ตอนที่ 1098 - การมาของราชาเขตกลาง

The Divine Nine Dragon Cauldron

“พวกจ้าวดินแดนมาหรือยังหัวใจกับดวงวิญญาณก็เหนือกว่าอสูรเนรมิตรธรรมดา”
  ราชาเขตกลางหน้าถอดสีเขาตอบ
  “อย่างนั้น…”
  ถ้าต้องใช้จ้าวดินแดนด้วยเขาจะเป็นเพียงแค่ผู้นำที่ไร้กองทัพหนุนหลัง และก็ยังไม่มีข่าวคราวตั้งแต่ที่อสูรเนรมิตรเข้ามาในวัง พวกเขายังต้องใช้เหตุผลนั้นในการตบตาคนข้างนอก
  แต่ถ้าหากจ้าวดินแดนหายตัวไปหลังจากเข้าวังแม้แต่คนที่โง่เขลาก็คงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ที่เขตกลาง คงเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นที่พวกเขาจะถูกเผยความจริง หากความจริงเปิดเผย ราชาเขตกลางจะไม่มีที่มั่นในจิวโจวอีก
  “ก็แค่ดินแดนเดียวไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ช่วยให้ข้าฟื้นพลัง และข้าจะให้ขอบเขตอสูรเจ้าคืนไป”
  ขณะนั้นเองราชาเขตกลางได้รับข้อความ เขาเหลือบมองและอุทาน
  “ไม่ได้เรื่อง!”
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  ราชาเขตกลางตอบอย่างไม่พอใจ
  “ข้ามีแต่พวกคนไร้สมองอยู่ในมือ!กองทัพภูติผีถูกเปิดเผย เผ่าภูติผีต้องลงมือก่อนเวลาที่วางไว้!”
  ท่าทางตื่นตัวของราชาเขตกลางทำให้ร่างในเงามืดสัมผัสได้เสียงของเขาดูเป็นห่วง
  “เจ้าดูรีบร้อนนะ”
  “ใช่แล้วเผ่าผีคือเบี้ยตัวสำคัญในกระดานของข้า เรื่องนี้ตัดสินว่าข้าจะก้าวข้ามฐานะราชาเขตและเป็นราชาเหนือเขตทั้งเก้า”
  เงามืดตอบเขา
  “ว่าหวังว่าเจ้าจะไม่หลอกข้าถ้าเจ้ารีบนัก มันก็ไม่น่าใช่เรื่องอื่น”   ราชาเขตกลางหรี่ตาเขาโค้งคำนับช้า ๆ
  “ข้าย่อมไม่ปิดบังทุกเรื่องจากนายท่านข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการ มันคือการสังหารศัตรูที่ข้าชิงชังยิ่งนัก ในโลกนี้ มีข้าย่อมไม่มีมัน ข้าต้องฆ่ามัน!”
  เงามือเงียบไปครู่หนึ่งเขาไม่ถามต่อ ใครกันที่มีพลังพอที่จะทำให้ราชาเขตโกรธได้?
  “ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”
  ราชาเขตกลางโค้งคำนับและออกจากห้องลับเขาฉีกยิ้ม
  “ซือหยูข้ารักษาสัญญา! เจ้ามีหม้อเก้ามังกรของข้านานเกินไปแล้ว!”
  เขาอยากจะฆ่าซือหยูเพราะการจู่โจมของเผ่าผีจะทำให้เขาต้องกลับมาในเขตกลางถ้าซือหยูตายไปเพราะพวกภูติผี ร่างกายของเขาอาจจะหายไป และเขาที่เป็นราชาเขตกลางก็จะไม่มีวันรู้ที่อยู่ของหม้อเก้ามังกรอีก
  เขาสั่งจางอู๋ชวงก่อนจะไป
  “เผ่าผีเตรียมพร้อม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
  จางอู๋ชวงตอบเบาๆ
  ซือหยูที่เดินทางข้ามมิติรู้สึกไม่ดีนักจู่ ๆ หม้อเก้ามังกรของเขาได้เกิดการสั่น มันกำลังเตือนซือหยู
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  เจิ่งฉิงหลงเห็นท่าทางแปลกๆ ของซือหยู
  ซือหยูส่ายหน้า
  “ไม่มีอะไรมีคนที่ข้ากำลังจะได้เจอในอีกไม่นานกำลังมา”
  เจิ่งฉิงหลงสับสนกับคำตอบอันน่าฉงนของซือหยู
  ต่อมาหลังจากเดินทางได้ครึ่งวัน พวกเขาก็ได้มาถึงประตูตำหนักโลหิต
  เจิ่งฉิงหลงหน้าซีดเมื่อก้าวออกมาจากรอยแยกมิติเขาถอนหายใจช้า ๆ มองซือหยู
  “เราสายเกินไป”
  ในวันก่อนประตูสำนักยังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของการใช้ชีวิต และตอนนี้ทุกอย่างได้ถูกรื้อถอนทำลาย ซากที่ถูกเผาไหม้กระจัดกระจายไปทั่ว ตำหนักที่เคยยิ่งใหญ่ถูกทำลายสิ้น เหลือแต่เพียงโครงร่างจาง ๆ ของสองสถานที่ นั่นคือมัจฉาข้ามประตูมังกรและเขาอสูร
  “ไปข้างในกันเถอะ”
  ซือหยูกล่าว
  ตำหนักในก็เลวร้ายไม่แพ้กันเหมือนกับตำหนักนอก มันได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ซือหยูหน้าหมองยิ่งกว่าเดิม มันเลวร้ายยิ่งกว่าตำหนักนอกเสียอีก!
