ตอนที่ 595 ความเป็นมิตรของนาง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ช่วงเวลาหลายวันต่อมาก็ผ่านไปอย่างสงบเรียบร้อยดี

ไป่หลี่ชิงโร่วไม่แสดงออกถึงความโกรธแค้นเคืองใจหรือมีปฏิกิริยาใดอย่างเด่นชัดเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ในทางกลับกัน นางเก็บตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเงียบ ๆ และไม่ออกมาให้ใครเห็นหน้าด้วยซ้ำ

เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ เชื่อว่าไป่หลี่ชิงโร่วไม่มีทางยอมแพ้ไปง่าย ๆ เพียงแต่ไม่คาดคิดว่านางจะไม่ลงมือทำสิ่งใดจนทุกคนอดประหลาดใจไม่ได้ พวกนางได้เพียงแต่ถอนหายใจกับตัวเองเบา ๆ หรือว่าเราทั้งหมดมองไป่หลี่ชิงโร่วผิดไป ?

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือยังคงดำเนินชีวิตต่อไปเช่นเดิม ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลาจนแทบเบื่อหน้ากันโดยที่ไม่สนใจไป่หลี่ชิงโร่วแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม หัวใจของทั้งสองทราบดีว่าหากยอมแพ้และล้มเลิกความคิดไปอย่างง่ายดายก็คงมิใช่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป่หลี่แน่

และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากห้าวันผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ไป่หลี่ชิงโร่วก็ก้าวผ่านประตูของจวนจ้าวนครล่าฝันอีกครั้ง

ภายในห้องโถงเวลานี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์หลักเคียงข้างกันเช่นเดิม และแววตาของหานโม่ฉือยังคงมองเห็นเพียงสตรีคนรักเพียงผู้เดียวโดยไม่ชายตามองไป่หลี่ชิงโร่วเลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไป่หลี่ชิงโร่วไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปขณะใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความจริงใจ

“ลูกพี่ลูกน้องของข้า วันนี้ข้ามาเพื่อขออภัยกับสิ่งที่ทำลงไป เมื่อหลายวันก่อน ข้าใจร้อนและควบคุมอารมณ์ไม่ได้จึงกล่าววาจาไม่สุภาพออกไป เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงมัน ข้าก็ตระหนักได้ว่าวันนั้นข้าทำเกินไปจริง ๆ โปรดอย่าถือสาข้าเลย”

ทันทีที่ไป่หลี่ชิงโร่วกล่าวออกมา นางก็ใช้วาจาสนิทสนมใกล้ชิดฉินอวี้โม่มากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแสดงถึงความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยมและแนบเนียนอย่างไร้จุดบกพร่องใด ๆ

หากกล่าวตามตรง หานโม่ฉือก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของไป่หลี่ชิงโร่วจริงดังที่นางกล่าวและฉินอวี้โม่ซึ่งเป็นภรรยาของเขาก็ถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางเช่นกัน

“ข้าและลูกพี่ลูกน้องโม่ฉือมีสัญญาการแต่งงานที่ตกลงกันระหว่างท่านอาและแม่ของข้า เพราะเหตุนั้นข้าจึงจริงจังกับมันมาเสมอ วันนั้นที่ข้าทราบว่าเจ้าทั้งสองแต่งงานกันแล้ว ข้าจึงทำใจรับไม่ได้ไปชั่วขณะและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกไป ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ หลังจากที่ข้ากลับไปพบท่านแม่และท่านอา ข้าจะขอให้พวกนางยกเลิกข้อตกลงนั้นเสีย”

ไป่หลี่ชิงโร่วกล่าวขอโทษขอโพยและแววตาแสดงถึงความรู้สึกผิด อากัปกิริยาของนางแสดงให้เห็นว่านางยอมรับฉินอวี้โม่อย่างจริงใจและตระหนักแล้วว่าคำพูดของตนเมื่อวันก่อนเป็นการกระทำที่ไม่งามอย่างยิ่ง

