหลอกใช้นาง
แต่ว่า นางก็ต้องตอบไปตามตรง แสดงออกว่าไม่มีทางถูกหลอกล่อแน่
เป่ยเฉินอี้ปรายตามองนาง เสียงขรึมเอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยน่าจะรู้ว่าฐานะของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในราชสำนักเป็นอย่างไร คนอยากให้เขาตายมีมากมาย แม่นางเยี่ยเม่ยอยู่กับเขา ไม่ช้าก็ต้องประสบเคราะห์กรรม หากเขาเข้าสู่วังวนการแย่งชิงบัลลังก์ อันตรายก็ยิ่งมากขึ้น!”
“อี้อ๋องคิดบอกอะไรกันแน่” เยี่ยเม่ยมองเขาอย่างสุขุม มุมปากเจือรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มหาได้ออกจากเบื้องลึกของนัยน์ตา
เป่ยเฉินอี้มองความไม่เป็นมิตรของเยี่ยเม่ยออก เขาหัวเราะเสียงนิ่ง “แม่นางเยี่ยเม่ยน่าจะจำได้ เป่ยเฉินอี้เคยขอเจ้าแต่งงาน!”
“จำได้ แต่อี้อ๋องก็น่าจะจำได้ว่าข้าปฏิเสธแล้ว!”
เยี่ยเม่ยตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย
เป่ยเฉินอี้มองเยี่ยเม่ย เอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เทียบกันแล้วด้านการคาดคำนวนวางแผน เป่ยเฉินอี้เข้าใจว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเคียงข้าได้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับข้า ไม่มีประโยชน์กับเจ้า ไม่ว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ดี หรือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ช่าง สุดท้ายล้วนต้องตายในเงื้อมมือข้าทั้งสิ้น”
“ดังนั้น” เยี่ยเม่ยฟังคำขู่ในเสียงเขาออก
เป่ยเฉินอี้เสียงนิ่ง “ดังนั้นเจ้าควรเข้าใจว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ใช่คู่ชีวิตที่เหมาะสมกับเจ้า แต่งงานกับข้าถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขาแค่นเสียงออกมา “เยี่ยเม่ย โลกนี้หาได้มีหนทางเส้นที่สามให้เลือก เจ้าสามารถเลือกอยู่ฝั่งข้า หรือว่า…ตายไปพร้อมกับเขา”
“ทำไมไม่ใช่ข้ากับเขาส่งอี้อ๋องลงนรกกันเล่า” ใบหน้านิ่งของเยี่ยเม่ยฉาบด้วยรอยยิ้ม
สีหน้ามั่นใจของนาง ทำให้เป่ยเฉินอี้สติสับสน
ถัดมา เยี่ยเม่ยเอ่ยปาก “อี้อ๋องก็บอกแล้วว่า พระชายาอี้อ๋องเพียงหนึ่งเดียวในใจท่านคือคนที่เป็นที่รักของท่านผู้นั้น ข้าก็แค่มีหน้าตาเหมือนนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้าเป็นคู่หมั้นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ต่อให้ข้าไม่ใช่ ก็ไม่มีทางเลือกท่าน เพราะเยี่ยเม่ยก็คือเยี่ยเม่ย ข้าไม่มีทางมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเงาของใคร ทั้งยังไม่ยอมมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นตัวแทนใคร คำพูดเหลวไหลเอ่ยจบแล้ว ไปกันเถอะ!”