  “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
  เจิ่งฉิงหลงส่ายหน้าด้วยความตกตะลึง
  “นี่มันไม่มีเหตุผลเลย!เราได้ข่าวว่าพวกมันมาในครึ่งวันก่อน แล้วมันจะลงมือในครึ่งวันได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง? พวกมันยังอยู่ใกล้ ๆ รึ?”
  “ไม่ใช่ครึ่งวันแต่ตอนที่พวกเราได้ข่าวตำหนักโลหิตก็ถูกทำลายล้างไปแล้ว”
  ซือหยูพูดเบาๆ เขาชี้ไปยังกองซาก เหนือกองซากมีสร้อยหยกหมุนวน มีแสงสดใสเปล่งประกายออกมา
  กองเถ้านั้นคือห้องลับของม่อเทียนฉวนไม่ผิดแน่ สร้อยหยกนั้นมีข้อมูลจากเมืองเทียนหยาที่เขาส่งข่าวมา
  ไม่แปลกเลยที่ม่อเทียนฉวนจะไม่ตอบก่อนที่ข้อความจะมาถึง ตำหนักโลหิตก็ถูกทำลายไปแล้ว!
  “เป็นไปไม่ได้!เราได้ข่าว แล้วเราก็ส่งข่าวมาทันที แทบไม่มีการเสียเวลาเลย…นอกจากพวกเผ่าผีจะอยู่ในตำหนักโลหิตตั้งแต่แรก…”
  เจิ่งฉิงหลงแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นสภาพของตำหนักโลหิต
  เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
  “เจ้าพูดถูกแล้วเผ่าผีอยู่ในตำหนักโลหิตจริง”
  ซือหยูที่รู้อยู่แล้วว่าผู้พูดเป็นใครมิได้หันกลับไปมองเขาก้มหน้าพูดเบา ๆ
  “แล้วพวกเขาก็ยังมีบุรุษเมฆาม่วงมาบอกข่าวสินะ”
  บุรุษเมฆาม่วงมาพร้อมกับกองทัพนักรบกลุถ่มเล็กที่ด้านหลังสีหน้าพวกเขาย่ำแย่ พวกเขามาเพื่อช่วยเหลือ แต่อนิจจา ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำได้แล้ว
  “เผ่าผีออกมาพร้อมกันจากส่วนลึกใต้ตำหนักโลหิตการจู่โจมเกิดขึ้นเร็วเกินไป ตำหนักโลหิตไม่เคยมีโอกาสตอบโต้”
  กองทัพเผ่าผีซ่อนอยู่ใต้ตำหนักโลหิตหรือ?ถ้าเขาไม่ได้จากบุรุษเมฆาม่วง ซือหยูก็คงจะไม่เชื่อมันแม้แต่น้อย เผ่าผีซ่อนอยู่ใต้ตำหนักโลหิตได้อย่างไร? นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
  “ดูสิเจ้าจะได้เห็นเอง”
  บุรุษเมฆาม่วงสะบัดมือพลังอสูรเนรมิตรพัดพาซากตรงหน้าไป เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ดิน  หลุมดำขนาดเท่าตำหนักในเผยออกมา มันเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อใต้ดินโดยตรง
  พลังภูติผียังคงหลงเหลืออยู่ทุกคนขนลุก
  “เป็นไปได้ยังไงกัน?”
  ซือหยูคิดหนัก
  เขามาอยู่ที่ตำหนักในไม่กี่ครั้งเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีหลุมขนาดนี้อยู่ด้วย ยิ่งได้ฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นความประหลาด เขาพลาดไปได้ยังไง?
  และถ้าต่อให้เขาไม่รู้แล้วม่อเทียนฉวนจะไม่รู้หรือ?
  “ศิษย์ตำหนักโลหิตอยู่ที่ไหน?”