สีหน้าของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินวาจาของแขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้ สีหน้าท่าทางและวาจาของไป่หลี่ชิงโร่วในวันนี้ทำให้ฉินอวี้โม่เริ่มสนใจคนผู้นี้มากขึ้นเล็กน้อย คุณหนูตระกูลไป่หลี่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ และมิใช่สตรีที่จะรับมือด้วยง่าย ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ลูกน้องไม่ต้องขอโทษซ้ำ ๆ หรอก ถึงอย่างไรเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวต่อ “ข้าเองก็ทำผิดไปเช่นกัน โม่ฉือและข้าครองรักและฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมานาน ข้าจึงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเรามาก เมื่อมีผู้ใดคิดจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแตกหัก ข้าจึงต้องตอบโต้อย่างจริงจัง ยังดีที่ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง เพราะสตรีทุกคนที่เคยคิดหมายปองและพยายามแย่งโม่ฉือไปจากข้าก่อนหน้านี้ล้วนพิการหรือหายสาบสูญไปทั้งหมด”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงและสหายคนอื่น ๆ ก็แทบอดหัวเราะไม่ได้ หานโม่ฉือซึ่งนั่งอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่ก็สั่นเทิ้มเล็กน้อยขณะพยายามกลั้นหัวเราะและดวงตาของเขาแสดงถึงความชอบใจอย่างแท้จริง เขามองคนรักของตนด้วยแววตาเอาอกเอาใจ

เมื่อสัมผัสถึงแววตาท่าทางที่แปลกไปของหานโม่ฉือ ฉินอวี้โม่ก็กัดฟันกรอดและหยิกบริเวณข้างเอวของเขาอย่างแรงพร้อมเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ

หานโม่ฉือก็มองอย่างอับจนปัญญา ทว่าเขาก็มิได้ขัดขืนการกระทำของนาง

แน่นอนว่าไป่หลี่ชิงโร่วสังเกตเห็นอากัปกิริยาและความเคลื่อนไหวดังกล่าวของคนทั้งสอง นางก็เข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดีก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดีจริง ๆ ที่ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองรักและผูกพันกันเช่นนี้ หากท่านอาและอาเขยได้เห็นเจ้าทั้งสองรักกันอย่างแท้จริงเช่นนี้ พวกเขาต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”

“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว”

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบและรู้สึกในใจว่านางได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมากขึ้นทุกที ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้ยากเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริง

“เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องทั้งสองไม่โกรธเคืองเรื่องในวันนั้น ข้าก็รู้สึกโล่งใจ”

ไป่หลี่ชิงโร่วยิ้มน้อย ๆ ก่อนกวาดสายตามองไปรอบตัวและกล่าวกับทุกคน “ทุกคนคงจะเป็นสหายคนสนิทของลูกพี่ลูกน้องทั้งสองสินะ เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้พบกัน ข้าคือไป่หลี่ชิงโร่วและข้ายินดีที่ได้รู้จักทุกคน”

วาจาท่าทางอ่อนโยนและเป็นมิตรของไป่หลี่ชิงโร่วทำให้ผู้คนทั่วไปชื่นชอบนางได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินอวี้โม่มานาน แม้ว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป่หลี่จะแตกต่างจากวันนั้นมาก พวกนางก็ทราบดีว่าคนผู้นี้มีเจตนาไม่ดี เพราะเหตุนั้นทุกคนจึงทำเพียงทักทายตามมารยาทโดยไม่คิดที่จะผูกมิตรใด ๆ

“ได้ยินว่าลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมีลูกที่น่ารักสองคนแล้ว เช่นนั้นเจ้าหนูทั้งสองก็ควรจะเรียกว่าข้าท่านอาสินะ ข้าจะขอพบกับเด็ก ๆ ได้หรือไม่ ?”

ต้องกล่าวเลยว่าไป่หลี่ชิงโร่วแสดงออกได้อย่างแนบเนียนจนไม่สามารถจับผิดได้ ราวกับนางมองหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เป็นญาติสนิทอย่างแท้จริง

“ได้สิ ไม่มีปัญหา”

ฉินอวี้โม่กล่าวก่อนให้เยว่ชิงเฉิงพาเสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือมาที่นี่

เมื่อได้พบเด็กทั้งสอง สีหน้าของไป่หลี่ชิงโร่วก็เผยรอยยิ้มกว้างทันที เด็กน้อยทั้งสองเป็นบุตรของลูกพี่ลูกน้องของนางและมีใบหน้าคล้ายกับบิดามารดาอย่างมาก ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างที่สุด ไป่หลี่ชิงโร่วจึงชื่นชอบเด็กทั้งสองตั้งแต่แรกเห็น

“นี่คือเสี่ยวอ้ายฉือ และนี่คือเสี่ยวอ้ายโม่”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม จากแววตาของไป่หลี่ชิงโร่ว นางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสตรีผู้นี้ชื่นชอบและเอ็นดูบุตรทั้งสองของตนอย่างแท้จริงโดยไม่มีความรู้สึกไม่ดีหรือเจตนาร้ายเจือปน เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกโล่งใจ

ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้ดีพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางอย่างแท้จริง

“สวัสดีเจ้าหนูน้อย ข้าคือญาติของเจ้าทั้งสอง เราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก นี่คือของขวัญจากข้า”

ไป่หลี่ชิงโร่วหยิบแหวนมิติสองวงออกมาและยื่นให้กับเด็กทั้งสองพร้อมด้วยแววตาเอาอกเอาใจทันที นางไม่เคยพบเด็กน้อยที่น่ารักน่าชังมากเช่นนี้มาก่อน ต่อให้นางและฉินอวี้โม่เป็นศัตรูหัวใจต่อกัน ไป่หลี่ชิงโร่วก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าหนูทั้งสองยิ่งนัก

“ขอบคุณ ท่านอา”

เด็กน้อยทั้งสองสุภาพนอบน้อมเกินวัย เมื่อเห็นว่ามารดาไม่ห้ามปราม ทั้งสองจึงพยักศีรษะและยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปรับมัน

แม้จะยังเด็กมาก แต่ทั้งสองก็รู้สึกได้ว่าผู้ใดดีต่อตนอย่างแท้จริงหรือเพียงเสแสร้งตีสองหน้า ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้หวังดีกับทั้งสองด้วยความจริงใจ

“ทั้งสองน่ารักน่าชังทีเดียว หากท่านย่าได้มาพบ ท่านคงจะเอ็นดูเจ้าหนูทั้งสองมากแน่ ๆ”

ท่านย่าของไป่หลี่ชิงโร่วก็คือท่านยายของหานโม่ฉือ

“ท่านยายเป็นอย่างไรบ้าง ?”

เมื่อไป่หลี่ชิงโร่วกล่าวถึงท่านยายของตัวเขา หานโม่ฉือก็อดเอ่ยถามไม่ได้ ถึงอย่างไรแล้วท่านยายก็เป็นคนที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดและเขาย่อมเป็นห่วงเป็นธรรมดา

“ไม่ค่อยดีนัก…”

ไป่หลี่ชิงโร่วถอนหายใจยาวและกล่าวต่อ “หลังจากเกิดสถานการณ์คาดไม่ถึงกับพ่อแม่ของเจ้า ท่านย่าก็แทบไม่เป็นอันกินอันนอน และเมื่อรู้ว่าเจ้าหายตัวไป นางก็ยิ่งเศร้าใจมากขึ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาการของนางแย่ลงเรื่อย ๆ”

ท่านย่าของไป่หลี่ชิงโร่วแท้จริงแล้วเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น นางมีพลังที่ไม่แข็งแกร่งมากนักและยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนด้วยซ้ำ ในอดีตนางและท่านปู่ของไป่หลี่ชิงโร่วตกหลุมรักกันและครองคู่กันเรื่อยมา

เคราะห์ร้ายที่ท่านปู่ของไป่หลี่ชิงโร่วบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์สำคัญครั้งนั้นและเสียชีวิตเร็วกว่าวัยอันควร ท่านย่าของนางจึงต้องอยู่เพียงลำพังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ท่านย่าของไป่หลี่ชิงโร่วรักไป่หลี่จิ่นซิ่ว—มารดาของหานโม่ฉืออย่างมากและชื่นชอบหานซวนหยวนมากเช่นกัน ในอดีตเมื่อไป่หลี่จิ่วซิ่วและหานซวนหยวนเผชิญเคราะห์ร้าย นางก็เศร้าใจเป็นอย่างมากและตั้งใจจะไปที่ตระกูลหานเพื่อช่วยเหลือคนทั้งสอง แต่ทว่าเป็นเพราะขุมกำลังภายนอกบางแห่งทำให้นางไม่สามารถแทรกแซงหรือแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นและทำได้เพียงยอมจำนน

“โม่ฉือ หากเจ้ามีเวลา กลับไปที่จวนตระกูลกับข้าเพื่อพบกับท่านยายของเจ้าเถอะ ถ้าได้พบเจ้า นางจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน”

ไป่หลี่ชิงโร่วกล่าวชักชวนหานโม่ฉือด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ตกลง ข้าจะไป”

หานโม่ฉือพยักศีรษะและกล่าวต่อ “เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น ? พ่อแม่ของข้าเผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้าย เหตุใดตระกูลไป่หลี่จึงไม่ทำอะไรสักอย่าง ? แล้วยังกล่าวกันว่าตอนนี้ความสัมพันธ์กับผู้นำตระกูลหานคนปัจจุบันยังเป็นไปด้วยดีงั้นรึ ?”