  เขาต้องรีบคิด
  บุรุษเมฆาม่วงหัวเราะอย่างขมขื่นและส่ายหน้าเขาตอบ
  “ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันพอข้ามาถึง ข้าก็เห็นแต่พวกผี เห็นสงครามครั้งใหญ่ แต่ศิษย์ตำหนักโลหิต…ก็อย่างที่เจ้าเห็น มันไม่มีแม้แต่ศพเดียว!”
  นี่คือเรื่องที่แปลกที่สุด
  ตำหนักโลหติถูกทำลายแต่ไม่มีซากศพของศิษย์แม้แต่คนเดียวเหลืออยู่เลย
  แม้แต่ในซากก็ไร้ร่องรอยของโลหิตไร้แขนขา ไม่มีหลักฐานของสงครามระหว่างสองฝ่ายเลย
  “นี่คือการกลับมาของเผ่าผีเป้าหมายแรกของพวกมันคือดินแดนพรสวรรค์ พวกมันเตรียมตัวมาดี พวกมันลุกขึ้นมาจากที่ที่มันล้มลง”
  บุรุษเมฆาม่วงหัวเราะในความลักลั่นร้อยปีก่อน ดินแดนพรสวรรค์คือสนามรบสุดท้ายระหว่างมนุษย์และภูติผี
  เฉินอี้เจิงสั่งการเผ่ามนุษย์และเอาชนะเผ่าผีมาได้เผ่าผีต้องถอยหลับไป
  และตอนนี้เมื่อเผ่าผีกลับมาบนโลก สำหรับทวีปจิวโจว นี่คือวันวิปโยค
  “แล้วทัพเผ่าผีอยู่ที่ไหน?”   เจิ่งฉิงหลงถาม
  บรุษเมฆาม่วงชี้ไปทางเขตกลาง
  “เป้าหมายของพวกมันคือเมืองเขตกลางใช้กลางทวีปเป็นฐานที่มั่น และบุกรุกล้ำไปยังทิศอื่นที่เหลื…”
  “ไม่ใช่”
  ซือหยูส่ายหน้า
  “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกมันจะบุกเขตกลางและไม่ได้สมคบคิดกับเขตกลาง?”
  ร่วมมือกันรึ?บุรุษเมฆาม่วงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่หลังจากคิดให้ดี ความเป็นไปได้ก็ทำให้เขาตกใจ
  “เจ้าจะบอกว่าราชาเขตกลางร่วมมือกับเผ่าผีเรอะ?”
  ซือหยูส่งหลักฐานให้เขาดู
  “นี่ยังอธิบายไม่ชัดอีกหรือ?”
  บุรุษเมฆาม่วงเปิดอ่านเขาหายใจรวดเร็ว
  “ดินแดนมีดสวรรค์สะสมสมบัติมาร้อยปีนี่มันมากเหลือเกิน! และดินแดนพรสวรรค์ก็ไม่น่าจะทำแค่ดินแดนเดียว จะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง…ราชาเขตกลาง!”
  จะเป็นใครอื่นได้เล่า?
  เผ่าผีร่วมมือกับราชาเขตกลาง!จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก?
  “แต่ก็เถอะเหมือนเจ้าจะรู้มาก่อนว่าเรื่องนี้จะเกินขึ้นแล้ว ทำไมกัน?”
  บุรุษเมฆาม่วงกล่าวเมื่อสังเกตเห็นท่าทางใจเย็นของซือหยู
  ซือหยูพยักหน้าเบาๆ
  “ข้าคิดว่าทัพผีจะไปทางเขตกลางข้าน่าจะรู้ก้าวต่อไปของราชาเขตกลาง ต้องบอกเลยว่าความทะเยอทะยานของมันช่างไร้ที่สิ้นสุด!”
  “แต่โชคไม่ดีนักครั้งนี้ ข้าได้เจอกับคนอื่นเสียก่อน”
  ซือหยูยิ้มเล็กน้อย
  บุรุษเมฆาม่วงงุนงง  “เจ้ากำลังพูดถึงใครกัน?”
  ซือหยูหัวเราะเขามองไปยังหลุมไร้ก้นมืดสนิท
  “ม่อเทียนฉวนสตรีเจ้าอุบาย นางกำลังจะเป็นหมากตัวสำคัญเชียวล่ะ”
  “เจ้าบอกว่านางยังไม่ตายรึ?”
  บุรุษเมฆาม่วงขมวดคิ้วเขาคิดตามซือหยูไม่ทันเลย
  “ต่อให้ทุกคนบนโลกนี้ตายนางก็จะไม่เคยได้เห็นความตาย”
  หัวใจที่หนักอึ้งของซือหยูเบาลง
  “น่าสนใจนักสงครามเลือดร้อยปี กำลังจะมาถึงจุดจบแล้ว”