นี่คือคำถามข้อสำคัญที่ติดอยู่ในใจหานโม่ฉือ เขายังไม่อาจทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้ และทัศนคติของตระกูลไป่หลี่ทำให้เขาสับสนยิ่งกว่า ในทางกลับกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลก็ยังคงเป็นไปด้วยดีไม่เปลี่ยนแปลง และช่างประหลาดยิ่งนักที่พวกเขายังยึดมั่นในข้อตกลงการแต่งงานจากในอดีตของเขาและไป่หลี่ชิงโร่ว

“เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวทีเดียว”

ไป่หลี่ชิงโร่วทอดถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต นางก็รู้สึกจนปัญญาทันที หากมิใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่จะพบรักและลงเอยกันได้อย่างไร ? เป็นเพราะเรื่องนั้นที่ทำให้นางได้พบกับเขาเมื่อสายเกิน

…ในอดีต หานซวนหยวนเป็นบุตรชายคนโปรดของผู้นำตระกูลหานในตอนนั้น

เขาเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ไม่ว่าจะด้านพรสวรรค์หรือความแข็งแกร่ง อีกทั้งเขายังได้รับความเคารพจากผู้นำตระกูลรวมถึงคนทั้งตระกูล ในขณะเดียวกัน ตอนนั้นไป่หลี่จิ่นซิ่วเองก็เป็นคุณหนูใหญ่คนโปรดของตระกูลไป่หลี่เช่นกัน

เมื่อทั้งสองตกหลุมรักและครองคู่กัน ทั้งสองตระกูลจึงมีความสุขและยินดีเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากทั้งสองแต่งงานกันอย่างมีความสุข ผู้นำตระกูลหานในตอนนั้นก็ตั้งใจจะแต่งตั้งให้หานซวนหยวนสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากเขา น่าเสียดายที่เรื่องนั้นต้องชะงักไปเพราะการถือกำเนิดอย่างกะทันหันของหานโม่ฉือ

เมื่อไป่หลี่จิ่นซิ่วให้กำเนิดบุตรชายคนแรกของตระกูลหาน ผู้นำตระกูลหานทั้งรักและเอ็นดูทั้งสามมากยิ่งขึ้นจนคิดที่จะมอบตำแหน่งของตนให้กับหานซวนหยวนในทันที

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นผู้นำตระกูลหานยังคงแข็งแรงดีและหานซวนหยวนกล่าวปฏิเสธเพราะเขาต้องการดูแลบุตรชายให้เต็มที่ ทั้งเขาและไป่หลี่จิ่นซิ่วมิใช่คนกระหายอำนาจหรืออิทธิพลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หานชาง—ผู้นำตระกูลหานคนปัจจุบันเป็นน้องชายต่างมารดาของหานซวนหยวนและเป็นบุตรชายของอนุภรรยา แรกเริ่มเดิมที พรสวรรค์และความสามารถของเขาเป็นรองเพียงหานซวนหยวนเท่านั้น และเขาก็ได้รับความดีความชอบจากผู้นำตระกูลคนก่อนไม่น้อยเช่นกัน

เขาใฝ่ฝันอยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหานมาโดยตลอด เพราะเหตุนั้นเขาจึงทั้งริษยาและรังเกียจหานซวนหยวนยิ่งนัก ในวันครบรอบหนึ่งขวบปีของหานโม่ฉือ จู่ ๆ หานชางก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทำนายดวงชะตาคนหนึ่งเข้ามา

ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกล่าวว่าหานโม่ฉือจะนำพาเคราะห์ร้ายมาสู่วงศ์ตระกูล เขาเกิดมาพร้อมนัยน์ตาสีแดงฉานและเป็นตัวกาลกิณีที่จะนำพาหายนะมาสู่ตระกูลหาน หากต้องการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ร้ายดังกล่าว ตระกูลหานจะต้องเผาเด็กน้อยหานโม่ฉือเสีย

ในตอนนั้นหานซวนหยวนและคนอื่น ๆ ไม่เชื่อวาจาของคนผู้นั้น ผู้นำตระกูลหานคนก่อนก็ไม่ใส่ใจวาจาดังกล่าวเช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่นัยน์ตาสีแดงฉานดุจปีศาจของหานโม่ฉือปรากฏขึ้นจริง หานชางจึงร่วมมือกับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเพื่อบีบบังคับและกดดันจนผู้นำตระกูลหานจำใจต้องตัดสินใจเผาหานโม่ฉือให้ตายทั้งเป็น

แต่ด้วยความรักของผู้เป็นบิดามารดา แน่นอนว่าหานซวนหยวนและไป่หลี่จิ่นซิ่วไม่มีทางยอมให้บุตรชายของตนต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจในทันที

.